Preface
คำนำผู้เขียน

The Sermon on the Mount is Heaven’s benediction to the world–a voice from the throne of God. It was given to mankind to be to them the law of duty and the light of heaven, their hope and consolation in despondency, their joy and comfort in all the vicissitudes and walks of life. Here the Prince of preachers, the Master Teacher, utters the words that the Father gave Him to speak. {MB vii.2}

“คำเทศนาบนภูเขา” เป็นพระพรจากสวรรค์มายังมนุษย์ทั้งหลายในโลก เป็นพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสมาจากพระที่นั่งของพระองค์ พระเจ้าประทานคำสอนเหล่านั้นให้แก่มนุษย์เพื่อเป็นกฎมาตรฐานแห่งภาระหน้าที่ เป็นแสงสว่างที่ฉายลงมาจากสวรรค์ ให้ความหวังแก่ผู้ที่สิ้นหวัง หนุนกำลังแก่ผู้ที่อ่อนใจ และอำนวยความสุขที่แท้จริง ทั้งประเล้าประโลมใจในทุกสถานการณ์ชีวิตที่ผกผัน ในถ้อยคำเหล่านั้นพระองค์ผู้ทรงเป็นต้นแบบของนักเทศน์ทั้งหลายและเป็นพระบรมาจารย์ตรัสพระคำที่พระบิดาประทานให้พระองค์ {MB vii.2}

The Beatitudes are Christ’s greeting, not only to those who believe, but to the whole human family. He seems to have forgotten for a moment that He is in the world, not in heaven; and He uses the familiar salutation of the world of light. Blessings flow from His lips as the gushing forth of a long-sealed current of rich life. {MB vii.3}

พระดำรัสเรื่อง “ผู้เป็นสุข” เป็นคำอวยพรของพระคริสต์สำหรับมนุษย์ ไม่เพียงแต่ผู้ที่เชื่อในพระองค์เท่านั้น แต่สำหรับมวลมนุษยชาติ คราวนั้นพระเยซูเหมือนจะลืมพระองค์ชั่วขณะว่ากำลังประทับอยู่ในโลก จึงใช้ธรรมเนียมการทักทายแบบสวรรค์ คำอวยพรหลั่งไหลจากพระโอษฐ์ของพระองค์ดุจดังกระแสแห่งชีวิตอุดมสมบูรณ์ {MB vii.3}

Christ leaves us in no doubt as to the traits of character that He will always recognize and bless. From the ambitious favorites of the world, He turns to those whom they disown, pronouncing all blessed who receive His light and life. To the poor in spirit, the meek, the lowly, the sorrowful, the despised, the persecuted, He opens His arms of refuge, saying, “Come unto Me, . . . and I will give you rest.” {MB vii.4}

พระคริสต์ทรงสอนถึงคุณลักษณะของอุปนิสัยที่พระองค์จะยอมรับอย่างทะลุปรุโปร่ง และจะอำนวยพรอย่างไม่มีข้อสงสัย พระองค์มองข้ามบรรดาคนมักใหญ่ใฝ่สูงที่โลกยกย่อง ไปยังคนที่ชาวโลกไม่นิยม ทรงอวยพรแก่ทุกคนที่รับเอาแสงสว่างและชีวิตของพระองค์ พระองค์ทรงต้อนรับผู้ที่รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ คนสุภาพอ่อนโยน คนโศกเศร้า ที่ชาวโลกดูถูกและข่มเหง ตรัสว่า “จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข” {MB vii.4}

Christ can look upon the misery of the world without a shade of sorrow for having created man. In the human heart He sees more than sin, more than misery. In His infinite wisdom and love He sees man’s possibilities, the height to which he may attain. He knows that, even though human beings have abused their mercies and destroyed their God-given dignity, yet the Creator is to be glorified in their redemption. {MB vii.5}

พระคริสต์สามารถมองไปยังความทุกข์เวทนาในโลกโดยไม่มีความเศร้าเสียพระทัยแต่อย่างใดที่ทรงสร้างมนุษย์มา เพราะพระองค์ทรงเห็นว่า ในใจของมนุษย์มีมากกว่าความบาปและความทุกข์โศก เนื่องจากว่าพระองค์ทรงมีความรักและพระปรีชาสามารถจึงมองเห็นถึงความเป็นไปได้ที่มนุษย์สามารถบรรลุถึง พระองค์ทรงรู้ว่า ถึงแม้มนุษย์ประมาทพระเมตตาของพระองค์และทำลายความสง่างามที่พระองค์ประทานให้นั้น แต่พระผู้สร้างทรงได้รับพระเกียรติในการไถ่มนุษย์ให้รอด {MB vii.5}

Throughout all time the words that Christ spoke from the mount of Beatitudes will retain their power. Every sentence is a jewel from the treasure house of truth. The principles enunciated in this discourse are for all ages and for all classes of men. With divine energy, Christ expressed His faith and hope as He pointed out class after class as blessed because of having formed righteous characters. Living the life of the Life-giver, through faith in Him, everyone can reach the standard held up in His words. {MB vii.6}

พระดำรัสของพระคริสต์ที่ตรัสไว้บนเนินเขาแห่งพระพรจะยังคงไว้ซึ่งฤทธานุภาพตลอดกาล คำสอนทุกประโยคเป็นดังอัญมณีจากพระคลังแห่งความจริง หลักการที่พระองค์ทรงสอนมีความหมายสำหรับคนทุกระดับชนชั้นในทุกยุคสมัย ด้วยฤทธานุภาพ ความเชื่อและความหวัง พระคริสต์ทรงชี้แนะคนแต่ละกลุ่มที่ได้รับพระพรด้วยการเพาะอุปนิสัยที่ชอบธรรม และทรงเผยหนทางที่ทุกคนสามารถบรรลุถึงมาตรฐานที่พระองค์ทรงวางไว้ได้ ด้วยการดำเนินชีวิตแห่งความเชื่อในพระองค์ผู้ทรงประทานชีวิตนั้น {MB vii.6}