Chapter 14 (บทที่ 14)
Ministry to the Rich
ภารกิจต่อผู้ที่มั่งมี

Cornelius, the Roman centurion, was a man of wealth and of noble birth. His position was one of trust and honor. A heathen by birth, training, and education, through contact with the Jews he had gained a knowledge of the true God, and he worshiped Him, showing the sincerity of his faith by compassion to the poor. He gave “alms to the people, and prayed to God always.” Acts 10:2, A.R.V. {MH 209.1}

โครเนลิอัสนายร้อยชาวโรมันเป็นนายทหารที่มีทรัพย์สมบัติอันมั่งคั่งและถือกำเนิดในตระกูลที่สูงศักดิ์ ฐานะของเขาจัดอยู่ในหมู่ผู้มีเกียรติและเป็นที่เชื่อถือของคนทั่วไป เป็นคนต่างชาติแต่กำเนิด รวมทั้งการอบรมและการศึกษา แต่จากการติดต่อเกี่ยวข้องกับชาวยิว ทำให้เขาได้รับความรู้ของพระเจ้าผู้เที่ยงแท้และนมัสการพระองค์ และได้แสดงออกถึงความเชื่อที่จริงใจของเขาโดยการให้ความเมตตากรุณาแก่คนยากจน เขา “ให้ทานมากมายแก่ประชาชนและอธิษฐานพระเจ้าเสมอ” กิจการ 10:2 {MH 209.1}

Cornelius had not a knowledge of the gospel as revealed in the life and death of Christ, and God sent a message direct from heaven to him, and by another message directed the apostle Peter to visit and instruct him. Cornelius was not united with the Jewish church, and he would have been looked upon by the rabbis as a heathen and unclean; but God read the sincerity of his heart, and sent messengers from His throne to unite with His servant on earth in teaching the gospel to this officer of Rome. {MH 209.2}

โครเนลิอัสไม่ทราบถึงข่าวประเสริฐตามที่ปรากฏอยู่ในชีวิตและการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์ ดังนั้น พระเจ้าจึงประทานข่าวสารจากสวรรค์มาให้แก่เขาโดยตรง และข่าวสารอีกทางหนึ่งดลใจให้อัครสาวกเปโตรไปเยี่ยมเยียนและให้คำแนะนำสั่งสอนแก่เขา โครเนลิอัสมิได้เข้าร่วมกับคริสตจักรใดของชาวยิว และพวกอาจารย์รับบีต่างเห็นว่าเขาเป็นคนนอกศาสนาและมีมลทิน แต่พระเจ้าทรงทอดพระเนตรถึงความซื่อสัตย์ของจิตใจของเขา จึงทรงโปรดส่งผู้นำข่าวจากพระที่นั่งของพระองค์ให้มาร่วมกับผู้รับใช้ของพระองค์ที่อยู่ในแผ่นดินโลก เพื่อจะสอนข่าวประเสริฐให้นายทหารชาวโรมันผู้นี้ {MH 209.2}

So today God is seeking for souls among the high as well as the low. There are many like Cornelius, men whom He desires to connect with His church. Their sympathies are with the Lord’s people. But the ties that bind them to the world hold them firmly. It requires moral courage for these men to take their position with the lowly ones. Special effort should be made for these souls, who are in so great danger because of their responsibilities and associations. {MH 209.3}

ทุกวันนี้ พระเจ้าก็ทรงแสวงหาจิตวิญญาณที่อยู่ในเหล่าคนชั้นสูงรวมทั้งในบรรดาคนชั้นล่างด้วยเช่นกัน มีหลายคนที่มีลักษณะเหมือนโครเนลิอัสซึ่งพระเจ้าทรงปรารถนาที่จะให้เขาได้มาเข้าร่วมอยู่ในคริสตจักรของพระองค์ คนเหล่านี้มีความเห็นอกเห็นใจในประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พันธะทางโลกเหนี่ยวรั้งพวกเขาไว้อย่างแน่นหนา คนเหล่านี้ต่างต้องการกำลังด้านศีลธรรมในการกระตุ้นให้ดำเนินตามความตั้งใจของเขาทั้งหลายในการช่วยเหลือคนยากจน จิตวิญญาณของคนเหล่านี้ควรได้รับการสนับสนุนปกป้องอย่างพิเศษจากภัยอันตรายที่เกาะติดมากับหน้าที่รับผิดชอบและแวดวงสังคมในทางโลกของเขา {MH 209.3}

Much is said concerning our duty to the neglected poor; should not some attention be given to the neglected rich? Many look upon this class as hopeless, and they do little to open the eyes of those, who, blinded and dazed by the glitter of earthly glory, have lost eternity out of their reckoning. Thousands of wealthy men have gone to their graves unwarned. But indifferent as they may appear, many among the rich are soul-burdened. “He that loveth silver shall not be satisfied with silver; nor he that loveth abundance with increase.” He that says to fine gold, “Thou art my confidence,” has “denied the God that is above.” “None of them can by any means redeem his brother, nor give to God a ransom for him: (For the redemption of their soul is precious, and it ceaseth forever).” Ecclesiastes 5:10; Job 31:24, 28; Psalm 49:7, 8. {MH 210.1}

ได้มีการพูดกันเป็นอย่างมากไปแล้วถึงหน้าที่ๆ มีต่อคนยากจนที่ไม่มีใครเหลียวแล แล้วเราไม่ควรจะเอาใจใส่ต่อคนมั่งมีที่ถูกปล่อยปะละเลยบ้างหรือ หลายคนมองว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนสิ้นหวังแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่พยายามที่จะเปิดตาใจของคนมั่งมีเหล่านี้ที่มืดบอดและพร่ามัวไปกับความรุ่งเรืองในทางโลกจนได้มองข้ามชีวิตนิรันดร์ไปจากการคาดหวังของพวกเขา คนมั่งมีมากมายจึงตายไปโดยที่ไม่ได้รับคำเตือน แม้อาจจะดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ใคร่สนใจใยดีก็ตาม แต่ก็มีหลายคนที่แบกความทุกข์อยู่ภายในจิตวิญญาณ “คนรักเงินย่อมไม่อิ่มเงิน และคนรักสมบัติไม่รู้จักอิ่มกำไร” คนที่บอกกับทองคำนพคุณว่า “ท่านเป็นที่วางใจของข้า” “คงต้องทุจริตต่อพระเจ้าเบื้องบน” “แน่ทีเดียวไม่มีคนใดไถ่พี่น้องของตนได้ หรือถวายค่าชีวิตของเขาแด่พระเจ้า เพราะค่าไถ่ชีวิตของเขานั้นแพงและไม่เคยพอเลย” ปัญญาจารย์ 5:10; โยบ 31:24, 28; สดุดี 49:7, 8 {MH 210.1}

Riches and worldly honor cannot satisfy the soul. Many among the rich are longing for some divine assurance, some spiritual hope. Many long for something that will bring to an end the monotony of their aimless lives. Many in official life feel their need of something which they have not. Few among them go to church; for they feel that they receive little benefit. The teaching they hear does not touch the heart. Shall we make no personal appeal to them? {MH 210.2}

ความมั่งคั่งและเกียรติยศทางโลกไม่สามารถตอบสนองความต้องการของจิตวิญญาณ มีคนมั่งมีมากมายปรารถนาได้รับความหวังในฝ่ายจิตวิญญาณและคำมั่นสัญญาในบางประการจากพระเจ้า หลายคนต้องการบางสิ่งที่จะยุติความจำเจในชีวิตที่ไร้จุดมุ่งหมายของพวกเขา หลายคนในชีวิตหน้าที่การงานต่างรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาต้องการแต่ยังไม่ได้รับ มีน้อยคนในบรรดาคนเหล่านี้ที่เข้าหาคริสตจักร เพราะพวกเขารู้สึกว่าได้รับประโยชน์แต่เพียงน้อยนิด คำสอนที่พวกเขาได้ยินมิได้แตะต้องจิตใจของพวกเขา เราจะไม่ดลใจพวกเขาเป็นการส่วนตัวเลยหรือ {MH 210.2}

Among the victims of want and sin are found those who were once in possession of wealth. Men of different vocations and different stations in life have been overcome by the pollutions of the world, by the use of strong drink, by the indulgence of lust, and have fallen under temptation. While these fallen ones demand pity and help, should not some attention be given to those who have not yet descended to these depths, but who are setting their feet in the same path? {MH 210.3}

เราจะพบผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ครั้งหนึ่งเคยร่ำรวยมาก่อน ในบรรดาผู้ที่ตกเป็นทาสของความปรารถนาและความผิดบาป พวกเขามาจากหลากหลายสาขาอาชีพและมีพื้นฐานชีวิตที่ต่างกัน แต่ก็พ่ายแพ้ต่อความชั่วร้ายด้วยสารมลทินของโลก ไม่ว่าจะด้วยการดื่มสุราและสิ่งมึนเมา ด้วยลุ่มหลงในตัณหาราคะและตกไปสู่การทดลอง ในขณะที่ผู้หลงผิดเหล่านี้ต่างต้องการความสงสารและความช่วยเหลือ เราจะไม่ใส่ใจที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ซึ่งยังไม่ได้ตกอยู่ในห้วงเหวลึกระดับนี้ แต่กำลังจะย่างเท้าไปสู่เส้นทางเดียวกันนี้บ้างเลยหรือ {MH 210.3}

Thousands in positions of trust and honor are indulging habits that mean ruin to soul and body. Ministers of the gospel, statesmen, authors, men of wealth and talent, men of vast business capacity and power for usefulness, are in deadly peril because they do not see the necessity of self-control in all things. They need to have their attention called to the principles of temperance, not in a narrow or arbitrary way, but in the light of God’s great purpose for humanity. Could the principles of true temperance thus be brought before them, there are very many of the higher classes who would recognize their value and give them a hearty acceptance. {MH 211.1}

มีคนมากมายที่ดำรงตำแหน่งในหน้าที่ๆ มีเกียรติและเป็นที่เชื่อถือของคนทั่วไปกำลังปล่อยตัวปล่อยใจไปกับนิสัยที่คอยมุ่งทำลายทั้งจิตวิญญาณและร่างกาย ผู้ประกาศข่าวประเสริฐ เหล่าผู้นำของประเทศ นักประพันธ์ ผู้ที่มั่งคั่งและมีพรสวรรค์ ยักษ์ใหญ่ในวงการธุรกิจ เจ้าของธุรกิจ ต่างตกอยู่ในอันตรายที่ร้ายแรง เพราะพวกเขาต่างมองไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องคอยควบคุมตัวเองในทุกๆ สิ่ง เขาจำต้องให้ความสนใจในหลักการที่เกี่ยวกับการประมาณตน ไม่ใช่เพียงในเชิงแคบหรือในเชิงตามใจตนเอง แต่ต้องเป็นไปตามพระประสงค์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่มีต่อมนุษยชาติ หากได้นำหลักการการประมาณตนที่แท้จริงเหล่านี้มาเสนอให้แก่พวกเขาแล้ว ก็ย่อมจะมีชนชั้นสูงมากมายที่มองเห็นถึงคุณค่าของหลักการเหล่านี้และยอมที่จะเปิดใจรับเอาความจริงด้วยความเต็มใจ {MH 211.1}

We should show these persons the result of harmful indulgences in lessening physical, mental, and moral power. Help them to realize their responsibility as stewards of God’s gifts. Show them the good they could do with the money they now spend for that which does them only harm. Present the total abstinence pledge, asking that the money they would otherwise spend for liquor, tobacco, or like indulgences be devoted to the relief of the sick poor or for the training of children and youth for usefulness in the world. To such an appeal not many would refuse to listen. {MH 211.2}

เราควรแสดงให้คนเหล่านี้เห็นถึงผลร้ายของการปล่อยตามใจตัวเองที่บั่นทอนกำลังกาย กำลังสมองและศีลธรรมจรรยา จงช่วยพวกเขาได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบของตนเองในฐานะผู้ที่ต้องรักษาของประทานที่พระเจ้าทรงมอบให้ จงแสดงให้พวกเขาเห็นถึงประโยชน์ที่พวกเขาสามารถทำให้เกิดขึ้นได้อย่างไรจากการใช้เงินทองที่ในทุกวันนี้พวกเขาได้ใช้ซื้อหาแต่สิ่งที่เป็นอันตรายต่อตัวของพวกเขาเอง จงแนะนำให้พวกเขาให้คำมั่นสัญญาที่จะลด ละ เลิกในอบายมุขอย่างเด็ดขาด จงเชื้อเชิญให้พวกเขานำเงินทองที่ใช้ไปซื้อหาสุรา สิ่งมึนเมา บุหรี่หรือการตามใจตัวเองในสิ่งที่ไร้ประโยชน์ไปอุทิศเพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้แก่คนยากจนที่เจ็บป่วย หรือใช้ในการอบรมฝึกสอนเด็กๆ และคนหนุ่มสาวเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่โลกนี้ คำเชื้อเชิญเช่นนี้ย่อมมีน้อยคนนักที่จะปฏิเสธไม่รับฟัง {MH 211.2}

There is another danger to which the wealthy are especially exposed, and here is also a field for the medical missionary. Multitudes who are prosperous in the world, and who never stoop to the common forms of vice, are yet brought to destruction through the love of riches. The cup most difficult to carry is not the cup that is empty, but the cup that is full to the brim. It is this that needs to be most carefully balanced. Affliction and adversity bring disappointment and sorrow; but it is prosperity that is most dangerous to spiritual life. {MH 211.3}

มีภัยอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่โดยเฉพาะคนมั่งมีมักตกเป็นเป้าและนี่เป็นอีกพื้นนาของผู้ที่ทำงานในการเผยแพร่ศาสนาในด้านการแพทย์ด้วยเช่นกัน บุคคลมากมายที่ร่ำรวยมั่งคั่งในโลกนี้ที่ไม่ยอมกระทำความผิดบาปในรูปแบบทั่ว ๆ ไป แต่มักจะพลาดและก้าวไปสู่ความพินาศด้วยเพราะความรักในทรัพย์สินเงินทองหรือโลภนั่นเอง แก้วน้ำที่ถือได้ยากที่สุดย่อมมิใช่เป็นแก้วเปล่า แต่เป็นแก้วที่เต็มเอ่อถึงปากขอบ แก้วน้ำลักษณะนี้แหละที่ผู้ถือต้องทรงตัวด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด ความทุกข์โศกและความยากลำบากนำมาซึ่งความผิดหวังและความเศร้าโศก แต่ความร่ำรวยมั่งคั่งนั่นแหละที่เป็นภัยอันตรายมากที่สุดต่อจิตวิญญาณ {MH 211.3}

Those who are suffering reverses are represented by the bush that Moses saw in the desert, which, though burning, was not consumed. The angel of the Lord was in the midst of the bush. So in deprivation and affliction the brightness of the presence of the Unseen is with us to comfort and sustain. Often prayer is solicited for those who are suffering from illness or adversity; but our prayers are most needed by the men entrusted with prosperity and influence. {MH 212.1}

คนทั้งหลายที่ต้องทนทุกข์ลำบากแบบพลิกผันนั้น ก็เปรียบเหมือนพุ่มไม้ที่โมเสสเห็นในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งแม้จะมีไฟลุกโพลง แต่ก็มิได้มอดไหม้ไป เพราะทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่ในกลางพุ่มไม้นั้น ดังนั้น ในความตกต่ำและความทุกข์ยากก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน ราศีการทรงสถิตของพระเจ้าจะอยู่กับเราเพื่อช่วยปลอบประโลมและค้ำจุนจิตใจของเราไว้ บ่อยครั้ง เราจะได้รับการเชื้อเชิญให้อธิษฐานเผื่อผู้ที่กำลังได้รับความทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยหรือความยากลำบาก แต่ผู้ที่ต้องการคำอธิษฐานจากเรามากที่สุดกลับเป็นผู้ที่มีความเจริญรุ่งเรืองและมีอิทธิพลนั่นเอง {MH 212.1}

In the valley of humiliation, where men feel their need and depend on God to guide their steps, there is comparative safety. But the men who stand, as it were, on a lofty pinnacle, and who, because of their position, are supposed to possess great wisdom–these are in greatest peril. Unless such men make God their dependence, they will surely fall. {MH 212.2}

เมื่อภายในจิตใจของมนุษย์มีความรู้สึกถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน รู้สึกถึงความต้องการและหวังพึ่งพาในพระเจ้าให้เป็นผู้นำทางในชีวิตก็จะมีความปลอดภัยมากกว่า แต่ผู้มีตำแหน่งอันสูงส่งและคิดว่าตัวเองนั้นมีสติปัญญาที่ล้ำเลิศ คนเช่นนี้กลับตกอยู่ในอันตรายมากที่สุด คนเช่นนี้ย่อมจะต้องประสบกับความพินาศโดยไม่ต้องสงสัย นอกเสียจากว่าเขาจะยอมรับในพระเจ้าให้พระองค์เป็นที่พึ่งพิงในชีวิตของเขา {MH 212.2}

The Bible condemns no man for being rich, if he has acquired his riches honestly. Not money, but the love of money, is the root of all evil. It is God who gives men power to get wealth; and in the hands of him who acts as God’s steward, using his means unselfishly, wealth is a blessing, both to its possessor and to the world. But many, absorbed in their interest in worldly treasures, become insensible to the claims of God and the needs of their fellow men. They regard their wealth as a means of glorifying themselves. They add house to house, and land to land; they fill their homes with luxuries, while all about them are human beings in misery and crime, in disease and death. Those who thus give their lives to self-serving are developing in themselves, not the attributes of God, but the attributes of the wicked one. {MH 212.3}

พระคัมภีร์มิได้ตำหนิคนที่มั่งมีหากเขาได้ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นมาด้วยความสุจริต แต่การคลั่งไคล้ในเงินทองเป็นรากเหง้าแห่งความชั่วร้าย พระเจ้าทรงเป็นผู้ประทานกำลังเพื่อให้มนุษย์สามารถหาทรัพย์สินเงินทองมาได้ และถ้าผู้รับใช้ของพระเจ้าจะใช้ทรัพย์สินที่พระองค์ประทานให้แก่เขาอย่างไม่เห็นแก่ตัวแล้ว ทรัพย์สินเหล่านั้นก็จะกลายเป็นพระพรให้เกิดความสุขทั้งแก่เจ้าของและคนทั้งหลายในโลก แต่หลายคนได้หมกมุ่นฝักใฝ่อยู่แต่กับทรัพย์สมบัติในทางโลก พวกเขาจึงเมินเฉยต่อข้อกำหนดในบทบัญญัติของพระเจ้าและไม่แยแสต่อความต้องการของเพื่อนมนุษย์ พวกเขาถือว่าทรัพย์สมบัติของพวกเขาเป็นเครื่องประดับเกียรติของตนเอง พวกเขาเป็นเจ้าของบ้านหลังแล้วหลังเล่า ครอบครองที่ดินผืนแล้วผืนเล่า และจัดหาสิ่งของฟุ่มเฟือยมาประดับบ้านของตน ในขณะที่รอบๆ ตัวของเขานั้น ต่างมีเพื่อนมนุษย์ที่ได้รับความทุกข์ยากและก่ออาชญากรรม คนเจ็บป่วยล้มตายอยู่มากมาย ผู้ที่อุทิศชีวิตเพื่อปรนนิบัติรับใช้ตัวเอง มิใช่ผู้ที่มีคุณสมบัติของพระเจ้าแต่มีคุณสมบัติของคนเลว {MH 212.3}

These men are in need of the gospel. They need to have their eyes turned from the vanity of material things to behold the preciousness of the enduring riches. They need to learn the joy of giving, the blessedness of being co-workers with God. {MH 213.1}

คนเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ถึงข่าวประเสริฐ พวกเขาจึงต้องหันเหความสนใจจากสิ่งไม่เที่ยงทางโลกที่เป็นอนิจจัง แล้วหันไปมองถึงความล้ำค่าของทรัพย์สมบัติอันถาวรยั่งยืน พวกเขาต้องเรียนรู้ถึงความสุขของการเป็นผู้ให้และการได้รับพระพรที่ได้เป็นผู้ร่วมงานกับพระเจ้า {MH 213.1}

The Lord bids us, “Charge them that are rich in this world” that they trust not “in uncertain riches, but in the living God, who giveth us richly all things to enjoy; that they do good, that they be rich in good works, ready to distribute, willing to communicate; laying up in store for themselves a good foundation against the time to come, that they may lay hold on eternal life.” 1 Timothy 6:17-19. {MH 213.2}

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีพระดำรัสสั่งเราทั้งหลายว่า “สำหรับคนเหล่านั้นที่มั่งมีฝ่ายโลก จงกำชับเขาอย่าให้มีมานะทิฐิ หรือให้เขามุ่งหวังในทรัพย์ที่ไม่เที่ยง แต่จงหวังในพระเจ้าผู้ประทานทุกสิ่งเพื่อความสะดวกสบายของเรา จงกำชับให้เขากระทำดี ให้กระทำดีมาก ๆ ให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และไม่เห็นแก่ตัว อย่างนี้จึงจะเป็นการวางรากฐานอันดีไว้สำหรับตนเองในภายหน้า เพื่อว่าเขาจะได้รับเอาชีวิตซึ่งเป็นชีวิตอันแท้จริง” 1 ทิโมธี 6:17-19 {MH 213.2}

It is by no casual, accidental touch that wealthy, world-loving, world-worshiping souls can be drawn to Christ. These persons are often the most difficult of access. Personal effort must be put forth for them by men and women imbued with the missionary spirit, those who will not fail or be discouraged. {MH 213.3}

การชักนำผู้ที่ร่ำรวยและฝักใฝ่บูชาในทางโลกให้เข้ามาหาพระคริสต์นั้น มิใช่จะเกิดขึ้นได้โดยบังเอิญหรือไม่จำเป็นต้องอาศัยความตั้งใจใดๆ บุคคลเหล่านี้มักจะเป็นผู้ที่เข้าถึงได้ยากที่สุด ชายหญิงที่มีจิตใจเลื่อมใสศรัทธาในการประกาศพระศาสนา ผู้ที่จะไม่ยอมท้อถอยหรือล้มเลิก จะต้องใช้ความเพียรพยายามเป็นการส่วนตัวจึงจะสามารถชักจูงคนเหล่านี้ให้เข้ามาหาพระคริสต์ได้ {MH 213.3}

Some are especially fitted to work for the higher classes. These should seek wisdom from God to know how to reach these persons, to have not merely a casual acquaintance with them, but by personal effort and living faith to awaken them to the needs of the soul, to lead them to a knowledge of the truth as it is in Jesus. {MH 213.4}

คนบางคนมีคุณสมบัติที่เหมาะสมเป็นพิเศษที่จะทำงานกับคนชั้นสูงได้ คนเหล่านี้ควรจะแสวงหาสติปัญญาจากพระเจ้าเพื่อที่จะเรียนรู้ถึงวิธีการที่จะสามารถเข้าถึงกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ซึ่งมิใช่เป็นการเข้าไปทำความรู้จักกับพวกเขาแต่เพียงผิวเผินเท่านั้น แต่เป็นการใช้ความเพียรพยายามส่วนตัวและอาศัยความเชื่ออันมีชีวิตจิตใจเพื่อคอยกระตุ้นเตือนพวกเขาได้ตระหนักถึงความต้องการฝ่ายจิตวิญญาณและนำพาพวกเขาให้เรียนรู้ถึงความจริงตามที่มีอยู่ในพระเยซู {MH 213.4}

Many suppose that in order to reach the higher classes, a manner of life and method of work must be adopted that will be suited to their fastidious tastes. An appearance of wealth, costly edifices, expensive dress, equipage, and surroundings, conformity to worldly customs, the artificial polish of fashionable society, classical culture, the graces of oratory, are thought to be essential. This is an error. The way of worldly policy is not God’s way of reaching the higher classes. That which will reach them effectually is a consistent, unselfish presentation of the gospel of Christ. {MH 213.5}

หลายคนคิดว่าในการที่จะเข้าถึงคนชั้นสูงได้นั้น พวกเขาต้องนำเอาวิถีชีวิตและวิธีการทำงานที่เข้ากันได้กับรสนิยมที่พิถีพิถันของคนชั้นสูงเหล่านั้น พวกเขาคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การทำตัวเป็นผู้ร่ำรวย มีบ้านช่องที่หรูหรา สวมเสื้อผ้า มีเครื่องใช้ไม้สอยและสิ่งรอบกายที่ล้วนแล้วแต่มีราคาแพง พยายามทำตัวให้เข้ากับจารีตของฝ่ายโลก เข้ากับสังคมสมัยนิยมแบบจอมปลอม เข้ากับค่านิยมและความเชื่อดั้งเดิมแบบเก่าๆ รวมทั้งการใช้ถ้อยคำสำนวนโวหารแบบผู้หลากมากดี แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความคิดที่ผิดๆ การดำเนินการตามแผนการของผู้ที่อยู่ทางโลกนั้น มิใช่วิธีการที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อที่จะเข้าถึงคนชั้นสูง การที่จะเข้าถึงพวกเขาได้อย่างสำเร็จผลนั้นก็คือ การนำเสนอข่าวประเสริฐของพระคริสต์อย่างมั่นคงและอย่างไม่เห็นแก่ตัว {MH 213.5}

The experience of the apostle Paul in meeting the philosophers of Athens has a lesson for us. In presenting the gospel before the court of the Areopagus, Paul met logic with logic, science with science, philosophy with philosophy. The wisest of his hearers were astonished and silenced. His words could not be controverted. But the effort bore little fruit. Few were led to accept the gospel. Henceforth Paul adopted a different manner of labor. He avoided elaborate arguments and discussion of theories, and in simplicity pointed men and women to Christ as the Saviour of sinners. Writing to the Corinthians of his work among them, he said: {MH 214.1}

ประสบการณ์ของอัครสาวกเปาโลในการพบปะกับนักปรัชญาต่าง ๆ ของกรุงเอเธนส์เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับเรา ในการประกาศข่าวประเสริฐ หน้าสภาอาเรโอปากัส เปาโลโต้แย้งหลักตรรกวิทยาด้วยหลักตรรกวิทยา หลักวิทยาศาสตร์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ หลักปรัชญาด้วยหลักปรัชญา ผู้ฟังที่ฉลาดปราดเปรื่องที่สุดพากันประหลาดใจและนิ่งเงียบไป ไม่มีผู้ใดสามารถค้านถ้อยคำของเขาได้ แต่ความพยายามของเขานั้นได้ผลเพียงเล็กน้อย มีเพียงไม่กี่คนที่ยอมรับในข่าวประเสริฐ นับตั้งแต่นั้นมา เปาโลได้นำวิธีการที่แตกต่างมาใช้ เขาหลีกเลี่ยงการโต้แย้งที่มากความและการถกด้วยทฤษฎีต่างๆ ด้วยคำอธิบายที่ง่ายๆ เขาชี้ให้ชายหญิงเห็นว่าพระคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคนบาป เปาโลได้เขียนจดหมายเล่าถึงกิจการที่เขาได้กระทำให้แก่คริสตจักรที่เมืองโครินธ์ว่า {MH 214.1}

“I, brethren, when I came to you, came not with excellency of speech or of wisdom, declaring unto you the testimony of God. For I determined not to know anything among you, save Jesus Christ, and Him crucified. . . . My speech and my preaching was not with enticing words of man’s wisdom, but in demonstration of the Spirit and of power: that your faith should not stand in the wisdom of men, but in the power of God.” 1 Corinthians 2:1-5. {MH 214.2}

“ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้ามาหาท่าน ข้าพเจ้ามิได้มาเพื่อประกาศสักขีพยานของพระเจ้าแก่ท่านทั้งหลาย ด้วยถ้อยคำอันไพเราะหรือด้วยสติปัญญา เพราะข้าพเจ้าตั้งใจว่าจะไม่แสดงความรู้เรื่องใดๆ ในหมู่พวกท่านเลย เว้นแต่เรื่องพระเยซูคริสต์และการที่พระองค์ทรงถูกตรึงที่กางเขน…..คำพูดและคำเทศนาของข้าพเจ้าไม่ใช่คำที่เกลี้ยกล่อมด้วยสติปัญญา แต่เป็นคำซึ่งได้แสดงพระวิญญาณและพระเดชานุภาพ เพื่อความเชื่อของท่านจะไม่ได้อาศัยสติปัญญาของมนุษย์ แต่อาศัยฤทธิ์เดชของพระเจ้า” 1 โครินธ์ 2:1-5 {MH 214.2}

Again, in his letter to the Romans, he says: {MH 215.1}

อีกครั้งหนึ่ง ในจดหมายที่ท่านเขียนถึงคริสตจักรที่กรุงโรม ท่านได้กล่าวว่า {MH 215.1}

“I am not ashamed of the gospel of Christ: for it is the power of God unto salvation to everyone that believeth; to the Jew first, and also to the Greek.” Romans 1:16. {MH 215.2}

“ข้าพเจ้าไม่มีความละอายในเรื่องข่าวประเสริฐ เพราะว่าข่าวประเสริฐนั้นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด พวกยิวก่อน แล้วพวกต่างชาติด้วย” โรม 1:16 {MH 215.2}

Let those who work for the higher classes bear themselves with true dignity, remembering that angels are their companions. Let them keep the treasure house of mind and heart filled with, “It is written.” Hang in memory’s hall the precious words of Christ. They are to be valued far above gold or silver. {MH 215.3}

ขอให้ผู้ที่ทำงานกับคนชั้นสูงวางตัวให้เป็นที่เคารพนับถือและจดจำไว้ว่าทูตสวรรค์จะเป็นเพื่อนร่วมงานของเขา ขอให้เขาได้จดจำบันทึกถ้อยคำที่ว่า “พระคัมภีร์มีคำเขียนไว้ว่า” ลงในคลังสมองและจิตใจ และเก็บพระดำรัสอันประเสริฐของพระคริสต์นี้ไว้ในความทรงจำ เขาจะต้องถือว่าพระดำรัสของพระองค์นั้นมีค่ายิ่งกว่าทองนพคุณและเงิน {MH 215.3}

Christ has said that it is easier for a camel to go through the eye of a needle than for a rich man to enter the kingdom of God. In the work for this class many discouragements will be presented, many heartsickening revelations will be made. But all things are possible with God. He can and will work through human agencies upon the minds of men whose lives have been devoted to money getting. {MH 215.4}

พระคริสต์ตรัสว่าการที่ตัวอูฐจะรอดรูเข็มนั้นก็ง่ายยิ่งกว่าการที่คนมั่งมีจะได้เข้าในแผ่นดินของพระเจ้า ผู้ที่ทำงานประกาศศาสนาแก่กลุ่มของคนมั่งมีย่อมจะได้รับความผิดหวังและความเสียใจอยู่อย่างมากมาย แต่ทุกสิ่งย่อมเป็นไปได้สำหรับพระเจ้า พระองค์ทรงสามารถและจะทรงประกอบกิจโดยอาศัยมนุษย์ซึ่งเป็นภาชนะของพระองค์เพื่อชักจูงพวกที่มีใจรักเงินทองให้มาหาพระองค์ {MH 215.4}

There are miracles to be wrought in genuine conversion, miracles that are not now discerned. The greatest men of the earth are not beyond the power of a wonder-working God. If those who are workers together with Him will do their duty bravely and faithfully, God will convert men who occupy responsible places, men of intellect and influence. Through the power of the Holy Spirit, many will be led to accept the divine principles. {MH 216.1}

มีการอัศจรรย์ที่พระองค์จะทรงกระทำให้บังเกิดขึ้นในการกลับใจใหม่อย่างแท้จริง อันเป็นการอัศจรรย์ที่เรายังมองไม่เห็นในเวลานี้ พระเจ้าทรงมีฤทธิ์อำนาจที่จะกระทำการอัศจรรย์ในการชักจูงแม้กระทั่งผู้ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกให้มาหาพระองค์ได้ หากผู้ที่ทำงานร่วมกับพระองค์จะพยายามทำหน้าที่ของเขาด้วยความซื่อสัตย์และกล้าหาญ พระเจ้าจะทรงโปรดให้ผู้ที่มีสติปัญญาและผู้ที่ทรงอิทธิพล รวมทั้งผู้ที่มีความรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่ๆ สำคัญให้ได้กลับใจเสียใหม่ โดยอาศัยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หลายคนจะได้รับการชักจูงให้ยอมรับหลักการของพระเจ้า {MH 216.1}

When it is made plain that the Lord expects them as His representatives to relieve suffering humanity, many will respond and will give of their means and their sympathies for the benefit of the poor. As their minds are thus drawn away from their own selfish interests, many will surrender themselves to Christ. With their talents of influence and means they will gladly unite in the work of beneficence with the humble missionary who was God’s agent in their conversion. By a right use of their earthly treasures they will lay up for themselves “a treasure in the heavens that faileth not, where no thief approacheth, neither moth corrupteth.” {MH 216.2}

เมื่อคนเหล่านั้นได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมุ่งหวังให้พวกเขาได้เป็นผู้แทนของพระองค์ ในการที่จะช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ยากของมนุษย์ทั้งหลาย หลายคนจะขานรับและ ถวายปัจจัยของพวกเขารวมทั้งความเห็นอกเห็นใจเพื่อช่วยเหลือคนยากจน เมื่อจิตใจของพวกเขามิได้คิดถึงแต่ผลประโยชน์ที่เห็นแก่ตัวของตนเอง หลายคนก็จะยอมมอบถวายตัวเองเพื่อพระคริสต์ ด้วยอิทธิพลความสามารถและปัจจัย พวกเขาจะจับมือด้วยความยินดีกับผู้ประกาศศาสนาผู้ถ่อมตนที่เป็นผู้นำพวกเขามากลับใจนั้นร่วมทำงานเกื้อกูลแก่สังคม โดยการใช้ทรัพย์สมบัติทางโลกของเขาอย่างถูกต้อง พวกเขาจะสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวเอง “ในสวรรค์ซึ่งไม่รู้หมดสิ้น มีขโมยมิได้เข้ามาใกล้ และที่ตัวแมลงมิได้ทำลายเสีย” ลูกา 12:33 {MH 216.2}

When converted to Christ, many will become agencies in the hand of God to work for others of their own class. They will feel that a dispensation of the gospel is committed to them for those who have made this world their all. Time and money will be consecrated to God, talent and influence will be devoted to the work of winning souls to Christ. {MH 216.3}

เมื่อได้กลับใจใหม่มาเชื่อในพระคริสต์แล้ว หลายคนจะได้เป็นผู้แทนที่อยู่ภายใต้พระหัตถ์ของพระเจ้าในการชักจูงคนอื่นๆ ที่เป็นคนในชนชั้นเดียวกันกับเขาให้มาหาพระองค์ พวกเขาจะรู้สึกว่าได้รับมอบหน้าที่การประกาศข่าวประเสริฐให้แก่ผู้ที่ยังหลงติดอยู่ในทางโลกไว้แล้ว พวกเขาจะมอบถวายเวลาและเงินทองของพวกเขาแด่พระเจ้า และจะอุทิศตะลันต์ความสามารถและอำนาจอิทธิพลให้กับกิจการงานเพื่อชักนำจิตวิญญาณให้มาหาพระคริสต์ {MH 216.3}

Only eternity will reveal what has been accomplished by this kind of ministry–how many souls, sick with doubt and tired of worldliness and unrest, have been brought to the great Restorer, who longs to save to the uttermost all that come unto Him. Christ is a risen Saviour, and there is healing in His wings. {MH 216.4}

ช่วงเวลานิรันดรเท่านั้นที่จะเผยให้เห็นถึงผลสำเร็จของงานแห่งการปรนนิบัติรับใช้นี้ ทุกคนจะได้เห็นว่าจิตวิญญาณมากมายที่ครั้งหนึ่งเคยเจ็บป่วยด้วยความสงสัย เคยเบื่อหน่ายและไม่พบกับความสงบสุขกับชีวิตในทางโลก ได้รับการชักนำให้เข้ามาหาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ผู้ทรงฟื้นฟูสิ่งสารพัด พระองค์ผู้ทรงปรารถนาจะช่วยคนทั้งปวงที่มาหาพระองค์ให้ได้รับความรอด พระคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงฟื้นพระชนม์และทรงมีฤทธิ์อำนาจในการเยียวยาด้วยปีกของพระองค์ {MH 216.4}