บทที่ 2
ความหมายของวันสะบาโต
วันสะบาโตมีความหมายและลักษณะที่สำคัญหลายประการดังต่อไปนี้
2.1 อนุสรณ์ถาวรแห่งการทรงสร้าง
ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว พระบัญญัติสิบประการได้ให้ความสำคัญกับวันสะบาโตเพราะเป็นอนุสรณ์แห่งการสร้างโลก (อพยพ 20:11-12) พระบัญญัติข้อที่สี่สัมพันธ์กับการทรงสร้างของพระเจ้าอย่างแยกกันไม่ออก วันสะบาโตและพระบัญญัติที่ให้รักษานั้นเป็นผลของการทรงสร้างโดยตรง ยิ่งไปกว่านั้นมนุษยชาติทั้งปวงมีชีวิตอยู่เพราะการทรงสร้างของพระเจ้าซึ่งมีวันสะบาโตเป็นอนุสรณ์ มนุษย์จึงมีภาระหน้าที่รักษาวันสะบาโตอย่างถาวร เพราะเป็นอนุสรณ์แห่งอำนาจของการทรงสร้างของพระเจ้า
ผู้ที่ถือรักษาวันสะบาโตเป็นอนุสรณ์แห่งการทรงสร้างนั้นแสดงการยอมรับว่า
1) พระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้าง
2) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของเขาโดยชอบ
3) เขาเป็นฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า
4) เขายอมอยู่ภายใต้การปกครองของพระองค์
ดังนั้นวันสะบาโตจึงเป็นอนุสรณ์สำหรับมนุษย์ทุกชาติทุกสมัยและไม่มี “บทเฉพาะกิจ” ที่จำกัดไว้เพียงเผ่าใดเผ่าหนึ่ง ตราบใดที่มนุษย์ยังนมัสการพระผู้สร้าง วันสะบาโตก็จะยังคงเป็นสัญลักษณ์และอนุสรณ์ของการทรงสร้างตราบนั้น
2.2 สัญลักษณ์แห่งการทรงไถ่
เมื่อพระเจ้าทรงปลดปล่อยชนชาติอิสราเอลจากการเป็นทาสในประเทศอียิปต์ วันสะบาโตซึ่งเป็นอนุสรณ์แห่งการทรงสร้างอยู่แล้วก็ได้มาเป็นอนุสรณ์แห่งการปลดปล่อยด้วย (เฉลยธรรมบัญญัติ 5:15) พระเจ้าทรงปรารถนาจะปลดเปลื้องคนในสมัยนี้จากความบาปและความเห็นแก่ตัวเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงปลดปล่อยคนอิสราเอลจากการเป็นทาสในสมัยก่อนและการรักษาวันสะบาโตอย่างถูกต้องก็จะช่วยให้เราซาบซึ้งถึงการปลดปล่อยนั้น
ถ้าเราเพ่งใจไปที่ไม้กางเขนของพระคริสต์แล้ว เราก็จะเห็นว่าวันสะบาโตเป็นสัญลักษณ์พิเศษของการทรงไถ่ วันสะบาโตเป็นอนุสรณ์แห่งการอพยพออกจากการเป็นทาสของความบาปภายใต้การทรงนำของพระคริสต์ ภาระที่หนักหนาที่เราต้องแบกอยู่นี้คือความรู้สึกสำนึกผิดที่เราไม่ได้เชื่อฟังพระเจ้า แต่การพักผ่อนในวันสะบาโตจะเป็นโอกาสให้คริสต์เตียนได้วางภาระไว้กับพระเจ้าและยอมรับเอาสันติสุขในการพักผ่อนและการทรงให้อภัยของพระคริสต์โดยระลึกถึงการทรงพักในอุโมงค์ของพระองค์หลังจากที่ทรงชนะความบาปแล้ว
2.3 สัญลักษณ์แห่งการชำระให้บริสุทธิ์
วันสะบาโตเป็นสัญลักษณแห่งอำนาจของพระเจ้าที่สามารถเปลี่ยนแปลงเราได้และเป็นเครื่องหมายสำคัญของความบริสุทธิ์ “จงสั่งชนชาติอิสราเอลว่า ‘เจ้าทั้งหลายจงรักษาวันสะบาโตของเราไว้ เพราะนี่จะเป็นหมายสำคัญระหว่างเรากับเจ้าตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือพระเจ้าผู้ได้กระทำเจ้าให้บริสุทธิ์’” (อพยพ 31:13; เอเสเคียล 20:20) ดังนั้นวันสะบาโตจึงเป็นสัญลักษณ์ที่พระเจ้าทรงชำระเราให้บริสุทธิ์
มนุษย์จะบริสุทธิ์ได้โดยพระโลหิตของพระคริสต์ (ฮีบรู 13:12) และวันสะบาโตก็เป็นหมายสำคัญว่าผู้ที่เชื่อได้ยอมรับพระโลหิตของพระเยซูเพื่อรับการอภัยโทษฉันนั้น
พระเจ้าทรงมีแผนการบริสุทธิ์สำหรับวันสะบาโตและพระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้คนของพระองค์มีหน้าที่บริสุทธิ์เช่นกัน นั่นคือให้เป็นพยานเพื่อพระองค์ พลไพร่ของพระองค์ได้รับความบริสุทธิ์ในการเข้าร่วมสามัคคีธรรมกับพระเจ้าในวันสะบาโตและได้เรียนรู้ที่จะไม่พึ่งตนเองแต่จะพึ่งพระเจ้าผู้ทรงให้เขาบริสุทธิ์
พลังอำนาจของพระเจ้าที่ทรงสร้างสรรพสิ่งนั้นเป็นพลังที่จะสร้างจิตวิญญาณขึ้นใหม่ตามพระฉายาของพระเจ้า ผู้ที่รักษาวันสะบาโตนั้นถือว่าวันสะบาโตเป็นสัญลักษณ์แห่งการทรงชำระให้บริสุทธิ์ ซึ่งการมีใจบริสุทธิ์นั้นหมายถึงการมีอุปนิสัยที่สอดคล้องกับพระเจ้าและการเข้าสนิทอยู่ในพระองค์
ความบริสุทธิ์มาจากการเชื่อฟังต่อหลักการที่สอดคล้องกับพระลักษณะอุปนิสัยของพระเจ้า และวันสะบาโตเป็นเครื่องหมายของการเชื่อฟังนี้ ผู้ที่รักษาพระบัญญัติข้อที่สี่ด้วยใจ ก็จะรักษาพระบัญญัติทั้งหมด
2.4 สัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์
ความซื่อสัตย์ของอาดัมกับเอวาถูกทดลองที่ต้นไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่วซึ่งอยู่ใจกลางสวนเอเดน เช่นเดียวกับ ความซื่อสัตย์ของมนุษยืทุกคนก็จะถูกทดลองด้วยพระบัญญัติที่สั่งให้รักษาวันสะบาโตซึ่งอยู่กลางพระบัญญัติสิบประการ
พระคัมภีร์สอนว่าก่อนที่พระเยซูจะเสด็จมาครั้งที่สอง มนุษย์ในโลกจะถูกแยกออกเป็นสองกลุ่มคือ ผู้ที่ซื่อสัตย์และ “ประพฤติตามพระบัญญัติของพระเจ้า” กับผู้ที่บูชา “สัตว์ร้ายและรูปของมัน” (วิวรณ์ 14:12, 9) ในเวลานั้นชาวโลกจะให้ความสำคัญกับความจริงของพระเจ้ามากขึ้น และจะประจักษ์ว่าการยอมเชื่อฟังและรักษาวันสะบาโตในวันที่เจ็ดของสัปดาห์ตามที่พระคัมภีร์กล่าวไว้นั้น ถูกต้องและสมควรกระทำ
2.5 เวลาร่วมสามัคคีธรรม
พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ไว้ให้เป็นเพื่อของมนุษย์ (ปฐมกาล 1:24-25) และสำหรับมิตรภาพที่สูงขึ้นไปกว่านั้น พระเจ้าทรงประทานชายและหญิงให้ใช้ชีวิตร่วมกันฉันสามีภรรยา (ปฐมกาล 2:18-26) แต่มิตรภาพอันสูงสุดที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่มนุษย์คือการเข้าร่วมสามัคคีธรรมกับพระองค์ในวันสะบาโต พระเจ้าไม่ได้สร้างให้มนุษย์มีมิตรสัมพันธ์กับสัตว์และเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น แต่พระองค์ทรงสร้างมนุษย์เพื่อมีความสัมพันธ์กับพระองค์เองด้วย
ในวันสะบาโตเราสามารถสัมผัสการสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้าเป็นพิเศษ ถ้าปราศจากวันสะบาโตแล้วมนุษย์ก็จะตรากตรำแบกภาระอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทุกวันก็จะดูเหมือนกันหมด คือมุ่งอยู่กับหน้าที่การงานและกิจธุระฝ่ายโลก แต่วันสะบาโตนำมาซึ่งความหมาย ความสุข ความหวัง และกำลังใจ เพราะในวันสะบาโตเรามีเวลาที่จะใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเจ้าด้วยการนมัสการ การอธิษฐาน การร้องเพลงสรรเสริญ การศึกษา การไตร่ตรองภาวนาพระคำ และการแบ่งปันข่าวประเสริฐให้แก่ผู้อื่น วันสะบาโตเป็นโอกาสของเราที่จะสัมผัสการสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้าเป็นพิเศษ
2.6 สัญลักษณ์แห่งความชอบธรรมโดยความเชื่อ
คริสเตียนเชื่อว่าผู้ที่ยังไม่รู้จักพระเจ้าแต่เสาะแสวงหาความจริงด้วยความจริงใจสามารถรับแสงสว่างและการทรงนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้รู้จักหลักการทั่วไปของพระบัญญัติของพระเจ้า (โรม 2:14-16) เพราะเหตุนี้เองพระบัญญัติที่เหลืออีกเก้าประการจึงพบอยู่ในคำสอนของหลายศาสนาด้วยกัน
หลายคนเข้าใจเหตุผลที่ในหนึ่งสัปดาห์ควรพักหนึ่งวัน แต่ยากที่เขาเหล่านั้นจะเข้าใจว่าทำไมกิจกรรมที่ดีและถูกต้องที่ทำในวันทั่วไปจึงเป็นบาปเมื่อทำในวันสะบาโต ไม่มีปรากฏการณ์ใดในธรรมชาติที่จะใช้อ้างเป็นหลักฐานในการรักษาวันที่เจ็ดเป็นวันสะบาโต การโคจรของดาวเคราะห์ การเติบโตของพืชผัก การเปลี่ยนแปลงของฝนฟ้าอากาศ และการดำรงชีวิตของสัตว์ต่างๆ ทุกอย่างในธรรมชาติดำเนินไปเหมือนๆ กันในแต่ละวัน แล้วทำไมมนุษย์ต้องรักษาวันสะบาโตในวันที่เจ็ด สำหรับคริสเตียนมีเหตุผลเดียวเท่านั้น และเหตุผลนั้นก็เพียงพอคือพระเจ้าตรัสสั่งไว้ให้รักษา
การที่พระเจ้าทรงเปิดเผยความจริงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้มนุษย์เข้าใจถึงเหตุผลในการรักษาวันสะบาโตในวันที่เจ็ด ดังนั้นผู้ที่รักษาวันที่เจ็ดเป็นวันสะบาโต จึงรักษาโดยความเชื่อและไว้วางใจในพระเยซู ผู้ทรงบัญชาให้รักษา และการรักษาวันสะบาโตนั้นแสดงว่าผู้ที่เชื่อในพระเจ้าได้ยินยอมต่อน้ำพระทัยสำหรับชีวิตของเขาแทนการพึ่งสติปัญญาของตนเอง
ผู้ที่เชื่อในพระเยซูไม่ได้รักษาวันสะบาโตเพื่อตนจะได้บุญหรือความชอบธรรม แต่ได้รักษาเพราะเขามีความสัมพันธ์กับพระผู้ทรงสร้างและพระผู้ไถ่ของเขา
การรักษาวันสะบาโตจึงเป็นผลอันเนื่องมาจากการที่พระเจ้าทรงกระทำให้ผู้เชื่อในพระเยซูเป็นคนชอบธรรมและการที่พระองค์ทรงชำระเขาให้บริสุทธิ์ วันสะบาโตจึงเป็นเครื่องหมายแสดงว่าผู้ที่เชื่อในพระองค์ได้รับการปลดปล่อยจากความบาปและได้รับความชอบธรรมที่สมบูรณ์แบบของพระองค์
ขอยกตัวอย่างจากธรรมชาติ ต้นมะม่วงไม่ได้ออกผลมะม่วงเพื่อได้ชื่อว่าเป็นต้นมะม่วง แต่เพราะมันเป็นต้นมะม่วงอยู่แล้วจึงออกผลเป็นต้นมะม่วงตามธรรมชาติ และคริสเตียนที่แท้จริงก็เช่นเดียวกัน เขาจะไม่รักษาวันสะบาโตหรือพระบัญญัติข้ออื่นๆ เพื่อจะได้เป็นคนชอบธรรม แต่ความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่อยู่ในใจของผู้ที่เชื่อในพระเยซูจะแสดงออกโดยการรักษาวันที่เจ็ดเป็นวันสะบาโตโดยธรรมชาติ คนที่รักษาวันสะบาโตแบบนี้จะไม่ละเว้นจากข้อห้ามต่างๆ ในวันสะบาโตเพื่อหวังเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า แต่จะรักษาเพราะเขารักพระองค์และอยากใช้วันสะบาโตให้คุ้มค่าโดยการเข้าใกล้ชิดกับพระองค์
การรักษาวันสะบาโตบ่งบอกว่าเราได้เลิกจากการพึ่งบุญของตนเองโดยสำนึกว่าพระเยซูซึ่งเป็นพระผู้สร้างและพระผู้ไถ่ของเราเท่านั้นที่จะสามารถช่วยเราให้รอดได้ แท้ที่จริงการรักษาวันสะบาโตอย่างถูกต้องนั้นแสดงว่าเราเทิดทูนพระเยซูไว้เป็นที่สูงสุดในชีวิตซึ่งพระผู้สร้างและพระผู้ไถ่ของเรากำลังสร้างเราขึ้นให้เป็นคนใหม่ในพระองค์ ดังนั้นการรักษาวันสะบาโตให้ถูกวันและถูกวิธีจึงเป็นเครื่องหมายของความชอบธรรมที่ได้มาโดยความเชื่อ
2.7 สัญลักษณ์ของการพักพิงในพระเยซู
วันสะบาโตเป็นอนุสรณ์ของการที่พระเจ้าทรงปลดปล่อยคนอิสราเอลโดยทรงนำเขาไปถึงที่พักในแผ่นดินคานาอัน และเป็นข้อแตกต่างระหว่างคนของพระเจ้ากับชนชาติทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบเขา ในทำนองเดียวกันวันสะบาโตเป็นสัญลักษณ์ของการที่พระเจ้าทรงปลดปล่อยเราออกจากความบาปและกำลังนำเราไปยังที่พักในเมืองสวรรค์ วันสะบาโตจึงได้แยกผู้ที่พระเจ้าทรงไถ่ไว้จากชาวโลก
“เพราะว่าผู้ใดที่ได้เข้าสู่การพำนักของพระเจ้าแล้ว ก็ได้พักงานของตน เหมือนพระเจ้าได้ทรงพักพระราชกิจของพระองค์” (ฮีบรู 4:10) การพักนี้เป็นการพักฝ่ายจิตวิญญาณจากการพึ่งการกระทำของเราเองและเป็นการพักจากการทำบาป พระเจ้าทรงเรียกพลไพร่ของพระองค์ให้เข้าสู่การพักนี้ซึ่งมีวันสะบาโตและแผ่นดินคานาอันเป็นสัญลักษณ์
เมื่อพระเจ้าสร้างโลกเสร็จแล้วและทรงพักในวันสะบาโต พระองค์ทรงให้โอกาสแก่อาดัมและเอวาได้เข้าพักพิงในพระองค์ในวันสะบาโตเช่นกัน ถึงแม้พวกเขาจะพลาดพลั้งไป แต่จุดมุ่งหมายเดิมของพระเจ้าในการให้มนุษย์ได้พักยังคงไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากที่อาดัมและเอวาทำบาป วันสะบาโตได้เตือนเขาถึงการพักพิงในพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง การรักษาวันที่เจ็ดของสัปดาห์เป็นวันสะบาโตไม่เพียงแต่ประกาศถึงความเชื่อในพระผู้สร้างเท่านั้น แต่ยังประกาศถึงความเชื่อในอำนาจของพระองค์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนให้สมกับแผนการแรกที่พระองค์ทรงมีไว้สำหรับมนุษย์โลก นั่นคือการพักผ่อนนิรันดร์ในเมืองสวรรค์ของพระองค์
พระเจ้าเคยสัญญาถึงการพักฝ่ายจิตวิญญาณนี้ไว้กับชนชาติอิสราเอล และถึงแม้ว่าพวกเขาพลาดโอกาสที่จะเข้าพัก แต่คำเชิญชวนของพระเจ้ายังคงอยู่ “ฉะนั้นจึงยังมีการพำนักสะบาโตสำหรับชนชาติของพระเจ้า” (ฮีบรู 4:9) ทุกคนที่จะเข้าในการพำนักนี้จะต้องเข้าพำนักในพระเยซูโดยความเชื่อและพักจากความบาปและจากการพยายามช่วยตัวเองให้รอด
พระคัมภีร์ใหม่กำชับคริสเตียนไม่ให้รีรอที่จะพักในพระคุณโดยความเชื่อ เพราะ “วันนี้” เป็นวันเหมาะสมที่จะเข้าพัก (ฮีบรู 4:7, 3:13) ทุกคนที่เข้าใจในการพักนี้จะยกเลิกการพึ่งบุญของตนเองแต่จะพึ่งพระคุณของพระเยซูที่จะช่วยเขาให้รอด ดังนั้นการรักษาวันสะบาโตในวันที่เจ็ดเป็นสัญลักษณ์ว่าผู้ที่เชื่อในพระองค์ได้เข้าถึงการพักแห่งข่าวประเสิรฐ