บทที่ 5

ข้อคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวันสะบาโต

            ?  พระคัมภีร์ระบุไหมว่าพระเจ้าทรงมีวันที่ทรงตั้งไว้เป็นพิเศษ

            >  “พระวิญญาณได้ทรงดลใจข้าพเจ้าในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า (วิวรณ์ 1:10)

            ?  วันไหนคือวันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า

            >  “เหตุฉะนั้นบุตรมนุษย์เป็นเจ้าเป็นนายเหนือวันสะบาโต(มาระโก 2:28)  แสดงว่าวันสะบาโตเป็นวันพิเศษของพระเจ้า

            ?  ในเมื่อหนึ่งสัปดาห์มีเจ็ดวัน  แล้ววันไหนเป็นวันสะบาโต

            >  “จงระลึกถึงวันสะบาโต  ถือเป็นวันบริสุทธิ์…วันที่เจ็ดนั้นเป็นสะบาโตของพระเจ้า  (อพยพ 20:8, 10)

            ?  แล้ววันที่เจ็ดของสัปดาห์ที่เราควรรักษานั้นตรงกับวันอาทิตย์หรือวันเสาร์หรือวันอื่น

            >  ครั้นวันสะบาโตล่วงไปแล้ว…เวลารุ่งเช้าวันต้นสัปดาห์พอดวงอาทิตย์ขึ้นเขาก็มาถึงอุโมงค์…ครั้นเขาไปในอุโมงค์แล้วได้เห็นหนุ่มคนหนึ่ง…คนหนุ่มนั้นบอกเขาว่า  อย่าตกตะลึงเลย  พวกเจ้าทั้งหลายมาหาพระเยซูชาวนาซาเร็ธซึ่งต้องตรึงไว้ที่กางเขนพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว…’”  (มาระโก16:1-6; ยอห์น 20:1; ลูกา 23:54-56, 24:1)  พระเยซูทรงฟื้นพระชนม์ในวันอาทิตย์ ซึ่งพระคัมภีร์บอกอย่างชัดเจนว่าวันฟื้นพระชนม์นั้นเป็นวันถัดมาหลังจากวันสะบาโต  แสดงว่าวันสะบาโตต้องเป็นวันเสาร์

            ?  พระเจ้าได้ทรงล้มเลิกพระบัญญัติที่ให้รักษาวันสะบาโตหรือเปล่า

>  “อย่าคิดว่าเรามาเลิกล้างธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะ  เรามิได้มาเลิกล้างแต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ  (มัทธิว 5:17)

?  พระเจ้าได้ทรงเปลี่ยนแปลงพระบัญญัติข้อที่สี่ซึ่งสั่งให้รักษาวันสะบาโต เพื่อผู้ที่เชื่อในพระองค์จะได้รักษาวันอื่นแทนหรือเปล่า

>  “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า  ตราบใดที่ฟ้าและดินดำรงอยู่  แม้อักษรหนึ่งหรือขีดๆ หนึ่งก็จะไม่สูญไปจากธรรมบัญญัติ…  (มัทธิว 5:18)

?  พระเจ้าทรงตั้งวันสะบาโตไว้เพื่อชาวยิวเท่านั้นหรือ

>  “วันสะบาโตนั้นทรงตั้งไว้เพื่อมนุษย์  (มาระโก 2:27)  พระเจ้าทรงตั้งวันสะบาโตไว้ในสวนเอเดนเพื่อมนุษย์  ก่อนที่จะมีชนชาติยิวถึงสองพันห้าร้อยกว่าปี (ปฐมกาล 2:1-3)

?  หลังจากพระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขนแล้ว  สาวกของพระองค์ก็ไม่ได้รักษาวันสะบาโตตามพระบัญญัติอีกต่อไปใช่ไหม

>  “วันนั้นเป็นวันจัดเตรียมและวันสะบาโตก็เกือบจะถึงแล้ว  ฝ่ายพวกผู้หญิงที่ตามพระองค์มาจากแคว้นกาลิลีก็ตามไปและได้เห็นอุโมงค์  ทั้งได้เห็นเขาวางพระศพของพระองค์ไว้อย่างไรด้วย  แล้วเขาก็กลับไปจัดแจงเครื่องหอมกับน้ำมันหอม  ในวันสะบาโตนั้นเขาก็หยุดการไว้ตามพระบัญญัติ  (ลูกา 23:54-56)  ในสายตาของพวกสาวก  การจัดการกับพระศพของพระเยซูยังไม่สำคัญเท่ากับการรักษาวันสะบาโต

?  อัครทูตเปาโลมักจะพบปะกับพี่น้องคริสเตียนในวันอาทิตย์เพื่อเป็นการให้เกียรติวันฟื้นคืนพระชนม์มิใช่หรือ

>  ไม่ใช่  แต่เปาโลจะเข้าไปในธรรมศาลาในวันสะบาโต  เปาโลจึงเข้าไปในธรรมศาลานั้นตามอย่างเคย  และท่านได้อ้างข้อความในพระคัมภีร์โต้ตอบกับเขาได้สามวันสะบาโต  (กิจการ 17:2)

?  บางทีเปาโลอาจจะพบกับพวกยิวในวันสะบาโตและคนต่างชาติในวันอาทิตย์ใช่ไหม

>  “เปาโลได้สนทนาธรรมในธรรมศาลาทุกวันสะบาโต  ได้ชักชวนทั้งพวกยิวและพวกกรีกให้เชื่อ  (กิจการ 18:4)  แสดงว่าเปาโลได้สอนทั้งคนยิวและคนกรีกในวันสะบาโต

?  เปาโลสอนเกี่ยวกับการรักษาวันสะบาโตว่าอย่างไร

>  “ฉะนั้นจึงยังมีการพำนักสะบาโตสำหรับชนชาติของพระเจ้า  เพราะว่าผู้ใดที่ได้เข้าสู่การพำนักของพระเจ้าแล้ว  ก็ได้พักงานของตนเหมือนพระเจ้าได้ ทรงพักพระราชกิจของพระองค์  (ฮีบรู 4:9-10)

?  เปาโลหมายถึงอะไรเมื่อกล่าวว่า  พักงานของตนเหมือนพระเจ้าได้ทรงพัก

>  “ในวันที่เจ็ดนั้นพระเจ้าก็ได้ทรงหยุดพักการงานทั้งสิ้นของพระองค์ (ฮีบรู 4:4)

?  เปาโลร่วมประชุมนมัสการกับพี่น้องในวันอาทิตย์ด้วยไม่ใช่หรือ  อย่างที่กล่าวในกิจการ 20:7

>  กิจการ 20:7 เป็นที่เดียวในพระคัมภีร์ที่ได้บันทึกว่าคริสเตียนได้ประชุมนมัสการในวันอาทิตย์  ซึ่งจากการสังเกตข้อความดังกล่าวอย่างละเอียดแล้ว  จะเห็นได้ว่าการประชุมนี้เป็นกรณีพิเศษ  เพราะเปาโลเทศนาในคืนวันเสาร์  (ถือว่าเป็นวันต้นสัปดาห์)  ทั้งคืนเนื่องจากวันรุ่งขึ้นท่านจะต้องเดินทาง  ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้ข้อนี้เป็นหลักฐานในการถือรักษาวันอาทิตย์แทนวันเสาร์

?  แต่ในข้อเหล่านี้ยังเขียนว่าพวกเขาได้ร่วมกันเพื่อหักขนมปัง  ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำกันเฉพาะในวันสะบาโตไม่ใช่หรือ

>  “เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิหารและหักขนมปังตามบ้าน…ทุกวันเรื่อยไป  (กิจการ 2:46)  ในพระคัมภีร์ใหม่การหักขนมปังมีสองความหมาย  ความหมายแรกคือพิธีศีลมหาสนิท  ความหมายที่สองคือ  การร่วมสามัคคีธรรม

?  ถ้าพระคัมภีร์สอนให้ถือรักษาวันสะบาโตจริงแล้วทำไมคนส่วนมากจึงถือวันอาทิตย์แทนวันเสาร์  และใครเป็นคนเริ่มให้มีการถือวันอาทิตย์

<  “ท่าน  (อำนาจเขาเล็ก) จะพูดคำกล่าวร้ายองค์ผู้สูงสุด  และจะให้วิสุทธิชนขององค์ผู้สูงสุดนั้นอิดหนาระอาใจและจะคิดเปลี่ยนแปลงบรรดาวาระและธรรมบัญญัติ  (ดาเนียล 7:25)  จากการศึกษาดาเนียลบทที่ 7  พร้อมด้วยประวัติศาสตร์โลกจะพบว่ามีเพียงอำนาจเดียวที่ตรงกับอำนาจเขาเล็กในคำพยากรณ์นั้นคือคริสตจักรโรมันคาทอลิก

?  คริสตจักรโรมันคาทอลิกมีความคิดเห็นอย่างไรที่เขาได้เปลี่ยนพระบัญญัติของพระเจ้า

>  “หากคริสตจักรไม่มีอำนาจเช่นนั้น  ก็คงไม่สามารถกระทำในสิ่งที่นักศาสนศาสตร์สมัยใหม่ต่างก็เห็นด้วย  คริสตจักรก็คงไม่สามารถทำให้มีการถือวันอาทิตย์เป็นวันต้นสัปดาห์แทนการถือวันเสาร์  การถือวันที่เจ็ดของสัปดาห์ถูกเปลี่ยนแปลงโดยไม่มีสิทธิอำนาจรับรองจากพระคัมภีร์  เขียนโดย  สตีเฟน  คีแนน  (Stephen Keenan)  บาทหลวงคาทอลิกในหนังสือ Doctrinal Catechism, p.174

?  การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเมื่อไร

 ปีเตอร์  เกียร์แมน  (Peter Geierman)  ได้เขียนข้อความต่อไปนี้ไว้ในหนังสือ  The Convers’ Catechism, p.50  (หนังสือปุจฉาเล่มนี้ได้รับการอวยพรจากพระสันตะปาปา  เมื่อวันที่  25 มกราคม  1910)  เราถือวันอาทิตย์แทนวันเสาร์เพราะคริสตจักรคาทอลิกมีการประชุมสภาที่เมืองเลาดีเซีย (ค.ศ. 364) และได้เปลี่ยนแปลงความสำคัญจากวันเสาร์มาเป็นวันอาทิตย์แทน

>  ศาสนาจารย์ของโปรเตสแตนท์เห็นด้วยไหม

?  คริสเตียนคองกรีเกชั่น  จะเห็นอย่างแน่ชัดว่า  แม้เราอุทิศตนอย่างจริงจังอย่างไรในวันอาทิตย์ก็ตาม  แต่นั่นไม่ใช่การถือรักษาวันสะบาโต ดร.อาร์ ดับ ลิว เดล  The Ten Commandments, p.106

 คริสตจักรเมธอดิสท์  คำว่าสะบาโตในภาษาฮีบรู  หมายถึงการพักผ่อน และเป็นวันที่เจ็ดของสัปดาห์…และเราต้องยอมรับว่าไม่มีกฎข้อใดในพระคัมภีร์ (พันธสัญญาใหม่)  ที่ให้ความสำคัญกับวันต้นสัปดาห์  จากหนังสือ Theological Dictionary

 คริสตจักรแบ๊บติสท์ —  มีพระบัญญัติที่ให้ถือวันสะบาโตเป็นวันบริสุทธิ์ แต่วันสะบาโตไม่ใช่วันอาทิตย์  อย่างไรก็ตามมีคนที่กล่าวอย่างเต็มปากว่า  วันสะบาโตรวมถึงกฎและหน้าที่ต่างๆ ของวันนั้นถูกเปลี่ยนจากวันที่เจ็ดมาเป็นวันต้นสัปดาห์  ข้าพเจ้าศึกษาเรื่องนี้มาหลายปี  ขอย้ำว่าในพระคัมภีร์ใหม่ไม่มีการบันทึกเรื่องการเปลี่ยนแปลงวันสะบาโตจากวันที่เจ็ดมาเป็นวันต้นสัปดาห์แต่อย่างใด  ไม่มีเลย  แต่น่าเสียดายที่วันนั้นได้รับความสำคัญเพราะลัทธิไหว้ดวงอาทิตย์และเพราะการหนุนหลังของสันตะปาปา  จึงสืบทอดเป็นมรดกศักดิ์สิทธิ์มายังพวกโปรเตสแตนท์  จากหนังสือ  The Baptist Manual โดย ดร.อี.ที.ฮิสค็อก (E.T.Hiscox)

?  การถือวันที่เจ็ดนั้นมีความแตกต่างอะไรกับการถือวันอื่นในเมื่อวันไหนก็เหมือนๆ กัน

>  แตกต่างที่การเชื่อฟัง  “ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าถ้าท่านยอมตัวรับใช้ฟังคำของผู้ใด  ท่านก็เป็นทาสของผู้ที่ท่านเชื่อฟังนั้น  คือเป็นทาสของบาปซึ่งนำไปสู่ความตาย  หรือเป็นทาสของการเชื่อฟังซึ่งนำไปสู่ความชอบธรรมก็ตาม  (โรม6:16)

? ถ้าอย่างนั้นเราควรจะเชื่อฟังใคร  ควรรักษาวันสะบาโตตามพระบัญญัติของพระเจ้าหรือถือวันอาทิตย์ของมนุษย์

 “ข้าพเจ้าจำต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์  (กิจการ 5:29)

?  แล้วพระเจ้าทรงคิดอย่างไรกับคนที่ถือวันอาทิตย์

 “อย่างนั้นแหละ  ท่านทั้งหลายทำให้ธรรมบัญญัติของพระเจ้าเป็นหมันไป เพราะเห็นแก่คำสอนของพวกท่าน…เขานมัสการเราโดยหาประโยชน์มิได้ด้วยเอาบทบัญญัติของมนุษย์มาตู่ว่าเป็นพระดำรัสสอนของพระเจ้า  (มัทธิว 15:6,9)

?  แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าคนนับล้านที่ถือวันอาทิตย์ต่างก็ผิดหมด

 “จงเข้าไปทางประตูแคบ  เพราะว่าและทางกว้างซึ่งนำไปถึงความพินาศและคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก  เพราะว่าประตูซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้นก็คับและทางก็แคบ  ผู้ที่หาพบก็มีน้อย  (มัทธิว 7:13-14)

?  แล้วทำไมจึงพบเห็นว่ามีอาจารย์เก่งๆ และนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงจำนวนมากไม่ถือรักษาวันเสาร์เป็นวันสะบาโต

>  “ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย  จงพิจารณาดูว่าพวกท่านที่พระเจ้าได้ทรงเรียกมานั้นเป็นคนพวกไหน  มีน้อยคนที่โลกนิยมว่ามีปัญญา  มีน้อยคนที่มีอำนาจ  มีน้อยคนที่มีตระกูลสูง  แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกคนที่โลกถือว่าโง่เขลา  เพื่อทำให้คนมีปัญญาอับอาย  และได้ทรงเลือกคนที่โลกถือว่าอ่อนแอ  เพื่อทำให้คนที่แข็งแรงอับอาย  ( 1 โครินธ์  1:26-27)  บรรดาผู้สอนศาสนาผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยของพระเยซูได้ปฏิเสธความจริงเหมือนกันผู้ที่เชื่อและติดตามพระองค์ส่วนมากแล้วเป็นคนสามัญธรรมดา

?  ข้าพเจ้าได้รับและเชื่อในพระเยซูและได้รักษาวันอาทิตย์มานาน  ข้าพเจ้าเชื่อว่าตนเองคงไม่หลงหายไปจากพระเจ้าถึงแม้ไม่ได้รักษาวันเสาร์เป็นวันสะบาโต

 “ในเวลาเมื่อมนุษย์ยังไร้เดียงสา  พระเจ้ามิได้ทรงถือโทษ  แต่เดี๋ยวนี้ พระเจ้าได้ตรัสสั่งแก่มนุษย์ทั้งปวงทั่วทุกแห่งให้กลับใจใหม่  (กิจการ 17:30)

?  แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระเจ้าคงไม่ถือโทษที่ข้าพเจ้ามิได้รักษาวันสะบาโตใช่ไหม

 “คนใดที่กล่าวว่า  ‘ข้าพเจ้าคุ้นกับพระองค์’  แต่มิได้ประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์  คนนั้นเป็นคนพูดมุสาและความจริงไม่ได้อยู่ในคนนั้นเลย (1 ยอห์น 2:4)

?  แต่การที่ข้าพเจ้ารักพระเจ้า  และดำรงชีวิตตามกฎแห่งความรักยังไม่เพียงพอหรือ

>  “ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา  ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา  (ยอห์น14:15)

?  หมายความว่าต้องรักษาให้ครบทั้งสิบข้อใช่ไหม

 “เพราะว่าผู้ใดรักษาธรรมบัญญัติได้ทั้งหมดแต่ผิดอยู่ข้อเดียว  ผู้นั้นก็เป็นผู้ผิดธรรมบัญญัติทั้งหมด  (ยากอบ 2:10)

?  การพยายามติดตามพระเยซูเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดและคงเพียงพอมิใช่หรือ

 “ผู้ใดกล่าวว่าตนอยู่ในพระองค์  ผู้นั้นก็ควรดำเนินตามทางที่พระองค์ทรงดำเนินนั้น  (1 ยอห์น 2:6)

?  พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างของการรักษาวันสะบาโตอย่างไร

 “แล้วพระองค์เสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธ  เป็นที่ซึ่งพระองค์ทรงเจริญวัยขึ้น พระองค์เสด็จเข้าไปในธรรมศาลาในวันสะบาโตตามเคยและทรงยืนขึ้นเพื่อจะอ่านพระธรรม  (ลูกา  4:16)

            ?  เนื่องจากว่าเวลาล่วงมาเกินสองพันปีแล้ว  ถ้าหากพระเยซูเสด็จมาในโลกปัจจุบันพระองค์จะถือวันอื่นแทนวันสะบาโตหรือเปล่า

            >  “เราคือพระเจ้าไม่มีผันแปร  (มาลาคี 3:6)  “พระเยซูคริสต์ยังทรงเหมือนเดิมในเวลาวานนี้  และเวลาวันนี้  และต่อๆ ไปเป็นนิจกาล  (ฮีบรู13:8)

            ?  ถ้าอย่างนั้นความรอดขึ้นอยู่กับการเชื่อฟังอย่างนั้นหรือ

             “เมื่อพระเจ้าทรงทำให้พระเยซูเพียบพร้อมทุกประการแล้ว พระเยซูก็เลยทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความรอดนิรันดร์สำหรับคนทั้งปวงที่เชื่อฟังพระองค์  (ฮีบรู 5:9)

            ?  จำเป็นมากไหมที่จะต้องถือพระบัญญัติ

            >  “ถ้าท่านปรารถนาจะเข้าในชีวิตก็ให้ถือรักษาพระบัญญัติไว้  (มัทธิว  19:17)

            ?  ทำไมพระเจ้าจึงสนับสนุนให้ถือวันที่เจ็ดซึ่งเป็นวันเสาร์  วันอาทิตย์ก็ดีเท่ากับวันเสาร์มิใช่หรือ

            >  “พระเจ้าจึงทรงอวยพระพรแก่วันที่เจ็ดทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์  (ปฐมกาล 2:3)  พระเจ้าได้ทรงอำนวยพรและข้าพเจ้าจะเรียกกลับไม่ได้  (กันดารวิถี 23:20)  ข้าแต่พระเจ้า  สิ่งใดที่พระองค์ทรงอำนวยพระพรสิ่งนั้นก็ได้รับพระพรเป็นนิตย์  (1 พงศาวดาร 17:27)

            ?  แล้วถ้าเลือกถือวันใดวันหนึ่งในสัปดาห์จะได้ไหม

             พระเจ้าทรงตำหนิคาอินที่เลือกนมัสการพระองค์ตามวิธีการของเขาเอง  แทนที่จะทำตามพระบัญชาของพระองค์  (ปฐมกาล 4)  มิใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า  พระองค์เจ้าข้า  พระองค์เจ้าข้า  จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์  แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา  ผู้ทรงสถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้  (มัทธิว 7:21)

            ?  แต่ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระองค์เป็นประจำ

            >  “ถ้าผู้ใดไม่ฟังพระบัญญัติ  แม้คำอธิษฐานของเขาก็เป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชัง  (สุภาษิต 28:9)

            ?  มีบางคนสามารถทำการอัศจรรย์  รักษาคนป่วยได้  บางคนพูดภาษาแปลกๆ ก็ได้  แต่เขาไม่ได้ถือวันสะบาโต  คนพวกนี้จะเป็นอย่างไร

            >  เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนเป็นอันมากร้องแก่เราว่า พระองค์เจ้าข้า  พระองค์เจ้าข้า  ข้าพระองค์กล่าวพระวจนะในพระนามของพระองค์  และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์  และได้กระทำการมหัศจรรย์เป็นอันมากในพระนามของพระองค์มิใช่หรือ’  เมื่อนั้นเราจะได้กล่าวแก่เขาว่า  เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย  เจ้าผู้กระทำความชั่ว  จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา’”  (มัทธิว 7:22-23)

            ?  ข้าพเจ้ารู้ว่าวันสะบาโตเป็นวันบริสุทธิ์  แต่การทำงานคงมีปัญหาถ้าหยุดวันเสาร์  เพราะข้าพเจ้าอาจต้องถูกออกจากงาน

            >  “เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก  แต่ต้องเสียชีวิตของตน  ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร  (มาระโก 8:36)

            ?  ข้าพเจ้าเชื่อเรื่องวันสะบาโต  แต่จำเป็นต้องทำงานในวันเสาร์เพื่อความอยู่รอดของครอบครัว

            >  “เพราะว่าพวกต่างชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้  แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า  ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้  แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน  แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้  (มัทธิว 6:32-33)  ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นคนชอบธรรมถูกทอดทิ้ง  หรือลูกหลานของเขาขอทาน  (สดุดี 37:25)

            ?  ข้าพเจ้าเกรงว่าเพื่อนฝูงจะพากันเยาะเย้ยถ้าข้าพเจ้าถือวันเสาร์เป็นวันสะบาโต

            >  “เมื่อเขาจะติเตียนข่มเหง  และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายเป็นความเท็จเพราะเรา  ท่านก็เป็นสุข  จงชื่นชมยินดีเพราะว่าบำเหน็จของท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์เพราะเขาได้ข่มเหงผู้เผยพระวจนะทั้งหลายที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน  (มัทธิว 5:11-12)  ถ้าโลกนี้เกลียดชังท่านทั้งหลาย  ก็จงรู้ว่าโลกได้เกลียดชังเราก่อน  (ยอห์น 15:18)

            ?  ถ้าครอบครัวของข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย  ข้าพเจ้าควรจะทำอย่างไร

            >  “ผู้ใดที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเรา  ก็ไม่มีค่าควรกับเรา และผู้ใดรักบุตรชายหญิงยิ่งกว่ารักเรา  ผู้นั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา…ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอด  จะกลับเสียชีวิต  แต่ผู้ที่สู้เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราก็จะได้ชีวิตรอด  (มัทธิว  10:37-38)  ก็เช่นนั้นแหละ  ทุกคนในพวกท่านที่มิได้สละสิ่งสารพัดที่ตนมีอยู่  จะเป็นสาวกของเราไม่ได้  (ลูกา 14:33) 

            ?  ข้าพเจ้าอ่อนแอเกินไป  กลัวว่าจะไม่สามารถทนต่อการทดลองได้

            >  “แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า  การที่มีคุณของเราก็พอแก่เจ้าแล้ว  เพราะความอ่อนแอมีที่ไหนเดชของเราก็มีฤทธิ์ขึ้นเต็มขนาดที่นั่น  เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงภูมิใจในบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้าเพื่อฤทธิ์เดชของพระคริสต์จะได้อยู่ในข้าพเจ้า  เหตุฉะนั้นเพราะเห็นแก่พระคริสต์  ข้าพเจ้าจึงชื่นใจในบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้า…เพราะว่าข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด  ข้าพเจ้าก็จะแข็งแรงมากขึ้นเมื่อนั้น  (2 โครินธ์ 12:9-10)  ข้าพเจ้าอยากผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า  (ฟิลิปปี 4:13)

            ?  ถ้าอย่างนั้นการเสียสละเพื่อจะได้รักษาพระบัญญัติของพระองค์ด้วยความซื่อสัตย์จะได้อะไรเป็นบำเหน็จ

            >  “ถ้าผู้ใดได้สละเหย้าเรือน  หรือภรรยา  หรือพี่น้อง  หรือบิดามารดา  หรือบุตรเพราะเห็นแก่แผ่นดินของพระเจ้า  ในยุคนี้ผู้นั้นจะได้รับตอบแทนหลายเท่าและในยุคหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร์  (ลูกา 18:29-30)  คนทั้งหลายที่ชำระเสื้อผ้าของตนก็เป็นสุข  เพื่อว่าเขาจะได้มีสิทธิ์ในต้นไม้แห่งชีวิต และเพื่อเขาจะได้เข้าไปในนครนั้นโดยทางประตู  (วิวรณ์ 22:14)  (ต้นฉบับภาษากรีกบางฉบับเขียนว่า  คนทั้งหลายที่รักษาพระบัญญัติก็เป็นสุข…)

            ?  ในสวรรค์ยังมีการรักษาวันสะบาโตหรือไม่

            >  “เพราะสวรรค์ใหม่  และแผ่นดินโลกใหม่ซึ่งเราจะสร้าง  จะยังอยู่ต่อหน้าเราฉันใด  พระเจ้าตรัสดังนี้  เชื่อสายของเจ้าและชื่อของเจ้าจะยังอยู่ฉันนั้น  พระเจ้าตรัสว่า  ทุกวันขึ้นค่ำและทุกวันสะบาโต  มนุษย์ทั้งสิ้นจะมานมัสการต่อเรา  (อิสยาห์ 66:22-23)

            ?  ถ้าเป็นเช่นนั้น  สิ่งใดที่สำเร็จในสวรรค์ก็ขอให้สำเร็จในโลกเช่นกัน ข้าพเจ้าจะถือรักษาวันสะบาโตโดยพึ่งความช่วยเหลือของพระองค์

            >  “ดีแล้ว  เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ  เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย  เราจะตั้งเจ้าให้ดูและของมาก”  (มัทธิว 25:21)