บทที่ 5
ข้อคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวันสะบาโต
? พระคัมภีร์ระบุไหมว่าพระเจ้าทรงมีวันที่ทรงตั้งไว้เป็นพิเศษ
> “พระวิญญาณได้ทรงดลใจข้าพเจ้าในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (วิวรณ์ 1:10)
? วันไหนคือวันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า
> “เหตุฉะนั้นบุตรมนุษย์เป็นเจ้าเป็นนายเหนือวันสะบาโต”(มาระโก 2:28) แสดงว่าวันสะบาโตเป็นวันพิเศษของพระเจ้า
? ในเมื่อหนึ่งสัปดาห์มีเจ็ดวัน แล้ววันไหนเป็นวันสะบาโต
> “จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์…วันที่เจ็ดนั้นเป็นสะบาโตของพระเจ้า” (อพยพ 20:8, 10)
? แล้ววันที่เจ็ดของสัปดาห์ที่เราควรรักษานั้นตรงกับวันอาทิตย์หรือวันเสาร์หรือวันอื่น
> “ครั้นวันสะบาโตล่วงไปแล้ว…เวลารุ่งเช้าวันต้นสัปดาห์พอดวงอาทิตย์ขึ้นเขาก็มาถึงอุโมงค์…ครั้นเขาไปในอุโมงค์แล้วได้เห็นหนุ่มคนหนึ่ง…คนหนุ่มนั้นบอกเขาว่า ‘อย่าตกตะลึงเลย พวกเจ้าทั้งหลายมาหาพระเยซูชาวนาซาเร็ธซึ่งต้องตรึงไว้ที่กางเขนพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว…’” (มาระโก16:1-6; ยอห์น 20:1; ลูกา 23:54-56, 24:1) พระเยซูทรงฟื้นพระชนม์ในวันอาทิตย์ ซึ่งพระคัมภีร์บอกอย่างชัดเจนว่าวันฟื้นพระชนม์นั้นเป็นวันถัดมาหลังจากวันสะบาโต แสดงว่าวันสะบาโตต้องเป็นวันเสาร์
? พระเจ้าได้ทรงล้มเลิกพระบัญญัติที่ให้รักษาวันสะบาโตหรือเปล่า
> “อย่าคิดว่าเรามาเลิกล้างธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะ เรามิได้มาเลิกล้างแต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ” (มัทธิว 5:17)
? พระเจ้าได้ทรงเปลี่ยนแปลงพระบัญญัติข้อที่สี่ซึ่งสั่งให้รักษาวันสะบาโต เพื่อผู้ที่เชื่อในพระองค์จะได้รักษาวันอื่นแทนหรือเปล่า
> “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ตราบใดที่ฟ้าและดินดำรงอยู่ แม้อักษรหนึ่งหรือขีดๆ หนึ่งก็จะไม่สูญไปจากธรรมบัญญัติ…” (มัทธิว 5:18)
? พระเจ้าทรงตั้งวันสะบาโตไว้เพื่อชาวยิวเท่านั้นหรือ
> “วันสะบาโตนั้นทรงตั้งไว้เพื่อมนุษย์” (มาระโก 2:27) พระเจ้าทรงตั้งวันสะบาโตไว้ในสวนเอเดนเพื่อมนุษย์ ก่อนที่จะมีชนชาติยิวถึงสองพันห้าร้อยกว่าปี (ปฐมกาล 2:1-3)
? หลังจากพระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขนแล้ว สาวกของพระองค์ก็ไม่ได้รักษาวันสะบาโตตามพระบัญญัติอีกต่อไปใช่ไหม
> “วันนั้นเป็นวันจัดเตรียมและวันสะบาโตก็เกือบจะถึงแล้ว ฝ่ายพวกผู้หญิงที่ตามพระองค์มาจากแคว้นกาลิลีก็ตามไปและได้เห็นอุโมงค์ ทั้งได้เห็นเขาวางพระศพของพระองค์ไว้อย่างไรด้วย แล้วเขาก็กลับไปจัดแจงเครื่องหอมกับน้ำมันหอม ในวันสะบาโตนั้นเขาก็หยุดการไว้ตามพระบัญญัติ” (ลูกา 23:54-56) ในสายตาของพวกสาวก การจัดการกับพระศพของพระเยซูยังไม่สำคัญเท่ากับการรักษาวันสะบาโต
? อัครทูตเปาโลมักจะพบปะกับพี่น้องคริสเตียนในวันอาทิตย์เพื่อเป็นการให้เกียรติวันฟื้นคืนพระชนม์มิใช่หรือ
> ไม่ใช่ แต่เปาโลจะเข้าไปในธรรมศาลาในวันสะบาโต “เปาโลจึงเข้าไปในธรรมศาลานั้นตามอย่างเคย และท่านได้อ้างข้อความในพระคัมภีร์โต้ตอบกับเขาได้สามวันสะบาโต” (กิจการ 17:2)
? บางทีเปาโลอาจจะพบกับพวกยิวในวันสะบาโตและคนต่างชาติในวันอาทิตย์ใช่ไหม
> “เปาโลได้สนทนาธรรมในธรรมศาลาทุกวันสะบาโต ได้ชักชวนทั้งพวกยิวและพวกกรีกให้เชื่อ” (กิจการ 18:4) แสดงว่าเปาโลได้สอนทั้งคนยิวและคนกรีกในวันสะบาโต
? เปาโลสอนเกี่ยวกับการรักษาวันสะบาโตว่าอย่างไร
> “ฉะนั้นจึงยังมีการพำนักสะบาโตสำหรับชนชาติของพระเจ้า เพราะว่าผู้ใดที่ได้เข้าสู่การพำนักของพระเจ้าแล้ว ก็ได้พักงานของตนเหมือนพระเจ้าได้ ทรงพักพระราชกิจของพระองค์” (ฮีบรู 4:9-10)
? เปาโลหมายถึงอะไรเมื่อกล่าวว่า “พักงานของตนเหมือนพระเจ้าได้ทรงพัก”
> “ในวันที่เจ็ดนั้นพระเจ้าก็ได้ทรงหยุดพักการงานทั้งสิ้นของพระองค์” (ฮีบรู 4:4)
? เปาโลร่วมประชุมนมัสการกับพี่น้องในวันอาทิตย์ด้วยไม่ใช่หรือ อย่างที่กล่าวในกิจการ 20:7
> กิจการ 20:7 เป็นที่เดียวในพระคัมภีร์ที่ได้บันทึกว่าคริสเตียนได้ประชุมนมัสการในวันอาทิตย์ ซึ่งจากการสังเกตข้อความดังกล่าวอย่างละเอียดแล้ว จะเห็นได้ว่าการประชุมนี้เป็นกรณีพิเศษ เพราะเปาโลเทศนาในคืนวันเสาร์ (ถือว่าเป็นวันต้นสัปดาห์) ทั้งคืนเนื่องจากวันรุ่งขึ้นท่านจะต้องเดินทาง ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้ข้อนี้เป็นหลักฐานในการถือรักษาวันอาทิตย์แทนวันเสาร์
? แต่ในข้อเหล่านี้ยังเขียนว่าพวกเขาได้ร่วมกันเพื่อหักขนมปัง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำกันเฉพาะในวันสะบาโตไม่ใช่หรือ
> “เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิหารและหักขนมปังตามบ้าน…ทุกวันเรื่อยไป” (กิจการ 2:46) ในพระคัมภีร์ใหม่การหักขนมปังมีสองความหมาย ความหมายแรกคือพิธีศีลมหาสนิท ความหมายที่สองคือ การร่วมสามัคคีธรรม
? ถ้าพระคัมภีร์สอนให้ถือรักษาวันสะบาโตจริงแล้วทำไมคนส่วนมากจึงถือวันอาทิตย์แทนวันเสาร์ และใครเป็นคนเริ่มให้มีการถือวันอาทิตย์
< “ท่าน (อำนาจเขาเล็ก) จะพูดคำกล่าวร้ายองค์ผู้สูงสุด และจะให้วิสุทธิชนขององค์ผู้สูงสุดนั้นอิดหนาระอาใจและจะคิดเปลี่ยนแปลงบรรดาวาระและธรรมบัญญัติ” (ดาเนียล 7:25) จากการศึกษาดาเนียลบทที่ 7 พร้อมด้วยประวัติศาสตร์โลกจะพบว่ามีเพียงอำนาจเดียวที่ตรงกับอำนาจเขาเล็กในคำพยากรณ์นั้นคือคริสตจักรโรมันคาทอลิก
? คริสตจักรโรมันคาทอลิกมีความคิดเห็นอย่างไรที่เขาได้เปลี่ยนพระบัญญัติของพระเจ้า
> “หากคริสตจักรไม่มีอำนาจเช่นนั้น ก็คงไม่สามารถกระทำในสิ่งที่นักศาสนศาสตร์สมัยใหม่ต่างก็เห็นด้วย คริสตจักรก็คงไม่สามารถทำให้มีการถือวันอาทิตย์เป็นวันต้นสัปดาห์แทนการถือวันเสาร์ การถือวันที่เจ็ดของสัปดาห์ถูกเปลี่ยนแปลงโดยไม่มีสิทธิอำนาจรับรองจากพระคัมภีร์” เขียนโดย สตีเฟน คีแนน (Stephen Keenan) บาทหลวงคาทอลิกในหนังสือ Doctrinal Catechism, p.174
? การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเมื่อไร
> ปีเตอร์ เกียร์แมน (Peter Geierman) ได้เขียนข้อความต่อไปนี้ไว้ในหนังสือ The Convers’ Catechism, p.50 (หนังสือปุจฉาเล่มนี้ได้รับการอวยพรจากพระสันตะปาปา เมื่อวันที่ 25 มกราคม 1910) “เราถือวันอาทิตย์แทนวันเสาร์เพราะคริสตจักรคาทอลิกมีการประชุมสภาที่เมืองเลาดีเซีย (ค.ศ. 364) และได้เปลี่ยนแปลงความสำคัญจากวันเสาร์มาเป็นวันอาทิตย์แทน”
> ศาสนาจารย์ของโปรเตสแตนท์เห็นด้วยไหม
? คริสเตียนคองกรีเกชั่น – “จะเห็นอย่างแน่ชัดว่า แม้เราอุทิศตนอย่างจริงจังอย่างไรในวันอาทิตย์ก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่การถือรักษาวันสะบาโต” ดร.อาร์ ดับ ลิว เดล The Ten Commandments, p.106
> คริสตจักรเมธอดิสท์ – “คำว่าสะบาโตในภาษาฮีบรู หมายถึงการพักผ่อน และเป็นวันที่เจ็ดของสัปดาห์…และเราต้องยอมรับว่าไม่มีกฎข้อใดในพระคัมภีร์ (พันธสัญญาใหม่) ที่ให้ความสำคัญกับวันต้นสัปดาห์” จากหนังสือ Theological Dictionary
> คริสตจักรแบ๊บติสท์ — “มีพระบัญญัติที่ให้ถือวันสะบาโตเป็นวันบริสุทธิ์ แต่วันสะบาโตไม่ใช่วันอาทิตย์ อย่างไรก็ตามมีคนที่กล่าวอย่างเต็มปากว่า วันสะบาโตรวมถึงกฎและหน้าที่ต่างๆ ของวันนั้นถูกเปลี่ยนจากวันที่เจ็ดมาเป็นวันต้นสัปดาห์ ข้าพเจ้าศึกษาเรื่องนี้มาหลายปี ขอย้ำว่าในพระคัมภีร์ใหม่ไม่มีการบันทึกเรื่องการเปลี่ยนแปลงวันสะบาโตจากวันที่เจ็ดมาเป็นวันต้นสัปดาห์แต่อย่างใด ไม่มีเลย แต่น่าเสียดายที่วันนั้นได้รับความสำคัญเพราะลัทธิไหว้ดวงอาทิตย์และเพราะการหนุนหลังของสันตะปาปา จึงสืบทอดเป็นมรดกศักดิ์สิทธิ์มายังพวกโปรเตสแตนท์” จากหนังสือ The Baptist Manual โดย ดร.อี.ที.ฮิสค็อก (E.T.Hiscox)
? การถือวันที่เจ็ดนั้นมีความแตกต่างอะไรกับการถือวันอื่นในเมื่อวันไหนก็เหมือนๆ กัน
> แตกต่างที่การเชื่อฟัง “ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าถ้าท่านยอมตัวรับใช้ฟังคำของผู้ใด ท่านก็เป็นทาสของผู้ที่ท่านเชื่อฟังนั้น คือเป็นทาสของบาปซึ่งนำไปสู่ความตาย หรือเป็นทาสของการเชื่อฟังซึ่งนำไปสู่ความชอบธรรมก็ตาม” (โรม6:16)
? ถ้าอย่างนั้นเราควรจะเชื่อฟังใคร ควรรักษาวันสะบาโตตามพระบัญญัติของพระเจ้าหรือถือวันอาทิตย์ของมนุษย์
> “ข้าพเจ้าจำต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์” (กิจการ 5:29)
? แล้วพระเจ้าทรงคิดอย่างไรกับคนที่ถือวันอาทิตย์
> “อย่างนั้นแหละ ท่านทั้งหลายทำให้ธรรมบัญญัติของพระเจ้าเป็นหมันไป เพราะเห็นแก่คำสอนของพวกท่าน…เขานมัสการเราโดยหาประโยชน์มิได้ด้วยเอาบทบัญญัติของมนุษย์มาตู่ว่าเป็นพระดำรัสสอนของพระเจ้า” (มัทธิว 15:6,9)
? แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าคนนับล้านที่ถือวันอาทิตย์ต่างก็ผิดหมด
> “จงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะว่าและทางกว้างซึ่งนำไปถึงความพินาศและคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก เพราะว่าประตูซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้นก็คับและทางก็แคบ ผู้ที่หาพบก็มีน้อย” (มัทธิว 7:13-14)
? แล้วทำไมจึงพบเห็นว่ามีอาจารย์เก่งๆ และนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงจำนวนมากไม่ถือรักษาวันเสาร์เป็นวันสะบาโต
> “ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย จงพิจารณาดูว่าพวกท่านที่พระเจ้าได้ทรงเรียกมานั้นเป็นคนพวกไหน มีน้อยคนที่โลกนิยมว่ามีปัญญา มีน้อยคนที่มีอำนาจ มีน้อยคนที่มีตระกูลสูง แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกคนที่โลกถือว่าโง่เขลา เพื่อทำให้คนมีปัญญาอับอาย และได้ทรงเลือกคนที่โลกถือว่าอ่อนแอ เพื่อทำให้คนที่แข็งแรงอับอาย” ( 1 โครินธ์ 1:26-27) บรรดาผู้สอนศาสนาผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยของพระเยซูได้ปฏิเสธความจริงเหมือนกันผู้ที่เชื่อและติดตามพระองค์ส่วนมากแล้วเป็นคนสามัญธรรมดา
? ข้าพเจ้าได้รับและเชื่อในพระเยซูและได้รักษาวันอาทิตย์มานาน ข้าพเจ้าเชื่อว่าตนเองคงไม่หลงหายไปจากพระเจ้าถึงแม้ไม่ได้รักษาวันเสาร์เป็นวันสะบาโต
> “ในเวลาเมื่อมนุษย์ยังไร้เดียงสา พระเจ้ามิได้ทรงถือโทษ แต่เดี๋ยวนี้ พระเจ้าได้ตรัสสั่งแก่มนุษย์ทั้งปวงทั่วทุกแห่งให้กลับใจใหม่” (กิจการ 17:30)
? แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระเจ้าคงไม่ถือโทษที่ข้าพเจ้ามิได้รักษาวันสะบาโตใช่ไหม
> “คนใดที่กล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าคุ้นกับพระองค์’ แต่มิได้ประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ คนนั้นเป็นคนพูดมุสาและความจริงไม่ได้อยู่ในคนนั้นเลย” (1 ยอห์น 2:4)
? แต่การที่ข้าพเจ้ารักพระเจ้า และดำรงชีวิตตามกฎแห่งความรักยังไม่เพียงพอหรือ
> “ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา” (ยอห์น14:15)
? หมายความว่าต้องรักษาให้ครบทั้งสิบข้อใช่ไหม
> “เพราะว่าผู้ใดรักษาธรรมบัญญัติได้ทั้งหมดแต่ผิดอยู่ข้อเดียว ผู้นั้นก็เป็นผู้ผิดธรรมบัญญัติทั้งหมด” (ยากอบ 2:10)
? การพยายามติดตามพระเยซูเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดและคงเพียงพอมิใช่หรือ
> “ผู้ใดกล่าวว่าตนอยู่ในพระองค์ ผู้นั้นก็ควรดำเนินตามทางที่พระองค์ทรงดำเนินนั้น” (1 ยอห์น 2:6)
? พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างของการรักษาวันสะบาโตอย่างไร
> “แล้วพระองค์เสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธ เป็นที่ซึ่งพระองค์ทรงเจริญวัยขึ้น พระองค์เสด็จเข้าไปในธรรมศาลาในวันสะบาโตตามเคยและทรงยืนขึ้นเพื่อจะอ่านพระธรรม” (ลูกา 4:16)
? เนื่องจากว่าเวลาล่วงมาเกินสองพันปีแล้ว ถ้าหากพระเยซูเสด็จมาในโลกปัจจุบันพระองค์จะถือวันอื่นแทนวันสะบาโตหรือเปล่า
> “เราคือพระเจ้าไม่มีผันแปร” (มาลาคี 3:6) “พระเยซูคริสต์ยังทรงเหมือนเดิมในเวลาวานนี้ และเวลาวันนี้ และต่อๆ ไปเป็นนิจกาล” (ฮีบรู13:8)
? ถ้าอย่างนั้นความรอดขึ้นอยู่กับการเชื่อฟังอย่างนั้นหรือ
> “เมื่อพระเจ้าทรงทำให้พระเยซูเพียบพร้อมทุกประการแล้ว พระเยซูก็เลยทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความรอดนิรันดร์สำหรับคนทั้งปวงที่เชื่อฟังพระองค์” (ฮีบรู 5:9)
? จำเป็นมากไหมที่จะต้องถือพระบัญญัติ
> “ถ้าท่านปรารถนาจะเข้าในชีวิตก็ให้ถือรักษาพระบัญญัติไว้” (มัทธิว 19:17)
? ทำไมพระเจ้าจึงสนับสนุนให้ถือวันที่เจ็ดซึ่งเป็นวันเสาร์ วันอาทิตย์ก็ดีเท่ากับวันเสาร์มิใช่หรือ
> “พระเจ้าจึงทรงอวยพระพรแก่วันที่เจ็ดทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์” (ปฐมกาล 2:3) “พระเจ้าได้ทรงอำนวยพรและข้าพเจ้าจะเรียกกลับไม่ได้” (กันดารวิถี 23:20) “ข้าแต่พระเจ้า สิ่งใดที่พระองค์ทรงอำนวยพระพรสิ่งนั้นก็ได้รับพระพรเป็นนิตย์” (1 พงศาวดาร 17:27)
? แล้วถ้าเลือกถือวันใดวันหนึ่งในสัปดาห์จะได้ไหม
> พระเจ้าทรงตำหนิคาอินที่เลือกนมัสการพระองค์ตามวิธีการของเขาเอง แทนที่จะทำตามพระบัญชาของพระองค์ (ปฐมกาล 4) “มิใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้ทรงสถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้” (มัทธิว 7:21)
? แต่ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระองค์เป็นประจำ
> “ถ้าผู้ใดไม่ฟังพระบัญญัติ แม้คำอธิษฐานของเขาก็เป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชัง” (สุภาษิต 28:9)
? มีบางคนสามารถทำการอัศจรรย์ รักษาคนป่วยได้ บางคนพูดภาษาแปลกๆ ก็ได้ แต่เขาไม่ได้ถือวันสะบาโต คนพวกนี้จะเป็นอย่างไร
> “เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนเป็นอันมากร้องแก่เราว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์กล่าวพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้กระทำการมหัศจรรย์เป็นอันมากในพระนามของพระองค์มิใช่หรือ’ เมื่อนั้นเราจะได้กล่าวแก่เขาว่า ‘เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา’” (มัทธิว 7:22-23)
? ข้าพเจ้ารู้ว่าวันสะบาโตเป็นวันบริสุทธิ์ แต่การทำงานคงมีปัญหาถ้าหยุดวันเสาร์ เพราะข้าพเจ้าอาจต้องถูกออกจากงาน
> “เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร” (มาระโก 8:36)
? ข้าพเจ้าเชื่อเรื่องวันสะบาโต แต่จำเป็นต้องทำงานในวันเสาร์เพื่อความอยู่รอดของครอบครัว
> “เพราะว่าพวกต่างชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้” (มัทธิว 6:32-33) “ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นคนชอบธรรมถูกทอดทิ้ง หรือลูกหลานของเขาขอทาน” (สดุดี 37:25)
? ข้าพเจ้าเกรงว่าเพื่อนฝูงจะพากันเยาะเย้ยถ้าข้าพเจ้าถือวันเสาร์เป็นวันสะบาโต
> “เมื่อเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายเป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข จงชื่นชมยินดีเพราะว่าบำเหน็จของท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์เพราะเขาได้ข่มเหงผู้เผยพระวจนะทั้งหลายที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน” (มัทธิว 5:11-12) “ถ้าโลกนี้เกลียดชังท่านทั้งหลาย ก็จงรู้ว่าโลกได้เกลียดชังเราก่อน” (ยอห์น 15:18)
? ถ้าครอบครัวของข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย ข้าพเจ้าควรจะทำอย่างไร
> “ผู้ใดที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเรา ก็ไม่มีค่าควรกับเรา และผู้ใดรักบุตรชายหญิงยิ่งกว่ารักเรา ผู้นั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา…ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอด จะกลับเสียชีวิต แต่ผู้ที่สู้เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราก็จะได้ชีวิตรอด” (มัทธิว 10:37-38) “ก็เช่นนั้นแหละ ทุกคนในพวกท่านที่มิได้สละสิ่งสารพัดที่ตนมีอยู่ จะเป็นสาวกของเราไม่ได้” (ลูกา 14:33)
? ข้าพเจ้าอ่อนแอเกินไป กลัวว่าจะไม่สามารถทนต่อการทดลองได้
> “แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘การที่มีคุณของเราก็พอแก่เจ้าแล้ว เพราะความอ่อนแอมีที่ไหนเดชของเราก็มีฤทธิ์ขึ้นเต็มขนาดที่นั่น’ เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงภูมิใจในบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้าเพื่อฤทธิ์เดชของพระคริสต์จะได้อยู่ในข้าพเจ้า เหตุฉะนั้นเพราะเห็นแก่พระคริสต์ ข้าพเจ้าจึงชื่นใจในบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้า…เพราะว่าข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็จะแข็งแรงมากขึ้นเมื่อนั้น” (2 โครินธ์ 12:9-10) “ข้าพเจ้าอยากผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า” (ฟิลิปปี 4:13)
? ถ้าอย่างนั้นการเสียสละเพื่อจะได้รักษาพระบัญญัติของพระองค์ด้วยความซื่อสัตย์จะได้อะไรเป็นบำเหน็จ
> “ถ้าผู้ใดได้สละเหย้าเรือน หรือภรรยา หรือพี่น้อง หรือบิดามารดา หรือบุตรเพราะเห็นแก่แผ่นดินของพระเจ้า ในยุคนี้ผู้นั้นจะได้รับตอบแทนหลายเท่าและในยุคหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร์” (ลูกา 18:29-30) “คนทั้งหลายที่ชำระเสื้อผ้าของตนก็เป็นสุข เพื่อว่าเขาจะได้มีสิทธิ์ในต้นไม้แห่งชีวิต และเพื่อเขาจะได้เข้าไปในนครนั้นโดยทางประตู” (วิวรณ์ 22:14) (ต้นฉบับภาษากรีกบางฉบับเขียนว่า “คนทั้งหลายที่รักษาพระบัญญัติก็เป็นสุข…”)
? ในสวรรค์ยังมีการรักษาวันสะบาโตหรือไม่
> “เพราะสวรรค์ใหม่ และแผ่นดินโลกใหม่ซึ่งเราจะสร้าง จะยังอยู่ต่อหน้าเราฉันใด พระเจ้าตรัสดังนี้ เชื่อสายของเจ้าและชื่อของเจ้าจะยังอยู่ฉันนั้น พระเจ้าตรัสว่า ทุกวันขึ้นค่ำและทุกวันสะบาโต มนุษย์ทั้งสิ้นจะมานมัสการต่อเรา” (อิสยาห์ 66:22-23)
? ถ้าเป็นเช่นนั้น สิ่งใดที่สำเร็จในสวรรค์ก็ขอให้สำเร็จในโลกเช่นกัน ข้าพเจ้าจะถือรักษาวันสะบาโตโดยพึ่งความช่วยเหลือของพระองค์
> “ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูและของมาก” (มัทธิว 25:21)