Baptism of the Holy Spirit
การรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
1. “How greatly do the workers need a baptism of the Holy Spirit, that they may become true missionaries for God…” Counsels on Sabbath School Work, p. 156.
1. “ความต้องการยิ่งใหญ่ของคนงานคือ การรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อพวกเขาอาจกลายเป็นมิชชันนารีแท้ของพระเจ้า…” Counsels on Sabbath School Work, p. 156
2. “The Holy Spirit is wanting [lacking] in our work..” Selected Messages, Book 1, p. 411
2. ในพันธกิจของเรา ยังขาดพระวิญญาณบริทธิ์..” Selected Messages, Book 1, p. 411
3. “God’s work is to be carried forward with power. We need the baptism of the Holy Spirit” Evangelism, p. 66
3. “พันธกิจแท้ของพระเจ้าจะต้องได้รับการดำเนินไปด้วยพลังอำนาจ เราต้องการ การรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์” การประกาศพระกิตติคุณ หน้า 66
4. “There needs to be a waking up among God’s people, that His work may be carried forward with power. We need the baptism of the Holy Spirit” Evangelism, p. 559
4. “ท่ามกลางประชากรของพระเจ้า จำเป็นต้องมีผู้ปลุกให้ตื่นขึ้น เพื่อให้พันธกิจของพระองค์ดำเนินรุดหน้าไปด้วยอำนาจเราต้องการ การรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์” การประกาศพระกิตติคุณ หน้า 559.
5. “Those who bear responsibility as managers in the work need to place themselves where they can be deeply impressed by the Spirit of God. You should have as much greater anxiety than do others to receive the baptism of the Holy Spirit and a knowledge of God and Christ, as your position of trust is more responsible than that of the common worker” Testimonies for the Church, Vol. 7, p. 188
5. “เหล่าผู้ทำหน้าที่งานบริหารตำแหน่งต่างๆ ในสถาบันของพระเจ้า พวกเขาต้องอุทิศตัว และใจพร้อมให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้ามาประทับอยู่ กล่าวคือพวกท่านจะต้องมีความมุ่งมาดที่จะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และความรู้ของพระเจ้า และพระคริสต์ เพราะพวกเขาอยู่ในตำแหน่งแห่งความไว้วางใจ และมีความรับผิดชอบมากกว่าผู้ร่วมงานธรรมดาทั่วไป” Testimonies for the Church, Vol, 7, p.188
6. “Teach your children that it is their privilege to receive every day the baptism of the Holy Spirit. Let Christ find you His helping hand to carry out His purposes. By prayer you may gain an experience that will make your ministry for your children a perfect success” Child Guidance, p. 69
6. “สอนบุตรหลานของคุณว่าเป็นสิทธิพิเศษที่จะได้รับบัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอพระคริสต์ได้พบว่าคุณเป็นมือที่ช่วยให้พระประสงค์ของพระองค์ดำเนินไป โดยการอธิษฐานคุณอาจได้รัประสบการณ์ซึ่งทำให้พันธกิจสำหรับเด็กๆ ของคุณประสบผลสำเร็จสมบูรณ์” Child Guidance, p 69
7. “This instruction is of the greatest importance to us; for we are living in the last days of this earth’s history. Soon we shall enter upon the fulfillment of the events which Christ showed John were to take place. As the messengers of the Lord present these solemn truths, they must realize that they are handling subjects of eternal interest, and they should seek for the baptism of the Holy Spirit, that they may speak, not their own words, but the words given them by God ” Signs of the Times, July 4, 1906
7. “คำสอนนี้มีความสำคัญยิ่งใหญ่ต่อเรา เพราะเรามีชีวิตอยู่ในช่วงวันสุดท้ายแห่งประวัติศาสตร์โลก ที่เราจะเข้าไปมีส่วนในเหตุการณ์สำเร็จสมจริง ซึ่งพระเยซูทรงสำแสดงให้อัครทูตยอห์นเห็นในนิมิต ขณะที่ผู้สื่อข่าวของพระเจ้าจะนำเสนอความจริงอันน่ากลัว พวกเขาต้องตระหนักว่ากำลังหยิบยื่นสิ่งน่าสนใจนิรันดร์กับคนทั้งหลาย และพวกเขาเองควรแสวงหาการรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ แล้วพวกเขาไม่ต้องพูดถ้อยคำพวกเขาเอง แต่เป็นคำที่พระเจ้าทรงประทานให้” บทความของ เอลเลน ไวท์ ในนิตยสาร Signs of the Times, July 4, 1906
8. “Just prior to His leaving His disciples for the heavenly courts, Jesus encouraged them with the promise of the Holy Spirit. This promise belongs as much to us as it did to them, and yet how rarely it is presented before the people, and its reception spoken of in the church. In consequence of this silence upon this most important theme, what promise do we know less about by its practical fulfillment than this rich promise of the gift of the Holy Spirit, whereby efficiency is to be given to all our spiritual labor? The promise of the Holy Spirit is casually brought into our discourses, is incidentally touched upon, and that is all. Prophecies have been touched upon, doctrines have been expounded: but that which is essential to the church in order that they may grow in spiritual strength and efficiency, in order that the preaching may carry conviction with it, and souls converted to God, has been largely left out of ministerial effort. This subject has been set aside, as if some time in the future would be given to its consideration. Other blessings and privileges have been presented before the people until a desire has been awakened in the church for the attainment of the blessing promised of God; but the impression concerning the Holy Spirit has been that this gift is not for the church now, but that at some time in the future it would be necessary for the church to receive it. This promised blessing, if claimed by faith, would bring all other blessings in its train, and it is to be given liberally to the people of God. Through the cunning devices of the enemy the minds of God’s people seem to be incapable of comprehending and appropriating the promises of God. They seem to think that only the scantiest showers of grace are to fall upon the thirsty soul. .… The power of God awaits their demand and reception.” Testimonies to Ministers, p. 174-175
8. “ก่อนหน้าพระเยซูจะทรงจากเหล่าสาวกของพระองค์เพื่อเสด็จขึ้นไปยังสวรรค์ พระเยซูทรงหนุนใจพวกเขาด้วยพระสัญญาแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพระสัญญานี้เป็นของเราพอๆ กับเป็นของเหล่าสาวกในอดีต กระนั้นเป็นการ “ยาก” เพียงใดกว่าจะมีการนำเรื่อง “พระวิญญาณบริสุทธิ์” มาเสนอให้ผู้เชื่อสักครั้ง และเป็นที่ยอมรับเมื่อนำมาพูดในโบสถ์ ผลตามมาคือกลายเป็นหัวข้อสำคัญที่ “เงียบมาก” เป็นพระสัญญาเรารู้จักน้อยในเรื่องการนำปฏิบัติ และทำให้สำเร็จสมจริงทั้งเป็นพระสัญญาแห่งของประทานที่รุ่มรวย แปลกไหมที่ผู้เชื่อมองข้ามพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งเป็นผู้ช่วยให้บังเกิดผลด้านจิตวิญญาณอย่างมีประสิทธิผลที่สุด? เป็นครั้งคราวที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ถูกนำมาเสนออย่างบังเอิญ ซึ่งสัมผัสกับดวงจิตผู้เชื่อทั้งหลาย แต่ก็มีผลเพียงแค่นั้น ! คำพยากรณ์ได้เปิดเผยให้เห็นถึงความสำคัญเรื่องพระวิญญาณสำหรับคริสตจักร เพื่อการเติบโต และเข้มแข็งฝ่ายจิตวิญญาณ และในการเทศนาพระกิตติคุณให้คนบาปตระหนักแน่ในจิตวิญญาณ และกลับใจใหม่มาหาพระเจ้า กระนั้นหัวข้อสำคัญนี้ถูกแยกจากการดำเนินพันธกิจเป็นส่วนใหญ่ โดยถูกนำไปเก็บไว้ และหวังว่าในอนาคตจะนำออกมาพิจารณาจริงจัง ตอนนี้พระพร และสิทธิพิเศษอื่นๆได้ถูกนำเสนอต่อประชากรของพระเจ้า จนกว่าผู้รับใช้ในคริสตจักรจะได้รับการปลุกให้ตื่นขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มองเห็นว่าเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ใช่ของประทานสำหรับโบสถ์ในเวลานี้ แต่จะเป็นเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต ซึ่งเวลานั้นจะมีความจำเป็นสำหรับ คริสตจักรจะรับเอาพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระพรแห่งพระสัญญานี้ ถ้าเราอ้างโดยความเชื่อ จะนำพระพรอื่นๆ มาให้อย่างไม่ขาดสาย ซึ่งจะเป็นการมอบให้กับประชากรของพระเจ้าด้วยใจเอื้ออารี แต่จากเล่ห์เพทุบาย และเครื่องมือของศัตรู ได้ทำให้ดวงจิตประชากรของพระเจ้าดูเหมือนไม่มีความเข้าใจ และไม่เห็นคุณค่าในพระสัญญาข้อนี้ของพระองค์ ดูเหมือนพวกเขาจะคิดว่าขณะนี้จะมีการหลั่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมาเพียงประปรายสำหรับดวงวิญญาณหิวกระหายเท่านั้น…ทั้งๆพระเจ้าทรงกำลังรอว่าประชากรของพระเจ้าจะทูลขอ และเตรียมความพร้อมเพื่อจะรับพระวิญญาณบริสุทธิเมื่อไร” Testimonies to Minister, p.174, 175
9. Christ labored for his vineyard. The Prince of heaven, he was yet the intercessor for man, and he had power with God, and prevailed for himself and for his people. Morning by morning he communicated with his Father in heaven, receiving from him daily a fresh baptism of the Holy Spirit. The Lord awakened him from his slumbers in the early hours of the new day, that his soul and his lips might be anointed with grace which he should impart to others. His words were given him fresh from the heavenly courts, words that he might speak in season to those that were weary and oppressed. Of Christ we read, “The Lord God hath given me the tongue of the learned, that I should know to speak a word in season to him that is weary; he wakeneth morning by morning, he wakeneth mine ear to hear as the learned.” Signs of the Times, November 21, 1895
9. “พระคริสต์ทรงทำงานในสวนองุ่นของพระองค์ ทรงเป็นเจ้าชายแห่งสวรรค์ทรงเป็นผู้เฝ้าทูลขอแทนมนุษย์ ทรงมีฤทธานุภาพกับัพระบิดา และทรงประสบความ มีชัยสำหรับพระองค์เอง และประชากรของพระองค์ เช้าวันแล้วเช้าวันเล่าทรงสื่อสารกับพระบิดาของพระองค์ในสวรรค์ ทรงได้รับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธ์ใหม่สดในแต่ละวัน พระบิดาทรงปลุกพระองค์ขึ้นจากการนอนหลับในชั่วโมงเช้ามืดของวันใหม่ เพื่อดวงวิญญาณ และริมฝีปากของพระองค์จะได้รับการเจิมด้วยพระคุณซึ่งพระองค์จะทรงประทานให้กับประชาชน พระวจนะของพระองค์เป็นสิ่งใหม่สดจากท้องพระโรงแห่งสวรรค์ ถ้อยคำที่อาจฟื้นฟู เหล่าผู้เหนอื่ยอ่อน และถูกกดขี่เราได้อ่านคำพยากรณ์ถึงพระคริสต์ว่า “พระเจ้าได้ประทานให้ข้าพเจ้ามี ลิ้นของบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงสอน เพื่อ ข้าพเจ้าจะได้รู้ที่จะค้ำ ชูผู้ที่เหน็ดเหนื่อยไว้ด้วยถ้อยคำทุก ๆ เช้าพระองค์ทรงปลุก ทรงปลุกหูของข้าพเจ้า เพื่อให้ฟังอย่างผู้ที่พระองค์ทรงสอน” (อิสยาห์ 50:4) ( Signs of the Times, November 21,1895)
10. “Impress upon all the necessity of the baptism of the Holy Spirit, the sanctification of the members of the church, so that they will be living, growing, fruit-bearing trees of the Lord’s planting” Testimonies for the Church, Vol. 6, p. 86
10. “สมาชิกของคริสตจักรผู้รู้สึกในความจำเป็นในการรับบัพติศมาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ต่อเนื่อง ดังนั้นพวกเขาจะดำรงชีวิตอยู่ เติบโต และบังเกิดผลแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะพวกเขาเป็นต้นไม้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลูกไว้” Testimonies for the Church, Vol. 6, p. 86
11. “I entreat of the church members in every city that they lay hold upon the Lord with determined effort for the baptism of the Holy Spirit. Be assured that Satan is not asleep. Every obstacle possible he will place in the way of whose who would advance in this work. Too often these obstacles are regarded as insurmountable. Let every one now be soundly and truly converted, and then lay hold of the work intelligently and with faith.” Letter 148, 1909. Manuscript Releases, Vol. 7, p. 108.
11. “ข้าพเจ้าอ้อนวอนสมาชิกโบสถ์ในทุกเมือง ผู้มีความมุ่งมั่นสำหรับการรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์จงรู้แน่ว่าซาตานไม่ได้นอนหลับ เพราะซาตานจะวางอุปสรรคทุกอย่างที่เป็นไปได้บนเส้นทาง ที่ผู้เชื่อทั้งหลายจะรุดหน้าดำเนินพันธกิจไป บ่อยครั้งจริงๆ อุปสรรคเหล่านี้จะมองเหมือนว่า “เราไม่สามารถผ่านไปได้” ให้ทุกคนมีสติใช้ไหวพริบและความเชื่อเป็นหลัก ก็จะเอาชนะได้ในที่สุด.” Manuscript Releases, Vol,7, p.108
12. “It is this baptism of the Holy Spirit that the churches need today. There are backslidden church-members and backslidden ministers who need re-converting, who need the softening, subduing influence of the baptism of the Spirit, that they may rise in newness of life and make thorough work for eternity. I have seen the irreligion and the self-sufficiency cherished, and I have heard the words spoken, “Except ye repent and be converted, ye shall never see the kingdom of heaven.” There are many who will need re-baptizing, but let them never go down into the water until they are dead to sin, cured of selfishness and self-exaltation until they can come up out of the water to live a new life unto God. Faith and repentance are conditions, essential to the forgiveness of sin.” Letter 60, 1906, pp. 4-6. Manuscript Releases, Vol. 7, p. 267)
12. “การรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่โบสถ์ต่างๆต้องการในวันนี้ ซึ่งมีสมาชิกโบสถ์จำนวนมากท้อถอยหลงไปจากโบสถ์ และมีผู้รับใช้พระเจ้าบางคนรู้สึกท้อแท้ละทิ้งพันธกิจไป พวกเขาต้องกลับใจใหม่หันมาหาพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาต้องการอิทธิพลจะทำให้ดวงจิตอ่อนโยนลง และยอมสยบต่ออิทธิพลของการรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อพวกเขาจะยืนขึ้นใหม่ในชีวิต และดำเนินงานแห่งความรอดอย่างถี่ถ้วน ข้าพเจ้าได้เห็นคนที่ไม่มีศาสนา และคนที่คิดว่ามีทุกสิ่งเพียงพอในตนเอง และข้าพเจ้าได้ยินเสียงพูดว่า “เว้นแต่เจ้าจะกลับใจใหม่ เจ้าจะไม่เห็นอาณาจักรแห่งสวรรค์” ยังมีคนอีกมากที่ต้องการรับบัพติสมาอีกครั้งหนึ่ง แต่อย่าให้พวกเขาลงไปในน้ำจนกว่าพวกเขา “จะตาย” ในความบาป รักษาอาการ “ความเห็นแก่ตัว” และ “การยกตัวเองขึ้น” ก่อน แล้วพวกเขาจึงสามารถจะขึ้นมาจากน้ำเข้าสู่ชีวิตใหม่ในพระเจ้า ความเชื่อ และการกลับใจใหม่เป็นเงื่อนไขจำเป็นเพื่อจะได้รับการอภัยความบาป” Letter 60, 1906, pp. 4-6, Manuscript Releases, Vol. 7, p.267
13. I would that we had the baptism of the Holy Spirit, and this we must have before we can reveal perfection of life and character. I would that each member of the church would open the heart to Jesus, saying, Come, heavenly Guest, abide with me (Manuscript Releases, Vol. 2, p. 26).
13. “ข้าพเจ้าหวังว่าเราจะได้รับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และสิ่งนี้เราต้องมีก่อนที่เราสามารถจะเปิดเผยให้เห็นชีวิต และอุปนิสัยสมบูรณ์ ข้าพเจ้าหวังว่าสมาชิกคริสตจักรแต่ละคนจะเปิดดวงใจของเขา หรือหล่อนแล้วกล่าวเชื้อเชิญพระเยซูว่า “โอ้ พระผู้เป็นแขกจากสวรรค์ โปรดเสด็จมาสถิตอยู่กับข้าพระองค์ทั้งหลายแต่ละคนด้วยเถิด..ในนามพระคริสต์เจ้า..อาเมน.” Manusript Releases, Vol.2, p.26
14. “We need to cry to God as did Jacob for a fuller baptism of the Holy Spirit. The time for labor is short. Let there be much praying. Let the soul yearn after God. Let the secret places of prayer be often visited. Let there be a taking hold of the strength of the Mighty One of Israel. Let the ministers walk humbly before the Lord, weeping between the porch and the altar, the crying, Spare thy people, O Lord, and give not thine heritage to reproach.” Historical Sketches of the Foreign Missions of the Seventh-day Adventists, p. 294.
14. “เราจำเป็นต้องร้องขอพระเจ้าเหมือนท่านยาโคบ สำหรับยาโคบการรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์สำคัญยิ่ง ช่วงเวลาทำงานนั้นสั้น จงใช้เวลาอธิษฐานมากๆ ให้ดวงวิญญาณต้องการพระเจ้า จงเยี่ยมสถานที่อธิษฐานส่วนตัวบ่อยๆจงยึดพระหัตถ์องค์ผู้ทรงฤทธิ์แห่ง อิสราเอลสำหรับพละกำลังไว้ ให้ผู้รับใช้ในพันธกิจเดินไปอย่างถ่อมใจกับองค์พระเจ้า และให้เขาร้องไห้ระหว่างหน้าประตู และแท่นบูชา สมัยพระคัมภีร์ผู้เผยพระวจนะร้องไห้อธิษฐานเพื่อประชากรผู้ดื้อรั้นว่า “ขอทรงให้ประชากรของพระองค์รอดพ้น และขอทรงให้พวกเขาพ้นจากการถูกตำหนิรุนแรง” Historical Sketches of the Foreign Missions of the Seventh-day Adventists, p. 294
15. “Why do we not hunger and thirst for the gift of the Spirit, since this is the means by which we are to receive power? Why do we not talk of it, pray for it, preach concerning it? The Lord is more willing to give the Holy Spirit to us than parents are to give good gifts to their children. For the baptism of the Spirit every worker should be pleading with God”(Testimonies for the Church, Vol. 8, p. 22).
15. “เหตุใดเราต้องหิว และกระหายสำหรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็เมื่อสิ่งนี้หมายถึง “วิธี” ที่เราจะได้รับพลังอำนาจใช่ไหม? เหตุใดเราไม่สนทนาในเรื่องนี้ อธิษฐานในเรื่องนี้ และเทศนาสั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องนี้? องค์พระผู้เป็นเจ้ามีความเต็มใจจะทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เรา มากกว่าบิดามารดาจะให้ของขวัญดีแก่ลูกๆ ของพวกเขาเสียอีกเพราะการรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นสิ่งผู้ร่วมงานกับพระเจ้าควรทูลอ้อนวอนขอจากพระองค์” Testimonies for the Church, Vol.8, p.22
16. “If we know God, and Jesus Christ whom He has sent, unspeakable gladness will come to the soul. Oh, how we need the divine presence! For the baptism of the Holy Spirit every worker should be breathing out his prayer to God. Companies should be gathered together to call upon God for special help, for heavenly wisdom, that the people of God may know how to plan and devise and execute the work..”Testimonies to Ministers and Gospel Workers, p. 169.
16. “ถ้าเรารู้จักพระเจ้า และพระเยซูคริสต์ผู้ซึ่งพระบิดาส่งลงมา ดวงวิญญาณของเราไม่อาจอดกลั้นกล่าวถึงความเปรมปรีดิ์ออกมาเป็นคำพูดได้ โอ..เราช่างต้องการให้พระเจ้าเสด็จมาสถิตอยู่ด้วย ! สำหรับการรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ คนงานทุกคนต้องหายใจออกด้วยลมหายใจของการอธิษฐานต่อพระเจ้า เหล่าพวกพ้องควรมาชุมนุมกันทูลขอพระเจ้าสำหรับการช่วยเหลือพิเศษ สำหรับสติปัญญาสวรรค์ ที่ประชากรของพระเจ้าจะได้รอบรู้ จะวางแผน และบริหารงาน” (Testimonies to Minister and Gospel Workers, p. 169)
17. God’s faithful messengers are to seek to carry forward the Lord’s work in His appointed way. They are to place themselves in close connection with the Great Teacher, that they may be daily taught of God. They are to wrestle with God in earnest prayer for a baptism of the Holy Spirit that they may meet the needs of a world perishing in sin. All power is promised those who go forth in faith to proclaim the everlasting gospel. As the servants of God bear to the world a living message fresh from the throne of glory, the light of truth will shine forth as a lamp that burneth, reaching to all parts of the world. Thus the darkness of error and unbelief will be dispelled from the minds of the honest in heart in all lands, who are now seeking after God, “If haply they might feel after Him, and find Him.”—(Testimonies to Ministers, 459, 460.)
17. “ผู้สื่อข่าวซื่อสัตย์ของพระเจ้าต้องมองหาทางจะดำเนินงานของพระเจ้าไปสู่จุด ทรงตั้งเป้าไว้ ก่อนอื่นพวกเขาต้องวางตัวเองให้เชื่อมโยงใกล้ชิดกับพระบรมครู เพื่อพวกเขาจะได้รับการสอนประจำวัน พวกเขาต้องปล้ำสู้กับพระเจ้าด้วยการอธิษฐานเอาจริงเอาจังสำหรับการรับบัพติ ศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่พวกเขาอาจสนองต่อความต้องการของโลกที่กำลังจะพินาศในความบาป พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานอำนาจให้เหล่าผู้ออกไปทำการประกาศข่าวประเสริฐอัน เป็นอมตะ ขณะผู้รับใช้พระเจ้านำข่าวสารอันมีชีวิตสดใหม่จากพระบัลลังก์แห่งพระสิริของ พระเจ้ามายังโลก แสงสว่างจากพระบัลลังก์จะส่องออกไปดุจตะเกียงกำลังส่องแสง ไปถึงทุกส่วนของแผ่นดินโลก ดังนั้นความมืดมิด และความผิดพลาด และการไม่เชื่อจะถูกขับออกไปจากดวงจิตของเหล่าผู้มีความจริงใจทั้งแผ่นดิน คือผู้มีดวงใจกำลังแสวงหาพระเจ้า เพราะมีพระสัญญาว่า เหล่าผู้แสวงหาพระเจ้าด้วยดวงจิตใจมุ่งมั่น พวกเขาจะได้พบพระองค์ (Testimonies to Ministers and Gospel Workers p. 459)
18. “We need to pray as we never have prayed before for the baptism of the Holy Spirit, for if there was ever a time when we needed this baptism, it is now. There is nothing the Lord has more frequently told us He would bestow upon us, and nothing by which His name would be more glorified in bestowing, than the Holy Spirit. When we partake of this Spirit, men and women will be born again. . . . Souls once lost will be found, and brought back.” The Upward Look, p. 346.
18. เราจำเป็นต้องอธิษฐานเหมือนที่ไม่เคยอธิษฐานมาก่อนสำหรับการรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะถ้ายังพอมีเวลา ที่เราต้องการรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ต้องเป็นเวลานี้ ไม่มีเรื่องใดองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงบอกเรา “บ่อยครั้งมาก” กว่าว่าพระองค์จะทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้กับเรา และไม่มีสิ่งใดมาพร้อมกับพระนามแห่งสง่าราศีของพระองค์มากกว่า การรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งจะทรงประทานให้ให้แก่ชาย และหญิงซึ่งพวกเขาจะบังเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง ดวงวิญญาณที่หลงหายไปจะถูกค้นพบ และถูกนำกลับมาพระเจ้า” (The Upward Look, p. 346)
19. “The heart must be emptied of every defilement and cleansed for the indwelling of the Spirit. It was by the confession and forsaking of sin, by earnest prayer and consecration of themselves to God, that the early disciples prepared for the outpouring of the Holy Spirit on the Day of Pentecost.”–Testimonies to Ministers and Gospel Workers, p. 507.
19. “ดวงใจจะต้องสลัดมลทินทุกอย่างออกไป เพื่อให้เป็นประทับของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งต้องเริ่มต้นด้วยการสารภาพและละทิ้งความบาป ด้วยการอธิษฐานอย่างเอาจริงเอาจัง และอุทิศถวายตัวพวกเขาเองแด่พระเจ้า เหมือนอย่างที่เหล่าสาวกยุคแรกเริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการหลั่งลงมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันเพ็นเทคอสต์ ” Testimonies to Ministers and Gospel Workers, p. 507.
20. “Today you are to have your vessel purified, that it may be ready for the heavenly dew, ready for the showers of the latter rain; for the latter rain will come, and the blessing of God will fill every soul that is purified from every defilement. It is our work today to yield our souls to Christ, that we may be fitted for the time of refreshing from the presence of the Lord–fitted for the baptism of the Holy Spirit. . . .” Ev. p. 701
20. “วันนี้คุณจะต้องชำระภาชนะของคุณให้หมดจด เพื่อให้พร้อมสำหรับบรรจุน้ำค้างแห่งสวรรค์ และพร้อมจะรองรับฝนปลายฤดูซึ่งกำลังจะหลั่งลงมา และพระพรของพระเจ้าซึ่งจะเติมให้วิญญาณทุกดวง ที่ได้ชำระใจให้สะอาดแล้วจากมลทินทุกอย่าง นี่เป็นงานของเราในวันนี้ คือที่จะมอบถวายดวงวิญญาณของเราให้พระคริสต์ เพื่อเราจะเหมาะสมต้อนรับความสดชื่นจากการมาสถิตอยู่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า – ซึ่งเหมาะสมสำหรับการรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ”Evangelism, p.701
21. Christ, the Great Teacher, had an infinite variety of subjects from which to choose, but the one upon which He dwelt most largely was the endowment of the Holy Spirit. 1SM 156
21. พระเยซูคริสต์ พระอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีเรื่องเทศนาต่างๆ นาๆ มากมายนับไม่ถ้วนให้เลือก แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งพระองค์ทรงใช้เทศนาสั่งสอนมากที่สุด นั่นก็คือ เรื่องของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ [1SM 156]
22. But near the close of the earth’s harvest, a special bestowal of spiritual grace is promised to prepare the church for the coming of the Son of man. This outpouring of the Spirit is likened to the falling of the latter rain; and it is for this added power that Christians are to send their petitions to the Lord of the harvest in the time of the latter rain. In response, the Lord shall make bright clouds, and give them showers of rain(Zech. 10:1). He will cause to come down the rain, the former rain, and the latter rain. (Joel 2:23). But unless the members of God’s church today have a living connection with the Source of all spiritual growth, they will not be ready for the time of reaping Acts of the Apostles, p. 54-55
22. “แต่เมื่อใกล้ปิดฤดูกาลเก็บเกี่ยวของโลก พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานพระคุณฝ่ายจิตวิญญาณเป็นพิเศษ เพื่อเตรียมคริสตจักรสำหรับการเสด็จกลับมาของบุตรมนุษย์ นี่คือการหลั่งพระวิญญาณลงมาในลักษณะของฝนปลายฤดู ซึ่งเป็นการเพิ่มพลังอำนาจให้ ดังนั้นคริสเตียนต้องทูลอ้อนวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยวในช่วงของฝนปลายฤดู ดังผู้เผยพระวจนะเศคาริยาห์ได้แนะนำไว้ว่า “จงขอฝนจากพระเจ้าในฤดูฝนชุกปลายฤดู ขอจากพระเจ้าผู้ทรงปั้นเมฆพายุ ผู้ทรงประทานห่าฝนแก่มนุษย์” (เศคาริยาห์ 10:1) และยังมีข้อพระคัมภีร์อีกข้อหนึ่งกล่าวว่า “โอ บุตรทั้งหลายของศิโยนเอ๋ยจงยินดีเถิด จงเปรมปรีดิ์ในพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงช่วยกู้เจ้าด้วยฝนต้นฤดู พระองค์ทรงเทฝนลงมาให้เจ้า คือฝนต้นฤดูและฝนชุกปลายฤดูอย่างแต่ก่อน” (โยเอล 2:23) “เว้นแต่สมาชิกของโบสถ์ในปัจจุบัน ดำรงชีวิตเชื่อมโยงกับแหล่งแห่งการเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณทั้งหมด พวกเขาจะไม่พร้อมสำหรับเวลาแห่งการเก็บเกี่ยว” Acts of the Apostles, p. 54-55
23. In the gift of the Spirit, Jesus gave to man the highest good that heaven could bestow. . OHC 150
23. พระเยซูคริสต์ทรงประทานสิ่งที่มีคุณค่าสูงส่งที่สุดเท่าที่สวรรค์จะประทานให้แก่มนุษย์ได้ในของประทานแห่งพระวิญญาณ… OHC 150
24. The Holy Spirit was the highest of all gifts that He could solicit from His Father for the exaltation of His people. The Spirit was to be given as a regenerating agent, and without this the sacrifice of Christ would have been of no avail..DA 671
24. พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นของประทานอันล้ำเลิศที่สุด ที่พระองค์จะทรงร้องขอต่อพระบิดาของพระองค์ ได้ เพื่อความปีติยินดีของเหล่าพลไพร่ของพระองค์ พระวิญญาณที่ทรงประทานให้นั้น เป็นเสมือน เครื่องแสดงถึงการบังเกิดใหม่ และถ้าปราศจากสิ่งนี้ การสละพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์จะไม่ได้รับ ประโยชน์อะไรเลย. DA 671
25. Only to those who wait humbly upon God, who watch for His guidance and grace, is the Spirit given. The power of God awaits their demand and reception. This promised blessing, claimed by faith, brings all other blessings in its train. It is given according to the riches of the grace of Christ, and He is ready to supply every soul according to the capacity to receive. DA 672
25. พระวิญญาณจะถูกประทานให้แก่ผู้ที่รอคอยพระเจ้าด้วยความถ่อมใจเท่านั้น ผู้ซึ่งคอยเฝ้าดูเพื่อการทรงนำ และพระกรุณาคุณของพระองค์ ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้ารอคอยการร้องเรียกและการต้อนรับของพวกเขา พระพรแห่งคำสัญญาซึ่งอ้างสิทธิ์ได้โดยความเชื่อนี้ จะนำมาซึ่งพระพรอื่นๆ นานัปการ..DA 672
26. Oh, when we come to the pearly gates, and have an entrance into the city of God, will anyone who enters there regret that he devoted his life unreservedly to Jesus? Let us now love Him with undivided affections, and cooperate with the heavenly intelligences, that we may be laborers together with God, and by partaking of the divine nature, be able to reveal Christ to others. Oh, for the baptism of the Holy Spirit! Oh, that the bright beams of the Sun of Righteousness might shine into the chambers of mind and heart, that every idol might be dethroned and expelled from the soul temple! Oh, that our tongues might be loosened to speak of His goodness, to tell of His power! ..Ye Shall Receive Power, 163
26. “โอ..เมื่อเรามายืนต่อหน้าประตูมุกดาแห่งกรุงเยรูซาเล็มใหม่ และเดินผ่านเข้าไปในเมืองของพระเจ้า จะมีใครบ้างไหมเมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปแล้วนึกเสียใจที่เขาได้ทุ่มเทชีวิตของตนโดยไม่สงวนไว้เพื่อติดตามพระเยซู? ขณะเรายังอยู่ในโลกนี้ ให้เรารักพระองค์โดยไม่ปันใจให้ใคร ให้ความร่วมมือกับตัวแทนจากสวรรค์ ซึ่งนั่นคือการได้ทำงานร่วมกับพระเจ้า และการมีส่วนในธรรมชาติของพระองค์ ทำให้เราสามารถสำแดงพระคริสต์แก่คนอื่นๆ การรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ! เป็นการฉายลำแสงแห่งความชอบธรรมของพระบุตรเข้าสู่ทั้งสี่ห้องหัวใจ เพื่อถอนเอารูปเคารพทุกตัวออกจากบัลลังก์ดวงจิต และขจัดออกไปจากวิหารแห่งดวงวิญญาณ! เพื่อลิ้นที่มีอิสระจะกล่าวเทิดทูนคุณความดี และบอกเล่าถึงฤทธานุภาพของพระเจ้า!” Ye Shall Receive Power, p.163
27. Let every church member kneel before God, and pray earnestly for the impartation of the Spirit. Cry, Lord, increase my faith. Make me to understand Thy Word; for the entrance of Thy Word giveth light. Refresh me by Thy presence. Fill my heart with Thy Spirit that I may love my brethren as Christ lives me. God will bless those who thus prepare themselves for His service. They will understand what it means to have the assurance of the Spirit, because they have received Christ by faith. The religion of Christ means more than the forgiveness of sin; it means that sin is taken away, and that the vacuum is filled with the Spirit. It means that the mind is divinely illumined, that the heart is emptied of self, and filled with the presence of Christ. When this work is done for church members, the church will be a living, working church. The baptism of the Holy Spirit, and nothing less, can bring us to this place…..We may talk of the blessings of the Holy Spirit, but unless we prepare ourselves for His reception, of what avail are our works?… Are we seeking for His fullness… Review and Herald, June 10, 1902
27. “ให้สมาชิกโบสถ์ทุกคนคุกเข่าลงต่อพระพักตร์พระเจ้า และอธิษฐานอย่างเอาจริงเอาจังสำหรับการร่วมงานกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ “โอ พระบิดา ขอทรงเพิ่มความ เชื่อให้ข้าพระองค์ ช่วยให้เข้าใจพระวจนะศักดิ์สิทธิ์ พระวจนะของพระองค์ให้ความสว่าง การมาสถิตอยู่ของพระองค์ทำให้เกิดความเบิกบาน ขอเติมดวงใจข้าพระองค์ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ ให้ข้าพระองค์รักพี่น้องแห่งความเชื่อ เหมือนองค์พระคริสต์ทรงรักข้าพระองค์” พระเจ้าจะทรงอำนวยพรแก่เหล่าผู้เตรียมความพร้อมสำหรับรับใช้พระองค์ พวกเขาจะเข้าใจว่าอะไรคือความหมายของคำว่าความมั่นใจในพระวิญญาณ เพราะพวกเขาได้รับเอาพระคริสต์โดยความเชื่อ ศาสนาของพระคริสต์มีความหมายมากกว่าการได้รับอภัยความบาป แต่หมายถึงความบาปได้ถูกนำออกไป และความว่างเปล่าเข้ามาเติมด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า จึงหมายถึงดวงจิตได้รับแสงสว่างจากเบื้องบน ดวงใจจะปฏิเสธตัวของตัวเอง และเติมด้วยการมาสถิตอยู่ของพระคริสต์ เมื่องานนี้ถูกทำให้เสร็จสำหรับสมาชิกโบสถ์ โบสถ์จะมีชีวิตชีวาและทำหน้าที่อย่างแข็งขัน การรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และไม่มีอะไรน้อยกว่านี้ จึงจะสามารถนำเรามาถึงจุดนี้ได้ ! เราอาจพรรณนาถึงพระพรแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ หากเราไม่เตรียมความพร้อมที่จะต้อนพระองค์จะมีประโยชน์อันใด…เรากำลังแสวงหาการเติมเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือเปล่า…” Review and Herald, June 10, 1902
28. We are to seek most earnestly to be of one mind, of one purpose. The baptism of the Holy Spirit, and nothing less, can bring us to this place. Let us by self-renunciation prepare our hearts to receive the Holy Spirit that a great work may be done for us, so that we can say, not “See what I am doing, but Behold the goodness and love of God!” Ye Shall Receive Power, p. 318.
28. เราต้องมุ่งมั่นทำดวงจิตเป็นหนึ่ง สร้างเป้าหมายดวงใจเป็นหนึ่ง แล้วรับบัพติสมาด้วยพระวิญญาณ ไม่มีอะไรที่น้อยกว่าอาจนำเรามาสู่สถานที่แห่งนี้ ให้เราละทิ้งการเป็นตัวของตัวเอง เพื่อเตรียมดวงใจของเรารับเอาพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่องานใหญ่จะถูกทำให้เสร็จ เพื่อเราสามารถจะพูดได้ว่าอย่า “มองในสิ่งที่ฉันกำลังทำ แต่จงมองไปยังพระคุณความดี และความรักของพระเจ้า!” Ye Shall Receive Power, p. 318
29. Oh, when we come to the pearly gates, and have an entrance into the city of God, will anyone who enters there regret that he devoted his life unreservedly to Jesus? Let us now love Him with undivided affections, and cooperate with the heavenly intelligences, that we may be laborers together with God, and by partaking of the divine nature, be able to reveal Christ to others. Oh, for the baptism of the Holy Spirit! Oh, that the bright beams of the Sun of Righteousness might shine into the chambers of mind and heart, that every idol might be dethroned and expelled from the soul temple! Oh, that our tongues might be loosened to speak of His goodness, to tell of His power! (Ye Shall Receive Power, p. 163)
29. “โอ..เมื่อเรามายืนต่อหน้าประตูมุกดาแห่งกรุงเยรูซาเล็มใหม่ และเดินผ่านเข้าไปในเมืองของพระเจ้า จะมีใครบ้างไหมเมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปแล้วนึกเสียใจที่เขาได้ทุ่มเทชีวิตของตนโดยไม่สงวนไว้เพื่อติดตามพระเยซู? ขณะเรายังอยู่ในโลกนี้ ให้เรารักพระองค์โดยไม่ปันใจให้ใคร ให้ความร่วมมือกับตัวแทนจากสวรรค์ ซึ่งนั่นคือการได้ทำงานร่วมกับพระเจ้า และการมีส่วนในธรรมชาติของพระองค์ ทำให้เราสามารถสำแดงพระคริสต์แก่คนอื่นๆ การรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ! เป็นการฉายลำแสงแห่งความชอบธรรมของพระบุตรเข้าสู่ทั้งสี่ห้องหัวใจ เพื่อถอนเอารูปเคารพทุกตัวออกจากบัลลังก์ดวงจิต และขจัดออกไปจากวิหารแห่งดวงวิญญาณ! เพื่อลิ้นที่มีอิสระจะกล่าวเทิดทูนคุณความดี และบอกเล่าถึงฤทธานุภาพของพระเจ้า!” Ye Shall Receive Power, p.163
30. “Why do we not hunger and thirst for the gift of the Spirit, since this is the means by which we are to receive power? Why do we not talk of it, pray for it, preach concerning it? The Lord is more willing to give the Holy Spirit to us than parents are to give good gifts to their children. For the baptism of the Spirit every worker should be pleading with God” 8T 22
30. “เหตุใดเราต้องหิว และกระหายสำหรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็เมื่อสิ่งนี้หมายถึง “วิธี” ที่เราจะได้รับพลังอำนาจใช่ไหม? เหตุใดเราไม่สนทนาในเรื่องนี้ อธิษฐานในเรื่องนี้ และเทศนาสั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องนี้? องค์พระผู้เป็นเจ้ามีความเต็มใจจะทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เรา มากกว่าบิดามารดาจะให้ของขวัญดีแก่ลูกๆ ของพวกเขาเสียอีกเพราะการรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นสิ่งผู้ร่วมงานกับพระเจ้าควรทูลอ้อนวอนขอจากพระองค์” 8 T 22