Discipleship
การเป็นสาวก

1. “He (Jesus) had chosen them as men whom He could imbue with His Spirit, and who could be fitted to carry forward His work on earth when He should leave it.” Education, 84

1. พระเยซูทรง คัดเลือกพวกเขาผู้ซึ่งสามารถได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และสามารถรับพันธกิจของพระองค์สืบต่อไปภายหลังจากที่พระองค์จากโลกนี้ไปแล้ว” Education, 84


2. “As Christ sent forth His disciples, so today He sends forth the members of His church. The same power that the apostles had is for them. If they will make God their strength, He will work with them, and they shall not labor in vain. Let them realize that the work in which they are engaged is one upon which the Lord has placed His signet.” The Acts of the Apostles, 599

2. “เช่นเดียวกับที่พระคริสต์ทรงส่งสาวกออกไป ทุกวันนี้พระองค์ก็ทรงให้พี่น้องในคริสตจักรออกไปรับใช้เช่นกันและพระองค์ก็ทรงประทานฤทธานุภาพให้เช่นเดียวสาวกของพระองค์เช่นกัน และเมื่อพวกเขาจะรับใช้พันธกิจของพระองค์ พระองค์จะทรงอยู่เคียงข้างพวกเขาและพวกเขาจะไม่ล้มเหลว ขอให้เราได้ตระหนักว่าการงานของเรานั้นคือการได้มีส่วนร่วมกับพันธกิจของพระเจ้าและจะอยู่ในสายพระเนตรของพระองค์ตลอดเวลา” The Acts of the Apostles, 599


3. The sowers of the seed have a work to do in preparing hearts to receive the gospel. In the ministry of the word there is too much sermonizing, and too little of real heart-to-heart work. There is need of personal labor for the souls of the lost. In Christlike sympathy we should come close to men individually, and seek to awaken their interest in the great things of eternal life. Their hearts may be as hard as the beaten highway, and apparently it may be a useless effort to present the Saviour to them; but while logic may fail to move, and argument be powerless to convince, the love of Christ, revealed in personal ministry, may soften the stony heart, so that the seed of truth can take root. So the sowers have something to do that the seed may not be choked with thorns or perish because of shallowness of soil. COL 57

3. ผู้หว่านพืชมีหน้าที่ต้องเตรียมจิตใจไว้เพื่อรับข่าวประเสริฐ ในงาน พันธกิจนั้นมีการเทศนามากเกินไป แต่การทำงานด้วยความเห็นใจผู้อื่นอย่างแท้จริงมีน้อยเหลือเกิน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความสนใจต่อจิตวิญญาณ ที่หลงหายเป็นการส่วนตัว ด้วยความเห็นอกเห็นใจเหมือนพระคริสต์ เราควรเข้าใกล้เพื่อนมนุษย์เป็นการส่วนตัว และหาวิธีกระตุ้นความสนใจของเขาในสิ่งยิ่งใหญ่แห่งชีวิตนิรันดร์ จิตใจของเขาอาจเป็นเหมือนกับถนนหลวง ที่ถูกเหยียบย่ำจนแข็ง และดูผิวเผินแล้วการเสนอพระผู้ช่วยให้เขาก็คงไม่เกิดประโยชน์ แต่ขณะที่ตรรกวิทยาอาจล้มเหลวและการถกเถียงเรื่อง’นั้นไม่มีอำนาจที่จะทำให้เขา เชื่อได้ความรักของพระคริสต์ซึ่งปรากฏอยู่ในการประกาศแบบส่วนตัว’อาจทำให้ จิตใจที่แข็งกระด้างอ่อนลง เพื่อที่เมล็ดแห่งความจริงจะสามารถหยั่งรากลงได้ดังนั้นผู้หว่านมีหน้าที่บางสิ่งที่ต้องทำเพื่อพืชนั้นจะได้ไม่ถูกปกคลุมด้วย หนามหรือพินาศไปเพราะชั้นด้นตื้น ณ จุดเริ่มต้นของชีวิต คริสเตียน COL 57


4. The humblest and poorest of the disciples of Jesus can be a blessing to others. They may not realize that they are doing any special good, but by their unconscious influence they may start waves of blessing that will widen and deepen, and the blessed results they may never know until the day of final reward. They do not feel or know that they are doing anything great. They are not required to weary themselves with anxiety about success. They have only to go forward quietly, doing faithfully the work that God’s providence assigns, and their life will not be in vain. Their own souls will be growing more and more into the likeness of Christ; they are workers together with God in this life and are thus fitting for the higher work and the unshadowed joy of the life to come. SC 83

4. สาวกที่ต่ำต้อยและยากจนที่สุดของพระเยซูยังทำตัวให้เป็นพระพรแก่ผู้อื่นได้ พวกเขาอาจจะไม่เคยตระหนักว่าได้ทำอะไรที่ดีเป็นพิเศษ แต่จากอิทธิพลที่เขาทำไปโดยไม่รู้ตัวนั้น ทำให้เกิดคลื่นแห่งพระพรที่จะขยายออกเป็นวงกว้างและฝังลึกยิ่งขึ้น และพวกเขาก็ไม่เคยรับรู้ถึงผลลัพธ์ที่เป็นพระพรนั้นเลยจนกว่าจะถึงวันนั้น วันที่การกระทำของเขาจะได้รับผลตอบแทน พวกเขาไม่ได้รู้สึกหรือไม่ได้คิดว่า สิ่งที่เขาทำลงไปนั้นยิ่งใหญ่เพียงไร พวกเขาไม่เคยกังวลใจถึงเรื่องความสำเร็จ เขาเพียงแต่ต้องมุ่งไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ ทำงานที่พระเจ้าทรงกำหนดให้อย่างซื่อสัตย์ และชีวิตของเขาก็จะไม่สูญเปล่า จิตวิญญาณของเขาจะเติบใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนคล้ายคลึงกับของพระคริสต์ ขณะที่พวกเขามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ พวกเขาเป็นคนทำงานร่วมกับพระเจ้า และด้วยเหตุนี้ ในชีวิตที่จะมาถึงนั้น พวกเขาจึงเหมาะที่จะทำงานที่สูงส่งกว่าและได้รับความสุขที่ไม่มีเงามืดมาบดบัง SC 83


5. Let them learn the blessedness of working for Christ, following Him in self-denial, and enduring hardness as good soldiers. Let them learn to trust His love and to cast on Him their cares. Let them taste the joy of winning souls for Him. In their love and interest for the lost, they will lose sight of self. The pleasures of the world will lose their power to attract and its burdens to dishearten. The plowshare of truth will do its work. It will break up the fallow ground. It will not merely cut off the tops of the thorns, but will take them out by the roots. COL 57

5. ควรให้เขาเรียนรู้ถึงพระพรที่จะได้รับ จากการทำงานเพื่อพระคริสต์ ติดตามพระองค์ด้วยความไม่เห็นแก่ตัวและเพียรอดทนต่อความลำบาก ดังเช่นทหารที่ดี ควรให้เขารู้จักวางใจในความรักของ พระองค์และมอบภาระของเขาไว้กับพระองค์ ด้วยความรักและเอาใจใส่ต่อ ผู้หลงหาย เขาจะสมความปรารถนาของตนเองไป ความสนุกสนานของโลกนี้จะ ไม่มีอำนาจที่จะดึงดูดเขาและภาระต่างๆ ที่จะทำให้ละเหี่ยใจก็จะหมดไป ใบไถแห่งความจริงจะทำหน้าที่ฟื้นดินขึ้น ไม่เพียงแต่ตัดต้นหนามเท่านั้นแต่จะถอนรากถอนโคนออกไปด้วย COL 57


6. “Christ’s method alone will give true success in reaching the people. The Saviour mingled with men as one who desired their good. He showed His sympathy for them, ministered to their needs, and won their confidence. Then He bade them, “Follow Me.” There is need of coming close to the people by personal effort. If less time were given to sermonizing, and more time were spent in personal ministry, greater results would be seen. The poor are to be relieved, the sick cared for, the sorrowing and the bereaved comforted, the ignorant instructed, the inexperienced counseled. We are to weep with those that weep, and rejoice with those that rejoice. Accompanied by the power of persuasion, the power of prayer, the power of the love of God, this work will not, cannot, be without fruit.” MH 143-144

6. “วิธีการของพระคริสต์เท่านั้นที่จะก่อให้เกิดความสำเร็จ ที่แท้จริงในกานเข้าถึงจิตใจของประชาชน พระผู้ช่วยให้รอดทรงคลุกลีกับมนุษย์ในฐานะบุคคลผู้หนึ่งซึ่งทรงปรารถนาที่จะให้มนุษย์ได้รับสิ่งที่ดีงามพระองค์ทรงสำแดงน้ำพระทัยอันการุณย์ต่อพวกเขาทรงปรนนิบัติรับใช้ในสิ่งซึ่งเป็นความต้องการเขาพวกเขา และพระองค์ทรงได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากเขาแล้ว พระองค์ทรงตรัสสั่งว่าเชิญตามเรามา การกระทำตัวใกล้ชิดกับประชาชนเป็นการส่วนตัวจำเป็นต้องใช้ความพยายาม หากใช้เวลาในการเทศนาสั่งสอนให้น้อยลงและใช้เวลาในการรับใช้ส่วนตัวให้มากขึ้น ก็จะเห็นผลมากกว่า คนยากจนจะได้รับการบรรเทาทุกข์ คนเจ็บป่วยจะได้รับการเอาใจใส่ดูแลผู้ที่มีความทุกข์โศกและสูญเสียคนรักก็จะได้รับการปลอบโลมจิตใจ ผู้ที่ขาดความรู้ก็จะได้รับการสั่งสอน ผู้ที่ขาดประสบการณ์ก็จะได้รับคำแนะนำปรึกษา เราจะต้องหลั่งน้ำตากับผู้ที่กำลังร่ำไห้ และชื่นชมยินดีกับผู้ที่มีความสุขโดยอาศัยฤทธิ์อำนาจในการโน้มน้าวจิตใจ ฤทธิ์อำนาจของการอธิษฐานและฤทธิ์อำนาจในความรักของพระเจ้า การงานในกิจกรรมนี้ก็จะย่อมจะไม่มีทางที่จะดำเนินไปโดยปราศจากผล” MH 143-144


7. “Thousands can be reached in the most simple, humble way. The most intellectual, those who are looked upon as the world’s most gifted men and women, are often refreshed by the simple words of one who loves God, and who can speak of that love as naturally as the worldling speaks of the things that interest him most deeply. Often the words well prepared and studied have but little influence. But the true, honest expression of a son or daughter of God, spoken in natural simplicity, has power to open the door to hearts that have long been closed against Christ and His love.”—Ellen G. White, The Colporteur Evangelist, p. 38.

7. “เราสามารถเข้าถึงคนนับเป็นพันๆ ได้โดยวิธีการอันง่าย หากทำด้วยความถ่อมใจ ชายและหญิงอันเป็นที่นับถือว่าฉลาดปราดเปรื่อง และมีพรสวรรค์ในทางโลก บ่อยครั้งได้รับการสัมผัสด้วยถ้อยคำง่ายๆ ตรงไปตรงมาของเหล่าผู้รักพระเจ้า ชายและหญิงผู้เชื่อเหล่านั้นบ่อยครั้งสามารถกล่าวคำแห่งความรักอย่างเป็น ธรรมชาติ ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับผู้ฟังอย่างลึกซึ้ง และก็มีบ่อยครั้งเช่นกันถ้อยคำที่เสกสรรมาเป็นอย่างดีหากเกิดผลลัพธ์เพียง เล็กน้อย ตรงกันข้ามถ้อยคำที่เปล่งออกมาอย่างง่ายๆ กลับมีพลังอำนาจเปิดประตูหัวใจที่ ถูกปิดตายมานานต่อพระคริสต์และความรักของพระองค์” จากหนังสือของเอลเลน จี. ไว้ท์. “พันธกิจของบรรณกร” หน้า 38.