Christian Service
การรับใช้พระองค์


1. Christ’s followers have been redeemed for service. Our Lord teaches that the true object of life is ministry. Christ Himself was a worker, and to all His followers He gives the law of service–service to God and to their fellow men. Here Christ has presented to the world a higher conception of life than they had ever known. By living to minister for others, man is brought into connection with Christ. The law of service becomes the connecting link which binds us to God and to our fellow men. COL 326

1. “ผู้ติดตามพระคริสต์ถูกช่วยไว้ให้รอดเพื่อการรับใช้พระองค์ องค์พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงสอนว่า เป้าหมายแท้ของชีวิตคือพันธกิจการรับใช้ พระคริสต์เองเป็นผู้ปฏิบัติพันธกิจคนหนึ่ง และพระองค์ทรงประทานกฎแห่งการรับใช้แก่ผู้ติดตามพระองค์ทุกคน นั่นคือการรับใช้พระเจ้า และการรับใช้คนอื่นๆ ตรงนี้พระคริสต์ทรงประทานให้แก่โลกด้วยพระประสงค์สูงกว่าสำหรับชีวิต มากกว่าที่พวกเขาเคยได้ทราบ ด้วยการดำรงชีวิตเพื่อการรับใช้คนอื่นๆ มนุษย์ถูกนำมาเชื่อมโยงกับพระคริสต์ กฎแห่งการรับใช้กลายเป็นสายสัมพันธ์ที่ผูกพันเราไว้กับพระเจ้าและกับเพื่อนมนุษย์” COL 326


2. All things Christ received from God, but He took to give. So in the heavenly courts, in His ministry for all created beings: through the beloved Son, the Father’s life flows out to all; through the Son it returns, in praise and joyous service, a tide of love, to the great Source of all. And thus through Christ the circuit of beneficence is complete, representing the character of the great Giver, the law of life. In heaven itself this law was broken. Sin originated in self-seeking. Lucifer, the covering cherub, desired to be first in heaven. DA 21

2.“ทุกสิ่งที่พระคริสต์ได้รับมาจากพระเจ้า พระองค์ทรงรับไว้เพื่อประทานให้กับคนอื่นต่อไป ดังนั้นพระบิดาบนสวรรค์ได้ทรงประทานพระพรผ่านพันธกิจของพระเยซูสู่มวลมนุษย์และโดยผ่านทางพระบุตร คำสรรเสริญและการรับใช้ด้วยความชื่นชมยินดีได้กลายเป็นดุจกระแสธารหลั่งไหลกลับสู่พระเจ้า โดยผ่านทางพระคริสต์ความดีครบวงจรได้เกิดขึ้นสมบูรณ์ พระคริสต์เป็นตัวแทนในพระลักษณะนิสัยของพระเจ้า ซึ่งเป็นพระบัญญัติแห่งชีวิต ในสวรรค์พระบัญญัตินี้ได้ถูกระเมิด ซาตานได้เริ่มทำบาปจากความปรารถนาในเกียรติและสง่าราศีให้กับตนเอง ลูซีเฟอร์หัวหน้าทูตสวรรค์ต้องการอยู่ในอันดับหนึ่งในแผ่นดินสวรรค์” ผู้พึง ปรารถนาแห่งปวงชน” หน้า 21


3. “Christ’s method alone will give true success in reaching the people. The Saviour mingled with men as one who desired their good. He showed His sympathy for them, ministered to their needs, and won their confidence. Then He bade them, “Follow Me.” There is need of coming close to the people by personal effort. If less time were given to sermonizing, and more time were spent in personal ministry, greater results would be seen. The poor are to be relieved, the sick cared for, the sorrowing and the bereaved comforted, the ignorant instructed, the inexperienced counseled. We are to weep with those that weep, and rejoice with those that rejoice. Accompanied by the power of persuasion, the power of prayer, the power of the love of God, this work will not, cannot, be without fruit.” MH 143-144

3.“วิธีการของพระคริสต์เท่านั้นที่จะก่อให้เกิดความสำเร็จ ที่แท้จริงในกานเข้าถึงจิตใจของประชาชน พระผู้ช่วยให้รอดทรงคลุกลีกับมนุษย์ในฐานะบุคคลผู้หนึ่งซึ่งทรงปรารถนาที่จะให้มนุษย์ได้รับสิ่งที่ดีงามพระองค์ทรงสำแดงน้ำพระทัยอันการุณย์ต่อพวกเขาทรงปรนนิบัติรับใช้ในสิ่งซึ่งเป็นความต้องการเขาพวกเขา และพระองค์ทรงได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากเขาแล้ว พระองค์ทรงตรัสสั่งว่าเชิญตามเรามา การกระทำตัวใกล้ชิดกับประชาชนเป็นการส่วนตัวจำเป็นต้องใช้ความพยายาม หากใช้เวลาในการเทศนาสั่งสอนให้น้อยลงและใช้เวลาในการรับใช้ส่วนตัวให้มากขึ้น ก็จะเห็นผลมากกว่า คนยากจนจะได้รับการบรรเทาทุกข์ คนเจ็บป่วยจะได้รับการเอาใจใส่ดูแลผู้ที่มีความทุกข์โศกและสูญเสียคนรักก็จะได้รับการปลอบโลมจิตใจ ผู้ที่ขาดความรู้ก็จะได้รับการสั่งสอน ผู้ที่ขาดประสบการณ์ก็จะได้รับคำแนะนำปรึกษา เราจะต้องหลั่งน้ำตากับผู้ที่กำลังร่ำไห้ และชื่นชมยินดีกับผู้ที่มีความสุขโดยอาศัยฤทธิ์อำนาจในการโน้มน้าวจิตใจ ฤทธิ์อำนาจของการอธิษฐานและฤทธิ์อำนาจในความรักของพระเจ้า การงานในกิจกรรมนี้ก็จะย่อมจะไม่มีทางที่จะดำเนินไปโดยปราศจากผล” MH 143-144


4. To live for self is to perish. Covetousness, the desire of benefit for self’s sake, cuts the soul off from life. It is the spirit of Satan to get, to draw to self. It is the spirit of Christ to give, to sacrifice self for the good of others. There can be no self-seeking in the life of him who follows the Saviour. The true Christian banishes all selfishness from his heart. How can he live for self as he thinks of Christ hanging on the cross, giving His life for the life of the world? OHC 287

4. การมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองคือความพินาศ ความโลภ ความปรารถนาผลประโยชน์เพื่อวัตถุประสงค์ของตัวเองได้ตัดวิญญาณออกไปจากชีวิต จิตวิญญาณของซาตานคือการเอาและดึงเข้ามาหาตนเอง จิตวิญญาณของพระคริสต์คือการให้ การเสียสละเพื่อสิ่งดีของคนอื่น จะไม่มีการแสวงหาตนเองในชีวิตของคนที่ติดตามพระผู้ช่วย คริสเตียนที่แท้จริงจะขับไล่ความเห็นแก่ตัวออกจากหัวใจ เขาจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองได้อย่างไรขณะที่เขาคิดถึงพระเยซูแขวนอยู่บนกางเขน ทรงมอบชีวิตของพระองค์เพื่อชีวิตบนโลกนี้ OHC 287