Chapter 7 (บทที่ 7)
“Like Unto Leaven”
เปรียบเหมือนเชื้อ อ้างอิงจาก มัทธิว 13:33 ลูกา 13:20, 21
Many educated and influential men had come to hear the Prophet of Galilee. Some of these looked with curious interest upon the multitude that had gathered about Christ as He taught by the sea. In this great throng all classes of society were represented. There were the poor, the illiterate, the ragged beggar, the robber with the seal of guilt upon his face, the maimed, the dissipated, the merchant and the man of leisure, high and low, rich and poor, all crowding upon one another for a place to stand and hear the words of Christ. As these cultured men gazed upon the strange assembly, they asked themselves, Is the kingdom of God composed of such material as this? Again the Saviour replied by a parable: {COL 95.1}
คนมีการศึกษาและมีอิทธิพลจำนวนมากเข้ามาฟังผู้เผยพระวจนะแห่งกาลิสี บางคนในกลุ่มคนเหล่านี้มองฝูงชนมากมายที่ห้อมล้อมพระคริสต์ด้วยความฉงนสนใจในขณะที่พระองค์ทรงสั่งสอนอยู่ชายฝั่งทะเล ฝูงชนมากมายเหล่านี้เป็นตัวแทนของคนทุกชนชั้นวรรณะปะปนอยู่ด้วย คนยากจน คนไม่มีการศึกษา ขอทานสวมเสื้อผ้าขาดวิ่น หัวขโมยที่มีใบหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกผิด คนพิการ คนเสเพล พ่อค้าและคนที่รักความสำราญ คนชั้นสูงและชั้นต่ำ มั่งมีและยากจน ทุกคนเบียดเสียดหาที่เพื่อยืนและฟังพระวจนะของพระคริสต์ ขณะที่เหล่าบุคคลผู้มีการศึกษาเหล่านี้มองดูฝูงชนประหลาดที่ชุมนุมกันอยู่นั้น พวกเขาถามตนเองว่าแผ่นดินของพระเจ้าประกอบไปด้วยคนเหล่านี้หรือ อีกครั้งหนึ่งพระผู้ช่วยให้รอดตรัสตอบด้วยอุปมา {COL 95.1}
“The kingdom of heaven is like unto leaven, which a woman took, and hid in three measures of meal, till the whole was leavened.” {COL 95.2}
“แผ่นดินสวรรค์เป็นเหมือนเชื้อซึ่งผู้หญิงคนหนึ่งเอาเจือลงในแป้งสามถังจนแป้งนั้นฟูขึ้นทั้งหมด” มัทธิว 13:33 {COL 95.2}
Among the Jews leaven was sometimes used as an emblem of sin. At the time of the Passover the people were directed to remove all the leaven from their houses as they were to put away sin from their hearts. Christ warned His disciples, “Beware ye of the leaven of the Pharisees, which is hypocrisy.” Luke 12:1. And the apostle Paul speaks of the “leaven of malice and wickedness.” 1 Corinthians 5:8. But in the Saviour’s parable, leaven is used to represent the kingdom of heaven. It illustrates the quickening, assimilating power of the grace of God. {COL 95.3}
บางครั้งชาวยิวใช้เชื้อขนมปังเป็นเครื่องหมายของบาป เมื่อถึงเทศกาลปัสกา ประชาชนได้รับคำสั่งให้เอาเชื้อทั้งหมดออกจากบ้านเรือนของตนด้วยว่าพวกเขาจะต้องขจัดบาปให้ออกจากจิตใจของพวกเขา พระคริสต์ทรงเตือนสาวกว่า “ท่านทั้งหลายจงระวังเชื้อของพวกฟาริสีคือความหน้าซื่อใจคด” ลูกา 12 1 และอัครทูตเปาโลกล่าวถึง “เชื้อเก่าซึ่งเป็นเชื้อของความชั่ว” 1โครินธ์ 5:8 แต่ในอุปมาของพระผู้ช่วยให้รอด เชื้อใช้แทนแผ่นดินสวรรค์เพื่ออธิบายให้เห็นถึงอำนาจแห่งการฟื้นฟูและซึมซับของพระคุณของพระเจ้า {COL 95.3}
None are so vile, none have fallen so low, as to be beyond the working of this power. In all who will submit themselves to the Holy Spirit a new principle of life is to be implanted; the lost image of God is to be restored in humanity. {COL 96.1}
ไม่มีใครจะชั่วเกินไป ไม่มีใครจะตกต่ำเกินกว่าอำนาจของพระคุณจะช่วยได้ ทุกคนที่ยอมมอบถวายตัวเองให้กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ หลักการใหม่ในชีวิตจะถูกปลูกฝังลงไป พระฉายาของพระเจ้าที่สูญเสียไปจะฟื้นฟูกลับมาในมนุษย์อีกครั้ง {COL 96.1}
But man cannot transform himself by the exercise of his will. He possesses no power by which this change can be effected. The leaven–something wholly from without–must be put into the meal before the desired change can be wrought in it. So the grace of God must be received by the sinner before he can be fitted for the kingdom of glory. All the culture and education which the world can give will fail of making a degraded child of sin a child of heaven. The renewing energy must come from God. The change can be made only by the Holy Spirit. All who would be saved, high or low, rich or poor, must submit to the working of this power. {COL 96.2}
แต่มนุษย์เปลี่ยนแปลงตัวเขาเองด้วยความตั้งใจของตนเองไม่ได้ พวกเขาไม่มีอำนาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เชื้อมาจากภายนอกซึ่งต้องนำมาผสมลงในแป้งก่อนการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น ดังนั้นคนบาปจึงต้องยอมรับพระคุณของพระเจ้าก่อนที่เขาจะมีความเหมาะสมสำหรับแผ่นดินแห่งสง่าราศี การศึกษาและขนบธรรมเนียมที่โลกนี้ให้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงบุตรแห่งความผิดบาปให้เป็นบุตรแห่งแผ่นดินสวรรค์ได้ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่จะต้องมาจากพระเจ้า การเปลี่ยนแปลงนี้ได้มาจากองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น ทุกคนที่ต้องการรับความรอดไม่ว่าจะเป็นคนชั้นระดับสูง หรือชั้นระดับต่ำ คนมั่งมีหรือยากจนล้วนต้องยอมอยู่ใต้การทำงานของพลังอำนาจนี้ {COL 96.2}
As the leaven, when mingled with the meal, works from within outward, so it is by the renewing of the heart that the grace of God works to transform the life. No mere external change is sufficient to bring us into harmony with God. There are many who try to reform by correcting this or that bad habit, and they hope in this way to become Christians, but they are beginning in the wrong place. Our first work is with the heart. {COL 97.1}
เชื้อที่ผสมลงในแป้งที่ทำงานจากภายในสู่ภายนอกนั้นเปรียบได้กับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ที่มาจากพระคุณของพระเจ้าซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงชีวิต การเปลี่ยนแปลงภายนอกอย่างเดียวไม่พอที่จะนำเราให้เป็นอันหนึ่งเดียวกับพระเจ้า มีหลายคนพยายามเปลี่ยนแปลงด้วยการแก้ไขอุปนิสัยที่ไม่ดีอย่างนั้นบ้างอย่างนี้บ้าง และเขาหวังว่าการทำเช่นนี้จะทำให้พวกเขากลายเป็นคริสเตียน แต่เขากำลังเริ่มต้นในทางที่ผิด งานแรกของพวกเราอยู่ที่ใจ {COL 97.1}
A profession of faith and the possession of truth in the soul are two different things. The mere knowledge of truth is not enough. We may possess this, but the tenor of our thoughts may not be changed. The heart must be converted and sanctified. {COL 97.2}
การมีความเชื่อกับการมีความจริงอยู่ในจิตใจเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน การมีความรู้ในความจริงอย่างเดียวยังไม่พอ เราอาจจะมีสิ่งนี้แต่ความรู้สึกนึกคิดของเราอาจจะไม่เปลี่ยนแปลงเลยก็ได้ จิตใจจะต้องรับการเปลี่ยนแปลงและชำระให้บริสุทธิ์ {COL 97.2}
The man who attempts to keep the commandments of God from a sense of obligation merely–because he is required to do so–will never enter into the joy of obedience. He does not obey. When the requirements of God are accounted a burden because they cut across human inclination, we may know that the life is not a Christian life. True obedience is the outworking of a principle within. It springs from the love of righteousness, the love of the law of God. The essence of all righteousness is loyalty to our Redeemer. This will lead us to do right because it is right–because right doing is pleasing to God. {COL 97.3}
บุคคลที่พยายามรักษาพระบัญญัติของพระเจ้าเพียงเพราะรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ถูกกำหนดไว้ให้ทำนั้นจะไม่มีโอกาสพบความยินดีในการเชื่อฟัง เขาไม่ได้เชื่อฟัง เมื่อข้อกำหนดของพระเจ้ากลายเป็นภาระแก่เขาเพราะสิ่งนี้แทงทะลุความโน้มเอียงของมนุษย์ เราก็พอทราบว่าชีวิตนั้นไม่ใช่ชีวิตคริสเตียน ความเชื่อฟังที่แท้จริงคือผลของหลักธรรมที่มาจากภายใน มันออกมาจากการรักความชอบธรรม รักพระบัญญัติของพระเจ้า แก่นของความชอบธรรมทั้งปวงคือการซื่อสัตย์ต่อพระผู้ไถ่ของเรา สิ่งนี้จะนำเราให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องเพราะเป็นสิ่งที่ถูก เพราะการกระทำในสิ่งที่ถูกต้องเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า {COL 97.3}
The great truth of the conversion of the heart by the Holy Spirit is presented in Christ’s words to Nicodemus: “Verily, verily, I say unto thee, Except a man be born from above, he can not see the kingdom of God. . . . That which is born of the flesh is flesh, and that which is born of the Spirit is spirit. Marvel not that I said unto thee, Ye must be born again. The wind bloweth where it listeth, and thou hearest the sound thereof, but canst not tell whence it cometh and whither it goeth. So is every one that is born of the Spirit.” John 3:3-8, margin. {COL 98.1}
ความจริงยิ่งใหญ่ของการกลับใจใหม่โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์แสดงให้เห็นจากพระดำรัสของพระคริสต์ที่มีต่อนิโคเดมัส “เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าคนใดไม่ได้เกิดใหม่ คนนั้นไม่สามารถเห็นแผ่นดินของพระเจ้า….ซึ่งเกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนังและที่เกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ อย่าประหลาดใจที่เราบอกท่านว่าพวกท่านต้องเกิดใหม่ ลมจะพัดไปที่ไหนก็พัดไปที่นั้น และท่านได้ยินเสียงลมนั้น แต่ไม่รู้ว่าลมมาจากไหนและไปที่ไหน คนที่เกิดจากพระวิญญาณก็เป็นอย่างนั้นทุกคน” ยอห์น 3:3-8 {COL 98.1}
The apostle Paul, writing by the Holy Spirit, says, “God, who is rich in mercy, for His great love wherewith He loved us, even when we were dead in sins, hath quickened us together with Christ, (by grace ye are saved;) and hath raised us up together, and made us sit together in heavenly places in Christ Jesus: that in the ages to come He might show the exceeding riches of His grace in His kindness toward us through Christ Jesus. For by grace are ye saved through faith; and that not of yourselves; it is the gift of God.” Ephesians 2:4-8. {COL 98.2}
อัครทูตเปาโลกล่าวโดยการทรงดลใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า “แต่พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา พระองค์ทรงรักเราโดยความรักอันใหญ่หลวงของพระองค์ ถึงแม้ว่าเราเป็นคนตายเนื่องจากการละเมิด พระองค์ยังทรงทำให้มีชีวิตอยู่ร่วมกับพระคริสต์ (พวกท่านได้รับความรอดแล้วด้วยพระคุณ) และพระองค์ทรงทำให้เราเป็นขึ้นมาด้วยกันกับพระคริสต์ และทรงให้เรานั่งด้วยกันกับพระองค์ในสวรรคสถานในพระเยซูคริสต์ เพื่อว่าในยุคต่อๆไป พระองค์จะทรงสำแดงพระคุณอันอุดมเหลือล้นของพระองค์ ด้วยพระกรุณาที่มีต่อเราในพระเยซูคริสต์เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความรอดแล้วด้วยพระคุณโดยทางความเชื่อ ความรอดนี้ไม่ใช่มาจากตัวท่าน แต่เป็นของประทานจากพระเจ้า” เอเฟซัส 2:4–8 {COL 98.2}
The leaven hidden in the flour works invisibly to bring the whole mass under its leavening process; so the leaven of truth works secretly, silently, steadily, to transform the soul. The natural inclinations are softened and subdued. New thoughts, new feelings, new motives, are implanted. A new standard of character is set up–the life of Christ. The mind is changed; the faculties are roused to action in new lines. Man is not endowed with new faculties, but the faculties he has are sanctified. The conscience is awakened. We are endowed with traits of character that enable us to do service for God. {COL 98.3}
เชื้อที่ซ่อนอยู่ในแป้งนั้นออกฤทธิ์อันไม่ปรากฏแก่สายตา ทำให้แป้งทั้งหมดนั้นฟูขึ้น เชื้อแห่งความจริงก็เช่นกัน จะทำงานอย่างเงียบๆ ไม่เปิดเผยและต่อเนื่องเพื่อเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณ ความโน้มเอียงตามธรรมชาติจะอ่อนตัวและอยู่ใต้การบังคับ ความคิด ความรู้สึก และเจตนารมณ์ใหม่จะถูกปลุกฝัง เกิดมาตรฐานอุปนิสัยใหม่เป็นชีวิตแบบพระคริสต์ ความคิดเปลี่ยนแปลงไป ความสามารถต่างๆ ในร่างกายถูกกระตุ้นให้กระทำในแนวทางใหม่ มนุษย์ไม่ได้รับอวัยวะใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นอวัยวะเดิมที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ จิตใต้สำนึกได้รับการกระตุ้นให้ตื่นขึ้น เราจึงรับอุปนิสัยซึ่งจะช่วยให้เราทำงานรับใช้พระเจ้าได้ {COL 98.3}
Often the question arises, Why, then, are there so many, claiming to believe God’s word, in whom there is not seen a reformation in words, in spirit, and in character? Why are there so many who cannot bear opposition to their purposes and plans, who manifest an unholy temper, and whose words are harsh, overbearing, and passionate? There is seen in their lives the same love of self, the same selfish indulgence, the same temper and hasty speech, that is seen in the life of the worldling. There is the same sensitive pride, the same yielding to natural inclination, the same perversity of character, as if the truth were wholly unknown to them. The reason is that they are not converted. They have not hidden the leaven of truth in the heart. It has not had opportunity to do its work. Their natural and cultivated tendencies to evil have not been submitted to its transforming power. Their lives reveal the absence of the grace of Christ, an unbelief in His power to transform the character. {COL 99.1}
คำถามที่มักเกิดขึ้นคือ ถ้าเช่นนั้นทำไมจึงมีคนมากมายที่อ้างตนว่าเชื่อในพระวจนะของพระเจ้า แต่กลับมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในถ้อยคำ ในจิตวิญญาณและในอุปนิสัย ทำไมจึงมีคนมากมายที่ทนไม่ได้เมื่อเกิดการขัดแย้งกับจุดประสงค์และแผนการของเขา เป็นคนที่มักแสดงอารมณ์เสียออกมาและเลือกใช้ถ้อยคำที่เกรี้ยวกราด เอาแต่ใจและรุนแรงเล่า ในชีวิตของเขาเหล่านี้ยังพบว่ารักตนเองเช่นเดิม ยังคงมีความเห็นแก่ตัวเหมือนเดิม อารมณ์เสียและใช้คำรุนแรงเหมือนกับที่เห็นในหมู่ชาวโลก ยังคงมีความหยิ่งเช่นเดิม มีความโน้มเอียงไปตามธรรมชาติเหมือนเดิม ยังคงมีอุปนิสัยที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยเช่นเดิม ดูราวกับว่าพวกเขาไม่ได้รู้จักความจริงมาก่อนเลย เหตุผลก็คือคนเหล่านี้ยังไม่ได้กลับใจใหม่ พวกเขาไม่ได้ฝังเชื้อแห่งความจริงลงในจิตใจ ทำให้เชื้อนั้นไม่มีโอกาสที่จะทำงาน ความโน้มเอียงต่อความชั่วตามธรรมชาติและตามที่สั่งสมมายังไม่ได้มอบไว้ให้อยู่ภายใต้อำนาจแห่งการเปลี่ยนแปลง ชีวิตของพวกเขาเปิดเผยให้เห็นว่าพวกเขาไม่มีพระคุณของพระคริสต์ ไม่เชื่ออำนาจของพระองค์ในการเปลี่ยนแปลงอุปนิสัย {COL 99.1}
“Faith cometh by hearing, and hearing by the word of God.” Romans 10:17. The Scriptures are the great agency in the transformation of character. Christ prayed, “Sanctify them through Thy truth; Thy word is truth.” John 17:17. If studied and obeyed, the word of God works in the heart, subduing every unholy attribute. The Holy Spirit comes to convict of sin, and the faith that springs up in the heart works by love to Christ, conforming us in body, soul, and spirit to His own image. Then God can use us to do His will. The power given us works from within outwardly, leading us to communicate to others the truth that has been communicated to us. {COL 100.1}
“ความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยินและการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์” โรม 10:17 พระคัมภีร์คือสื่อกลางยิ่งใหญ่ในการเปลี่ยนแปลงอุปนิสัย พระคริสต์ทรงอธิษฐานว่า “ขอทรงแยกพวกเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง” ยอห์น 17:17 เมื่อศึกษาและเชื่อปฏิบัติตามแล้ว พระวจนะของพระเจ้าจะทำงานในจิตใจและควบคุมสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ทุกอย่าง พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเพื่อเปิดเผยให้เห็นถึงบาป และความเชื่อที่เกิดขึ้นในจิตใจด้วยความรักที่มีต่อพระคริสต์ ทำให้เราเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณให้เหมือนพระฉายาของพระองค์ จากนั้นพระเจ้าจะใช้เราทำในสิ่งที่เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ อำนาจที่ประทานไว้กับเราจะทำงานโดยเริ่มจากภายในสู่ภายนอก นำพาเราให้แบ่งปันความจริงที่ได้รับมาให้แก่คนอื่นๆได้ {COL 100.1}
The truths of the word of God meet man’s great practical necessity–the conversion of the soul through faith. These grand principles are not to be thought too pure and holy to be brought into the daily life. They are truths which reach to heaven and compass eternity, yet their vital influence is to be woven into human experience. They are to permeate all the great things and all the little things of life. {COL 100.2}
ความจริงของพระวจนะของพระเจ้าตอบสนองความต้องการอันยิ่งใหญ่ที่ปฏิบัติได้ของมนุษย์ คือการกลับใจใหม่โดยความเชื่อ อย่าคิดว่าหลักการที่ยิ่งใหญ่นี้บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าจะนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้ สิ่งเหล่านี้คือความจริงที่ทอดสูงไปสู่สวรรค์และครอบคลุมไปจนถึงนิรันดร์กาล ถึงกระนั้นอิทธิพลอันสำคัญของสิ่งนี้จะต้องนำมาผูกเข้ากับประสบการณ์ของมนุษย์ เพื่อให้แทรกซึมเข้าไปในสิ่งยิ่งใหญ่ทั้งหมดและสิ่งเล็กน้อยทั้งปวงของชีวิต {COL 100.2}
Received into the heart, the leaven of truth will regulate the desires, purify the thoughts, and sweeten the disposition. It quickens the faculties of the mind and the energies of the soul. It enlarges the capacity for feeling, for loving. {COL 101.1}
เมื่อรับเชื้อแห่งความจริงเข้าไว้ในจิตใจแล้ว เชื้อนั้นก็คอยควบคุมความปรารถนา ทำให้ความนึกคิดบริสุทธิ์และเพิ่มความหวานชื่นให้กับอารมณ์ เชื้อนี้กระตุ้นศักยภาพของความคิดและพลังของจิตวิญญาณ และจะขยายสมรรถนะเพื่อให้เกิดความรู้สึก เกิดความรักขึ้นมา {COL 101.1}
The world regards as a mystery the man who is imbued with this principle. The selfish, money-loving man lives only to secure for himself the riches, honors, and pleasures of this world. He loses the eternal world from his reckoning. But with the follower of Christ these things will not be all-absorbing. For Christ’s sake he will labor and deny self, that he may aid in the great work of saving souls who are without Christ and without hope in the world. Such a man the world cannot understand; for he is keeping in view eternal realities. The love of Christ with its redeeming power has come into the heart. This love masters every other motive, and raises its possessor above the corrupting influence of the world. {COL 101.2}
ชาวโลกมองคนที่ยึดมั่นอยู่กับหลักการนี้เป็นเรื่องแปลกประหลาด คนเห็นแก่ตัวและรักเงินทองดำเนินชีวิตเพียงเพื่อต้องการความมั่งคั่ง เกียรติยศและความสนุกสนานของโลกนี้มาเป็นของตนเอง เขาสูญเสียโลกอันนิรันดร์ด้วยความคิดเช่นนี้ของพวกเขา แต่สำหรับผู้ติดตามพระคริสต์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทุ่มเทให้ทั้งหมด เพื่อเห็นแก่พระคริสต์เขาจะทำงานและละความเห็นแก่ตัวเพื่อเขาจะช่วยเหลือในภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการช่วยจิตวิญญาณของคนทั่วไปที่ไม่มีพระคริสต์และไม่มีความหวังให้รอด โลกไม่เข้าใจคนเช่นนี้ได้เพราะเขายึดความจริงอันนิรันดร์ไว้ ความรักของพระคริสต์ที่ประกอบด้วยอำนาจการไถ่ให้รอดได้เข้ามาในจิตใจ ความรักเช่นนี้อยู่เหนือความมุ่งหมายอื่นใดและยกชูผู้ที่ครอบครองความรักเช่นนี้ไว้เหนืออิทธิพลชั่วของโลกนี้ {COL 101.2}
The word of God is to have a sanctifying effect on our association with every member of the human family. The leaven of truth will not produce the spirit of rivalry, the love of ambition, the desire to be first. True, heaven-born love is not selfish and changeable. It is not dependent on human praise. The heart of him who receives the grace of God overflows with love for God and for those for whom Christ died. Self is not struggling for recognition. He does not love others because they love and please him, because they appreciate his merits, but because they are Christ’s purchased possession. If his motives, words, or actions are misunderstood or misrepresented, he takes no offense, but pursues the even tenor of his way. He is kind and thoughtful, humble in his opinion of himself, yet full of hope, always trusting in the mercy and love of God. {COL 101.3}
พระวจนะของพระเจ้าจะต้องส่งผลแห่งการชำระให้บริสุทธิ์ต่อความสัมพันธ์ของเรากับทุกคนในครอบครัวมนุษย์ เชื้อแห่งความจริงจะไม่ก่อให้เกิดวิญญาณแห่งการชิงดีชิงเด่น ความหลงในความทะเยอทะยาน ความปรารถนาที่จะเป็นหนึ่ง จริงอยู่ ความรักที่กำเนิดจากสวรรค์ไม่เห็นแก่ตัวและไม่แปรเปลี่ยน ความรักนี้ไม่ขึ้นกับการยกยอของมนุษย์ จิตใจของผู้ที่ได้รับพระคุณของพระเจ้าจะเต็มล้นด้วยความรักถวายให้กับพระเจ้า และมอบให้กับคนทั้งหลายที่พระคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเขาด้วย เขาจะไม่พยายามทำตัวให้เด่น เขาไม่รักคนอื่นเพราะคนเหล่านั้นรักและเอาใจเขา เพราะพวกเขายกย่องในคุณความดีของเขา แต่เพราะว่าพวกเขาเป็นสมบัติที่พระคริสต์ทรงไถ่ไว้แล้ว แม้ว่าจะมีใครเข้าใจผิดในเจตนา ในคำพูด หรือการกระทำของเขา เขาก็ไม่ขุ่นเคือง แต่กลับดำเนินตามวิถีทางของเขาต่อไป เขามีความเมตตาและนึกถึงผู้อื่น พูดถึงตัวเองด้วยความถ่อมตน ถึงกระนั้นยังเต็มล้นด้วยความหวังใจ เขาไว้วางใจในความเมตตาและความรักของพระเจ้าเสมอ {COL 101.3}
The apostle exhorts us, “As He which hath called you is holy, so be ye holy in all manner of conversation; because it is written, Be ye holy; for I am holy.” 1 Peter 1:15, 16. The grace of Christ is to control the temper and the voice. Its working will be seen in politeness and tender regard shown by brother for brother, in kind, encouraging words. An angel presence is in the home. The life breathes a sweet perfume, which ascends to God as holy incense. Love is manifested in kindness, gentleness, forbearance, and long-suffering. {COL 102.1}
อัครสาวกเปโตรตักเตือนเราไว้แล้วว่า “แต่พระองค์ผู้ทรงเรียกพวกท่านนั้นบริสุทธิ์อย่างไร พวกท่านเองก็จงเป็นคนบริสุทธิ์ในชีวิตทุกด้านอย่างนั้น เพราะมีคำเขียนไว้ว่า พวกท่านจงเป็นคนบริสุทธิ์ เพราะเราเองบริสุทธิ์” 1 เปโตร 1:15, 16 อารมณ์และน้ำเสียงจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของพระคุณของพระคริสต์ ผลของพระคุณจะเป็นที่ประจักษ์ในความสุภาพและความอ่อนน้อมของพี่น้องที่มีต่อพี่น้องด้วยถ้อยคำที่แสดงความเมตตาและให้กำลังใจ ทูตสวรรค์อยู่ในบ้านดังกล่าว ชีวิตจะเต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวานซึ่งจะลอยขึ้นไปยังพระเจ้าเสมือนหนึ่งเป็นควันของเครื่องหอมอันบริสุทธิ์ ความรักนั้นแสดงออกในความเมตตากรุณา อ่อนสุภาพ ความอดกลั้นและอดทนนาน {COL 102.1}
The countenance is changed. Christ abiding in the heart shines out in the faces of those who love Him and keep His commandments. Truth is written there. The sweet peace of heaven is revealed. There is expressed a habitual gentleness, a more than human love. {COL 102.2}
หน้าตาจะเปลี่ยนแปลงไป เมื่อพระคริสต์ร่วมสถิตอยู่ในจิตใจ ความสว่างจะฉายแสงออกบนใบหน้าของผู้ที่รักพระองค์และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ ความจริงจารึกไว้ที่นั่น สันติสุขอันหวานชื่นแห่งสวรรค์ปรากฏออกมา จะมีการแสดงออกจนเป็นนิสัยถึงความสุภาพและความรักที่มากยิ่งกว่าความรักอื่นใดของมนุษย์ {COL 102.2}
The leaven of truth works a change in the whole man, making the coarse refined, the rough gentle, the selfish generous. By it the impure are cleansed, washed in the blood of the Lamb. Through its life-giving power it brings all there is of mind and soul and strength into harmony with the divine life. Man with his human nature becomes a partaker of divinity. Christ is honored in excellence and perfection of character. As these changes are effected, angels break forth in rapturous song, and God and Christ rejoice over souls fashioned after the divine similitude. {COL 102.3}
เชื้อแห่งความจริงก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นทั่วร่างกายของบุคคลนั้น ทำให้ความแข็งกระด้างกลายเป็นความอ่อนโยน ความหยาบคายกลายเป็นความอ่อนหวาน และความเห็นแก่ตัวกลายเป็นความใจกว้าง เชื้อนี้ทำให้ความสกปรกถูกขจัดไป ชำระในพระโลหิตของพระเมษโปดก โดยพลังอันประกอบด้วยชีวิตของเชื้อนี้จะนำความคิด จิตวิญญาณ และความเข้มแข็งทั้งหมดให้สอดคล้องกับชีวิตเบื้องบน ผู้ที่มีธรรมชาติของมนุษย์จะกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในธรรมชาติของพระเจ้า พระคริสต์ทรงรับพระเกียรติยศอย่างสูงในอุปนิสัยที่ดีเลิศและดีรอบคอบ เมื่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้น ทูตสวรรค์ทั้งหลายจะเปล่งเสียงเพลงปีติยินดี และพระเจ้ากับพระคริสต์จะทรงชื่นชมยินดีกับจิตวิญญาณที่ปั้นแต่งตามแบบฉบับของชาวสวรรค์ {COL 102.3}