Chapter 24 (บทที่ 24)
“Flesh as Food”
“อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์”

The diet appointed man in the beginning did not include animal food. Not till after the Flood, when every green thing on the earth had been destroyed, did man receive permission to eat flesh. {MH 311.1}

เมื่อแรกสร้างโลกนั้น พระเจ้ามิได้ทรงกำหนดให้เนื้อสัตว์เป็นอาหารของมนุษย์ จนมาภายหลังยุคสมัยที่เกิดน้ำท่วมโลก เมื่อบรรดาพืชพันธุ์ที่มีอยู่ในแผ่นดินได้ถูกทำลายไปเสียสิ้น มนุษย์จึงได้รับอนุญาตให้รับประทานเนื้อสัตว์ได้ {MH 311.1}

In choosing man’s food in Eden, the Lord showed what was the best diet; in the choice made for Israel He taught the same lesson. He brought the Israelites out of Egypt and undertook their training, that they might be a people for His own possession. Through them He desired to bless and teach the world. He provided them with the food best adapted for this purpose, not flesh, but manna, “the bread of heaven.” It was only because of their discontent and their murmuring for the fleshpots of Egypt that animal food was granted them, and this only for a short time. Its use brought disease and death to thousands. Yet the restriction to a nonflesh diet was never heartily accepted. It continued to be the cause of discontent and murmuring, open or secret, and it was not made permanent. {MH 311.2}

ในการเลือกสรรอาหารสำหรับมนุษย์ในสวนเอเดน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่าอาหารชนิดใดเป็นอาหารที่ดีที่สุด และในการเลือกอาหารให้กับอิสราเอล พระองค์ทรงสอนบทเรียนอย่างเดียวกัน พระองค์ทรงนำชนชาติอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์และทรงอบรมสั่งสอนพวกเขาเพื่อเป็นประชากรของพระองค์ โดยผ่านทางพวกเขา พระองค์ทรงประสงค์จะอวยพระพรและสั่งสอนบรรดาชาวโลก พระองค์ทรงจัดเตรียมอาหารที่เหมาะสมที่สุดให้แก่พวกเขาไว้เพื่อการนี้ ซึ่งมิใช่เนื้อสัตว์ แต่เป็นมานาอันเป็น “อาหารจากฟ้าสวรรค์” แต่เพราะว่าพวกเขาไม่พอใจและบ่นถึงหม้อเนื้อที่เคยรับประทานในแผ่นดินอียิปต์ ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ให้แก่พวกเขา แต่ก็เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ การรับประทานในคราวนั้น ได้นำโรคภัยและความตายมาสู่ผู้คนเป็นจำนวนมาก ถึงกระนั้น ข้อกำหนดให้รับประทานแต่อาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ก็ไม่เคยเป็นที่ยอมรับอย่างเต็มใจ ความไม่พอใจและบ่นต่อว่ายังมีเรื่อยมา ไม่ว่าจะในที่ลับหรือในที่แจ้ง ดังนั้นข้อกำหนดนี้จึงมิได้ถูกกำหนดอย่างถาวร {MH 311.2}

Upon their settlement in Canaan, the Israelites were permitted the use of animal food, but under careful restrictions which tended to lessen the evil results. The use of swine’s flesh was prohibited, as also of other animals and of birds and fish whose flesh was pronounced unclean. Of the meats permitted, the eating of the fat and the blood was strictly forbidden. {MH 311.3}

เมื่อชนชาติอิสราเอลเข้าไปตั้งถิ่นฐานในแผ่นดินคานาอันแล้ว พวกเขาก็ได้รับอนุญาตให้บริโภคเนื้อสัตว์ได้ แต่ด้วยข้อกำหนดอย่างละเอียดเพื่อลดผลร้าย เนื้อหมูเป็นอาหารต้องห้าม รวมทั้งเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ นก และปลาที่ถูกระบุว่าเป็นสัตว์ที่ไม่สะอาด เนื้อสัตว์ที่อนุญาตให้รับประทานได้นั้น ก็ยังมีข้อห้ามมิให้รับประทานไขมันและเลือดของมันโดยเด็ดขาด {MH 311.3}

Only such animals could be used for food as were in good condition. No creature that was torn, that had died of itself, or from which the blood had not been carefully drained, could be used as food. {MH 312.1}

สัตว์ที่จะใช้เป็นอาหารนั้นต้องเป็นสัตว์ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ สัตว์ที่ถูกกัดตายหรือตายเองหรือที่มิได้รินเลือดออกจากตัวให้หมดจะนำมาใช้เป็นอาหารมิได้ {MH 312.1}

By departing from the plan divinely appointed for their diet, the Israelites suffered great loss. They desired a flesh diet, and they reaped its results. They did not reach God’s ideal of character or fulfill His purpose. The Lord “gave them their request; but sent leanness into their soul.” Psalm 106:15. They valued the earthly above the spiritual, and the sacred pre-eminence which was His purpose for them they did not attain. {MH 312.2}

การที่ชนชาติอิสราเอลละจากแผนการของพระเจ้าที่ทรงกำหนดในเรื่องของอาหารนั้น ทำให้พวกเขาต้องประสบกับหายนะอันใหญ่หลวง พวกเขาต้องการอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ดังนั้น จึงต้องเก็บเกี่ยวผลของมัน พวกเขามิอาจก้าวไปถึงอุปนิสัยพึงปรารถนาที่พระเจ้าทรงวางไว้ หรือบรรลุพระประสงค์ของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ “ประทานสิ่งที่ท่านขอ แต่ทรงส่งโรคผอมแห้งมาท่ากลางท่าน” สดุดี 106.15 พวกเขาตีค่าสิ่งของทางโลกสูงกว่าสิ่งที่อยู่ในฝ่ายจิตวิญญาณ และพวกเขามิได้ก้าวไปถึงมาตรฐานอันสูงส่งที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ที่มีต่อพวกเขา {MH 312.2}

Reasons for Discarding Flesh Foods Those who eat flesh are but eating grains and vegetables at second hand; for the animal receives from these things the nutrition that produces growth. The life that was in the grains and vegetables passes into the eater. We receive it by eating the flesh of the animal. How much better to get it direct, by eating the food that God provided for our use! {MH 313.1}

สาเหตุที่ต้องตัดอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ทิ้งไป คนทั้งหลายที่รับประทานเนื้อสัตว์เป็นอาหารกลายเป็นผู้ที่บริโภคเมล็ดข้าวและพืชผักเป็นมือที่สองต่อจากสัตว์อีกที เพราะสัตว์เหล่านั้นเจริญเติบโตจากอาหารจำพวกนี้ คุณค่าในการบำรุงเลี้ยงชีวิตที่มีอยู่ในเมล็ดข้าว และพืชผักจะผ่านเข้าไปสู่สัตว์ที่กินสิ่งเหล่านี้เป็นอันดับแรก และเรารับสิ่งนี้อีกต่อหนึ่งจากการรับประทานเนื้อสัตว์ จะเป็นการดีกว่าสักเท่าไร ถ้าเราจะรับอาหารเหล่านี้โดยตรง ด้วยการรับประทานอาหารที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับเรา {MH 313.1}

Flesh was never the best food; but its use is now doubly objectionable, since disease in animals is so rapidly increasing. Those who use flesh foods little know what they are eating. Often if they could see the animals when living and know the quality of the meat they eat, they would turn from it with loathing. People are continually eating flesh that is filled with tuberculous and cancerous germs. Tuberculosis, cancer, and other fatal diseases are thus communicated. {MH 313.2}

เนื้อสัตว์ไม่เคยได้รับการยอมรับว่าเป็นอาหารที่ดีที่สุด ยิ่งในเวลานี้ การใช้เนื้อสัตว์เป็นอาหารสมควรถูกคัดค้านเป็นสองเท่า เนื่องจากโรคภัยที่มีอยู่ในสัตว์ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ที่บริโภคเนื้อสัตว์ต่างไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าตนเองนั้นกำลังรับประทานอะไร หลายครั้ง ถ้าพวกเขาไปเห็นสัตว์เหล่านั้นในขณะที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่และทราบถึงคุณภาพของเนื้อที่พวกเขานำมารับประทาน พวกเขาคงจะเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ คนจำนวนมากยังคงบริโภคเนื้อสัตว์ที่เต็มไปด้วยเชื้อวัณโรคและมะเร็งกันต่อไป ดังนั้น โรควัณโรค โรคมะเร็งและโรคอื่นๆ ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตจึงยังคงแพร่ระบาดมาสู่มนุษย์ {MH 313.2}

The tissues of the swine swarm with parasites. Of the swine God said, “It is unclean unto you: ye shall not eat of their flesh, nor touch their dead carcass.” Deuteronomy 14:8. This command was given because swine’s flesh is unfit for food. Swine are scavengers, and this is the only use they were intended to serve. Never, under any circumstances, was their flesh to be eaten by human beings. It is impossible for the flesh of any living creature to be wholesome when filth is its natural element and when it feeds upon every detestable thing. {MH 313.3}

เนื้อเยื่อของหมูเต็มไปด้วยพยาธิ พระเจ้าตรัสถึงหมูไว้ว่า “มันเป็นสัตว์มลทินแก่ท่าน ท่านอย่ารับประทานเนื้อของมันและซากของมันท่านก็อย่าแตะต้อง” เฉลยธรรมบัญญัติ 14:8 พระองค์ทรงมีพระดำรัสสั่งเช่นนี้แก่เราเพราะว่าเนื้อหมูนั้นไม่เหมาะสมที่จะนำมาประกอบเป็นอาหาร หมูจัดเป็นสัตว์ที่มีหน้าที่กำจัดขยะและของเสีย และนี่คือหน้าที่เดียวที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ให้พวกมัน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด มนุษย์ไม่เคยได้รับอนุญาตให้รับประทานเนื้อของมัน เป็นไปไม่ได้ที่เนื้อของสัตว์ชนิดใดก็ตามที่กินทุกสิ่งที่น่าขยะแขยงเป็นอาหารและความโสโครกเป็นพื้นฐานความเป็นอยู่ของมันจะมีคุณค่าต่อร่างกาย {MH 313.3}

Often animals are taken to market and sold for food when they are so diseased that their owners fear to keep them longer. And some of the processes of fattening them for market produce disease. Shut away from the light and pure air, breathing the atmosphere of filthy stables, perhaps fattening on decaying food, the entire body soon becomes contaminated with foul matter. {MH 314.1}

หลายครั้งสัตว์ต่างๆ ที่ถูกนำไปยังตลาดเพื่อขายเป็นอาหารอยู่ในสภาพที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรงจนเจ้าของไม่กล้าเลี้ยงต่อไป และบางวิธีที่ใช้ในการขุนสัตว์เหล่านี้ให้อ้วนพีเพื่อส่งตลาดเป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดโรคภัย จากการถูกกักขังไว้ในคอกที่ไม่ได้รับแสงสว่างและอากาศที่บริสุทธิ์ หายใจเอาอากาศที่สกปรกๆ หรือบางทียังถูกขุนให้อ้วนด้วยอาหารที่บูดเน่า ในไม่ช้า ร่างกายของสัตว์เหล่านี้จึงปนเปื้อนไปด้วยสิ่งสกปรกโสโครก {MH 314.1}

Animals are often transported long distances and subjected to great suffering in reaching a market. Taken from the green pastures, and traveling for weary miles over the hot, dusty roads, or crowded into filthy cars, feverish and exhausted, often for many hours deprived of food and water, the poor creatures are driven to their death, that human beings may feast on the carcasses. {MH 314.2}

สัตว์ต่างๆ มักถูกขนย้ายเป็นระยะทางไกลๆ และต้องทนเจ็บปวดทรมานก่อนจะไปถึงตลาด สัตว์เหล่านี้ถูกต้อนมาจากทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่ม และต้องเดินทางไปตามถนนที่ร้อนระอุและเต็มไปด้วยฝุ่นละอองเป็นระยะทางไกลๆ หรือต้องแออัดยัดเยียดอยู่ในรถบรรทุกที่สกปรกโสโครก พวกมันต้องร้อนอบอ้าวและเหนื่อยอ่อน ไม่ได้กินน้ำและอาหารเป็นเวลาหลายชั่วโมง สัตว์น่าสงสารเหล่านี้จึงพากันล้มตายก่อนจะไปถึงที่หมาย จากนั้นมนุษย์ก็ได้นำซากศพของสัตว์เหล่านี้มาเลี้ยงฉลองกัน {MH 314.2}

In many places fish become so contaminated by the filth on which they feed as to be a cause of disease. This is especially the case where the fish come in contact with the sewage of large cities. The fish that are fed on the contents of the drains may pass into distant waters and may be caught where the water is pure and fresh. Thus when used as food they bring disease and death on those who do not suspect the danger. {MH 314.3}

ในสถานที่หลายแห่ง ปลาเต็มไปด้วยสารปนเปื้อนจากอาหารสกปรกทั้งหลายที่พวกมันกินจนเป็นสาเหตุของโรคภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาที่เข้ามาอยู่ในน่านน้ำบริเวณท่อน้ำทิ้งของเมืองใหญ่ๆ ปลาที่กินอาหารจากท่อระบายน้ำโสโครกอาจผ่านออกไปไกลสู่แหล่งน้ำอื่นและถูกจับในบริเวณน้ำที่ใสสะอาดและบริสุทธิ์ ด้วยเหตุนี้ เมื่อเรานำปลาเหล่านี้มาประกอบเป็นอาหาร พวกมันจึงนำโรคภัยและความตายมาสู่ผู้ที่ไม่ได้สงสัยถึงภัยอันตรายในลักษณะนี้ {MH 314.3}

The effects of a flesh diet may not be immediately realized; but this is no evidence that it is not harmful. Few can be made to believe that it is the meat they have eaten which has poisoned their blood and caused their suffering. Many die of diseases wholly due to meat eating, while the real cause is not suspected by themselves or by others. {MH 315.1}

เราอาจจะไม่รู้สึกถึงผลร้ายของการบริโภคเนื้อสัตว์ในทันทีทันใด แต่นี่มิได้หมายความว่าการบริโภคเนื้อสัตว์ไม่มีอันตราย มีน้อยคนที่เชื่อว่า เนื้อสัตว์ที่พวกเขารับประทานนั้นทำให้โลหิตของพวกเขาเป็นพิษ และเป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกเขาต้องเจ็บป่วย หลายคนตายไปเนื่องจากโรคที่สืบเนื่องมาจากการรับประทานเนื้อสัตว์ แต่ตัวผู้ป่วยและคนอื่นๆ มิได้ระแคะระคายถึงสาเหตุที่แท้จริงนี้ {MH 315.1}

The moral evils of a flesh diet are not less marked than are the physical ills. Flesh food is injurious to health, and whatever affects the body has a corresponding effect on the mind and the soul. Think of the cruelty to animals that meat eating involves, and its effect on those who inflict and those who behold it. How it destroys the tenderness with which we should regard these creatures of God! {MH 315.2}

อันตรายที่มีต่อจิตใจของการบริโภคเนื้อสัตว์มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่าโรคที่เกิดกับร่างกายแม้แต่น้อย อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ให้โทษต่อสุขภาพร่างกาย และสิ่งที่ส่งผลต่อร่างกายก็ย่อมส่งผลในลักษณะเดียวกันต่อจิตใจและจิตวิญญาณ ขอให้เราคิดดูว่าการบริโภคเนื้อสัตว์ทำให้เราต้องแสดงความโหดร้ายทารุณต่อสัตว์มากเพียงใด ลองนึกถึงความรู้สึกของผู้ที่จะต้องฆ่ามันและผู้ที่มองดูการฆ่านั้นก่อนที่จะนำมันมาประกอบเป็นอาหาร การกระทำเช่นนี้ ได้ทำลายจิตใจอันอ่อนโยนที่เราควรแสดงต่อสรรพสัตว์ที่พระเจ้าได้ทรงสร้างไว้มากสักเพียงไร {MH 315.2}

The intelligence displayed by many dumb animals approaches so closely to human intelligence that it is a mystery. The animals see and hear and love and fear and suffer. They use their organs far more faithfully than many human beings use theirs. They manifest sympathy and tenderness toward their companions in suffering. Many animals show an affection for those who have charge of them, far superior to the affection shown by some of the human race. They form attachments for man which are not broken without great suffering to them. {MH 315.3}

ความเฉลียวฉลาดใกล้เคียงกับมนุษย์ที่สัตว์เดียรัจฉานหลายชนิดแสดงออกเป็นเรื่องน่าประหลาดลึกลับ สัตว์ต่างๆ สามารถมองเห็น ยินเสียง รัก หวาดกลัวและรู้สึกเจ็บปวด พวกมันใช้อวัยวะของพวกมันได้อย่างซื่อสัตย์มากกว่ามนุษย์หลายคนใช้อวัยวะของตน พวกมันแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจและความสุภาพอ่อนโยนต่อพวกของมันในยามทุกข์ทรมาน สัตว์มากมายแสดงความรักต่อผู้ที่เลี้ยงดูพวกมันเหนือยิ่งกว่าที่มนุษย์บางคนแสดงต่อกันเสียอีก พวกมันสร้างความผูกพันที่มีต่อมนุษย์อย่างมั่นคงเหนียวแน่นจนมิอาจตัดขาดได้หากปราศจากความเจ็บปวดที่สุดจะทน {MH 315.3}

What man with a human heart, who has ever cared for domestic animals, could look into their eyes, so full of confidence and affection, and willingly give them over to the butcher’s knife? How could he devour their flesh as a sweet morsel? {MH 316.1}

ผู้ใดที่มีหัวใจเยี่ยงมนุษย์ที่เคยเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยง มีใครบ้างที่มองเข้าไปยังนัยน์ตาของพวกมันที่เต็มไปด้วยความไว้วางใจและความรัก และยังเต็มอกเต็มใจส่งพวกมันไปสู่คมมีดของคนชำแหละ แล้วเขาจะกลืนเนื้อของพวกมันลงคออย่างเอร็ดอร่อยได้อย่างไร {MH 316.1}

It is a mistake to suppose that muscular strength depends on the use of animal food. The needs of the system can be better supplied, and more vigorous health can be enjoyed, without its use. The grains, with fruits, nuts, and vegetables, contain all the nutritive properties necessary to make good blood. These elements are not so well or so fully supplied by a flesh diet. Had the use of flesh been essential to health and strength, animal food would have been included in the diet appointed man in the beginning. {MH 316.2}

เป็นความเข้าใจผิดที่คิดว่า กำลังวังชาของกล้ามเนื้อขึ้นอยู่กับการบริโภคเนื้อสัตว์ สิ่งต่างๆ ที่ร่างกายต้องการจะรับการบำรุงหล่อเลี้ยงได้ดีกว่า และมีกำลังวังชาที่แข็งแรงกว่า โดยที่ไม่จำเป็นต้องรับประทานเนื้อสัตว์เลย ธัญพืช ร่วมกับผลไม้ ถั่วและผักชนิดต่างๆ ล้วนประกอบด้วยสารอาหารต่างๆ ที่มีความจำเป็นต่อร่างกายในการสร้างโลหิตที่ดี ซึ่งเนื้อสัตว์มิได้มีสารอาหารเหล่านี้ในสัดส่วนที่มากพอและครบถ้วนเท่า หากเนื้อสัตว์เป็นอาหารที่มีความสำคัญต่อสุขภาพและความแข็งแรง พระเจ้าก็คงทรงรวมเนื้อสัตว์เป็นอาหารแล้วตั้งแต่เริ่มแรกที่ทรงสร้างโลก {MH 316.2}

When the use of flesh food is discontinued, there is often a sense of weakness, a lack of vigor. Many urge this as evidence that flesh food is essential; but it is because foods of this class are stimulating, because they fever the blood and excite the nerves, that they are so missed. Some will find it as difficult to leave off flesh eating as it is for the drunkard to give up his dram; but they will be the better for the change. {MH 316.3}

เมื่อเลิกบริโภคเนื้อสัตว์ เรามักจะรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีกำลัง เพราะเหตุนี้ หลายคนจึงใช้เป็นข้ออ้างว่าอาหารจำพวกเนื้อสัตว์มีความจำเป็น แต่แท้จริงเป็นเพราะอาหารประเภทนี้มีฤทธิ์ในการกระตุ้นร่างกาย ทำให้โลหิตมีอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าปกติและกระตุ้นระบบประสาทซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขารู้สึกว่าขาดหายไป บางคนพบว่าเป็นการยากที่เขาจะเลิกบริโภคเนื้อสัตว์ เช่นเดียวกับคนที่ติดสุราไม่สามารถจะเลิกดื่มได้ แต่ถ้าพวกเขายอมเปลี่ยนแปลง สุขภาพของพวกเขาจะดีขึ้น {MH 316.3}

When flesh food is discarded, its place should be supplied with a variety of grains, nuts, vegetables, and fruits that will be both nourishing and appetizing. This is especially necessary in the case of those who are weak or who are taxed with continuous labor. In some countries where poverty abounds, flesh is the cheapest food. Under these circumstances the change will be made with greater difficulty; but it can be effected. We should, however, consider the situation of the people and the power of lifelong habit, and should be careful not to urge even right ideas unduly. None should be urged to make the change abruptly. The place of meat should be supplied with wholesome foods that are inexpensive. In this matter very much depends on the cook. With care and skill, dishes may be prepared that will be both nutritious and appetizing, and will, to a great degree, take the place of flesh food. {MH 316.4}

เมื่อเลิกบริโภคเนื้อสัตว์ เราควรรับประทานธัญพืช ถั่วเปลือกแข็ง ผักและผลไม้ชนิดต่างๆ แทน ซึ่งอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่น่ารับประทานและมีคุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอและผู้ที่ต้องตรากตรำใช้แรงงานหนักอยู่เป็นประจำ ในบางประเทศที่ยากจน เนื้อสัตว์จัดว่าเป็นอาหารที่มีราคาถูกที่สุด ในสภาพเช่นนี้ การที่จะเปลี่ยนอาหารที่รับประทาน ย่อมจะทำได้ยากกว่า แต่ก็สามารถที่จะกระทำได้ อย่างไรก็ตาม เราควรจะพิจารณาถึงสภาพความเป็นอยู่ของพลเมืองและอิทธิพลของนิสัยความเคยชินที่มีมาตลอดชีวิตของพวกเขา และควรระมัดระวังที่จะไม่ไปผลักดันหรือคะยั้นคะยอให้พวกเขาทำตามความเห็นที่ถูกต้องจนมากเกินควร เราไม่ควรที่จะไปเรียกร้องให้ใครๆเปลี่ยนอาหารที่รับประทานอย่างปัจจุบันทันด่วน เราควรหาอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและมีราคาที่ไม่แพงมาทดแทนการบริโภคเนื้อสัตว์ ในเรื่องนี้ต้องอาศัยคนครัว ด้วยทักษะและความเอาใจใส่ คนครัวจัดเตรียมอาหารให้น่ารับประทานและมีประโยชน์ต่อร่างกายได้ และในที่สุด พวกเขาก็จะสามารถทดแทนอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ได้ {MH 316.4}

In all cases educate the conscience, enlist the will, supply good, wholesome food, and the change will be readily made, and the demand for flesh will soon cease. {MH 317.1}

ในทุกกรณี ขอให้เราฝึกที่จะมีสติสัมปชัญญะ ให้รวบรวมความตั้งใจ จัดหาอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกาย และการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย และความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ก็จะยุติไปในที่สุด {MH 317.1}

Is it not time that all should aim to dispense with flesh foods? How can those who are seeking to become pure, refined, and holy, that they may have the companionship of heavenly angels, continue to use as food anything that has so harmful an effect on soul and body? How can they take the life of God’s creatures that they may consume the flesh as a luxury? Let them, rather, return to the wholesome and delicious food given to man in the beginning, and themselves practice, and teach their children to practice, mercy toward the dumb creatures that God has made and has placed under our dominion. {MH 317.2}

ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือ ที่ทุกคนควรมีความตั้งใจที่จะเลิกบริโภคเนื้อสัตว์ คนทั้งหลายที่ปรารถนาจะเป็นผู้ที่บริสุทธิ์ชอบธรรม เพื่อจะได้มีความสัมพันธ์กับทูตสวรรค์อย่างใกล้ชิด จะยังคงใช้สิ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกายและจิตวิญญาณของตนเองเป็นอาหารได้อีกหรือ เขาจะผลาญคร่าชีวิตของสิ่งทรงสร้างของพระเจ้าเพื่อนำเนื้อมาสนองความสุขของตัวเองได้อย่างไร เขาควรจะกลับไปรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และน่ารับประทานที่พระเจ้าประทานให้แก่มนุษย์เมื่อแรกสร้างโลก และฝึกตนเองรวมทั้งสอนบุตรหลานให้มีจิตใจที่เมตตากรุณาต่อสัตว์เดรัจฉานที่พระเจ้าได้ทรงสร้างและมอบให้อยู่ในความปกครองของมนุษย์ {MH 317.2}