Chapter 31 (บทที่ 31)
“The Mother”
“มารดา”

What the parents are, that, to a great extent, the children will be. The physical conditions of the parents, their dispositions and appetites, their mental and moral tendencies, are, to a greater or less degree, reproduced in their children. {MH 371.1}

บิดามารดามีลักษณะเช่นไร ส่วนใหญ่แล้วบุตรธิดาก็มักจะมีลักษณะเช่นนั้น สุขภาพกายของบิดามารดา นิสัยใจคอและความต้องการของร่างกาย สภาพของจิตใจและความฝักใฝ่ในด้านศีลธรรมถูกถ่ายทอดไปสู่บุตรธิดาได้ไม่มากก็น้อย {MH 371.1}

The nobler the aims, the higher the mental and spiritual endowments, and the better developed the physical powers of the parents, the better will be the life equipment they give their children. In cultivating that which is best in themselves, parents are exerting an influence to mold society and to uplift future generations. {MH 371.2}

บิดามารดามีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่งดงามเท่าใด มีสติปัญญาและมีความนึกคิดในฝ่ายจิตวิญญาณที่สูงส่งเท่าใด อีกทั้งยังได้ดูแลสุขภาพกำลังกายของตนให้มีความสมบูรณ์แข็งแรงมากเท่าใด เขาก็จะสามารถมอบสิ่งต่างๆ ในชีวิตให้แก่บุตรธิดาของเขาได้อย่างพรั่งพร้อมมากเท่านั้น เมื่อบิดามารดาพยายามฝึกฝนตนเองให้เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติต่างๆ ที่ดีที่สุดที่พึงจะมี ก็เท่ากับว่าอิทธิพลของเขามีส่วนในการผลักดันหล่อหลอมสังคมและยกชูอนาคตของบุตรหลานในรุ่นต่อไปในทางที่สูงส่งยิ่งขึ้น {MH 371.2}

Fathers and mothers need to understand their responsibility. The world is full of snares for the feet of the young. Multitudes are attracted by a life of selfish and sensual pleasure. They cannot discern the hidden dangers or the fearful ending of the path that seems to them the way of happiness. Through the indulgence of appetite and passion, their energies are wasted, and millions are ruined for this world and for the world to come. Parents should remember that their children must encounter these temptations. Even before the birth of the child, the preparation should begin that will enable it to fight successfully the battle against evil. {MH 371.3}

บิดามารดาจำเป็นต้องเข้าใจถึงหน้าที่รับผิดชอบของตน โลกนี้เต็มไปด้วยบ่วงแร้วที่คอยล่อลวงคนหนุ่มสาวให้หลงผิด ผู้คนมากมายต่างหลงใหลและถูกชักจูงให้ดำเนินชีวิตไปในทางที่เห็นแก่ตัวและแสวงหาความสำราญทางเพศ พวกเขามองไม่เห็นภัยอันตรายที่แอบแฝงอยู่หรือจุดจบอันน่ากลัวของเส้นทางที่ดูประหนึ่งว่าจะเป็นหนทางที่นำไปสู่ความสุข โดยการลุ่มหลงมัวเมาในความใคร่อยากและกิเลสตัณหา กำลังของคนเหล่านั้นถูกใช้ไปอย่างไร้ประโยชน์ และหลายล้านคนพบกับความพินาศในชีวิตนี้และชีวิตหน้า บิดามารดาควรจดจำไว้ว่าบุตรธิดาของตนจะต้องเผชิญกับการทดลองต่างๆ เหล่านี้ แม้ก่อนที่เด็กจะเกิด บิดามารดาก็ควรจะเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเอาชนะการต่อสู้กับความชั่วร้าย {MH 371.3}

Especially does responsibility rest upon the mother. She, by whose lifeblood the child is nourished and its physical frame built up, imparts to it also mental and spiritual influences that tend to the shaping of mind and character. It was Jochebed, the Hebrew mother, who, strong in faith, was “not afraid of the king’s commandment” (Hebrews 11:23), of whom was born Moses, the deliverer of Israel. It was Hannah, the woman of prayer and self-sacrifice and heavenly inspiration, who gave birth to Samuel, the heaven-instructed child, the incorruptible judge, the founder of Israel’s sacred schools. It was Elizabeth the kinswoman and kindred spirit of Mary of Nazareth, who was the mother of the Saviour’s herald. {MH 372.1}

หน้าที่ความรับผิดชอบตกอยู่กับผู้เป็นมารดาโดยเฉพาะ มารดาบำรุงเลี้ยงชีวิตในครรภ์ด้วยโลหิตจากกายของตัวเอง จนโครงร่างของทารกค่อยๆ ถูกสร้างขึ้น พร้อมกับถ่ายทอดอิทธิพลความคิดและจิตวิญญาณอันมีส่วนในการกำหนดอุปนิสัยและจิตใจของบุตรตน อย่างเช่นนางโยเคเบดมารดาผู้ให้กำเนิดโมเสสผู้ปลดปล่อยชนชาติอิสราเอล มีความเชื่ออันเข้มแข็งและ “ไม่ได้กลัวคำสั่งของกษัตริย์” ฮีบรู 11:23 อย่างเช่นนางฮันนาห์สตรีผู้หมั่นอธิษฐานอยู่เสมอ ผู้ที่เสียสละตนเพื่อผู้อื่นและได้รับการดลใจจากสวรรค์ ผู้ให้กำเนิดบุตรน้อยซามูเอล ผู้ได้รับการอบรมจากสวรรค์ ผู้วินิจฉัยที่ซื่อสัตย์และผู้ก่อตั้งโรงเรียนอันศักดิ์สิทธิ์ของชนชาติอิสราเอล อย่างเช่นนางเอลีซาเบธผู้เป็นญาติกับนางมารีย์แห่งเมืองนาซาเร็ธ ผู้เป็นมารดาของยอห์น ผู้ให้บัพติศมา ผู้มาก่อนองค์พระผู้ช่วยให้รอดเพื่อจัดเตรียมมรรคาของพระองค์ {MH 372.1}

Temperance and Self-Control The carefulness with which the mother should guard her habits of life is taught in the Scriptures. When the Lord would raise up Samson as a deliverer for Israel, “the angel of Jehovah” appeared to the mother, with special instruction concerning her habits, and also for the treatment of her child. “Beware,” he said, “and now drink no wine nor strong drink, neither eat any unclean thing.” Judges 13:13, 7. {MH 372.2}

การละเว้นจากการการดื่มสิ่งมึนเมาและการบังคับตน พระคัมภีร์ได้สอนให้ผู้ที่จะเป็นมารดาควรรู้จักควบคุมอุปนิสัยของตนอย่างระมัดระวัง เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยกชูแซมสันให้เป็นผู้ปลดปล่อยชนชาติอิสราเอลนั้น “ทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์” ได้มาปรากฏแก่มารดาของแซมสัน พร้อมกับได้ให้คำแนะนำเป็นพิเศษในเรื่องของอุปนิสัยของนางในระหว่างที่ตั้งครรภ์ตลอดจนการอบรมเลี้ยงดูบุตรที่จะเกิด ทูตสวรรค์ได้กล่าวแก่นางว่า “อย่าดื่มเหล้าองุ่นหรือเมรัย อย่ารับประทานของมลทิน” ผู้วินิจฉัย 13:13, 7 {MH 372.2}

The effect of prenatal influences is by many parents looked upon as a matter of little moment; but heaven does not so regard it. The message sent by an angel of God, and twice given in the most solemn manner, shows it to be deserving of our most careful thought. {MH 372.3}

บิดามารดาหลายคนคิดว่าผลกระทบอันเกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ก่อนที่เด็กจะคลอดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ แต่พระเจ้ามิได้ทรงคิดเช่นนั้น ถ้อยคำแนะนำที่ทูตสวรรค์ของพระเจ้านำมาแจ้งถึงสองครั้งด้วยท่าทีที่จริงจังย่อมแสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องที่สมควรได้รับการเอาใจใส่ไตร่ตรองมากที่สุด {MH 372.3}

In the words spoken to the Hebrew mother, God speaks to all mothers in every age. “Let her beware,” the angel said; “all that I commanded her let her observe.” The well-being of the child will be affected by the habits of the mother. Her appetites and passions are to be controlled by principle. There is something for her to shun, something for her to work against, if she fulfills God’s purpose for her in giving her a child. If before the birth of her child she is self-indulgent, if she is selfish, impatient, and exacting, these traits will be reflected in the disposition of the child. Thus many children have received as a birthright almost unconquerable tendencies to evil. {MH 372.4}

พระดำรัสที่พระเจ้าตรัสแก่มารดาชาวฮีบรูนั้น พระองค์ตรัสแก่เหล่ามารดาในทุกยุคทุกสมัย ทูตสวรรค์กล่าวว่า “ให้นางระวังให้ดี……สิ่งใดที่เราบัญชานางไว้ ให้นางปฏิบัติตามทุกประการ” ผู้วินิจฉัย 13:13, 14 อุปนิสัยและการปฏิบัติตัวของมารดาย่อมจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของบุตร มารดาจะต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่พระเจ้าได้ทรงวางไว้เกี่ยวกับการกินการดื่มรวมทั้งในเรื่องของอารมณ์และความรู้สึก มีบางสิ่งที่นางจะต้องหลีกเลี่ยง มีบางสิ่งที่นางจะต้องพยายามที่จะต่อต้าน ถ้าหากนางได้ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้าที่ทรงโปรดประทานบุตรนั้นให้แก่นาง ถ้าในเวลาก่อนที่เด็กนั้นจะเกิดมา นางได้ทำอะไรๆ ตามใจตัวเอง ถ้านางมีความเห็นแก่ตัว เป็นคนใจร้อนโมโหฉุนเฉียวและจู้จี้จุกจิก ลักษณะนิสัยเหล่านี้ก็จะปรากฏในตัวเด็กที่เกิดมา ด้วยประการฉะนี้ เด็กหลายคนจึงได้รับมรดกของนิสัยอันชั่วร้ายซึ่งแทบจะไม่สามารถเอาชนะได้มาจากมารดาของตน {MH 372.4}

But if the mother unswervingly adheres to right principles, if she is temperate and self-denying, if she is kind, gentle, and unselfish, she may give her child these same precious traits of character. Very explicit was the command prohibiting the use of wine by the mother. Every drop of strong drink taken by her to gratify appetite endangers the physical, mental, and moral health of her child, and is a direct sin against her Creator. {MH 373.1}

แต่ถ้ามารดาระหว่างตั้งครรภ์ยึดมั่นอยู่ในหลักการที่ถูกต้อง หากนางรู้จักประมาณตน ละเว้นจากสิ่งมึนเมาและรู้จักควบคุมตัวเอง หากนางเป็นผู้ที่มีความเมตตากรุณา มีความสุภาพอ่อนโยนและไม่เห็นแก่ตัว นางก็จะสามารถถ่ายทอดลักษณะนิสัยอันมีค่าอย่างเดียวกันนี้ให้แก่บุตรได้ พระบัญชาห้ามมารดาดื่มเหล้าองุ่นนั้นมีความชัดเจนมาก เครื่องดื่มมึนเมาทุกหยดที่นางดื่มเพื่อสนองความใคร่อยากของตนทำอันตรายต่อสุขภาพของร่างกาย สติปัญญาและศีลธรรมของเด็ก และเป็นการกระทำบาปผิดโดยตรงต่อพระผู้สร้าง {MH 373.1}

Many advisers urge that every wish of the mother should be gratified; that if she desires any article of food, however harmful, she should freely indulge her appetite. Such advice is false and mischievous. The mother’s physical needs should in no case be neglected. Two lives are depending upon her, and her wishes should be tenderly regarded, her needs generously supplied. But at this time above all others she should avoid, in diet and in every other line, whatever would lessen physical or mental strength. By the command of God Himself she is placed under the most solemn obligation to exercise self-control. {MH 373.2}

มีผู้ให้คำปรึกษาหลายคนให้คำแนะนำว่า ถ้ามารดาระหว่างตั้งครรภ์อยากรับประทานอะไรก็ควรตามใจให้นางรับประทานได้ แม้ว่าอาหารนั้นจะเป็นอันตรายต่อร่างกายเพียงไร คำแนะนำเช่นนี้ผิดและส่งผลร้าย ความต้องการในด้านร่างกายของมารดาระหว่างตั้งครรภ์ในทุกด้านไม่ควรถูกปล่อยปละละเลย มีชีวิตถึงสองชีวิตที่พึ่งพาตัวนาง ความต้องการของนางจึงสมควรได้รับการพิจารณาอย่างบรรจงและจัดหามาให้อย่างเต็มที่ แต่ในเวลาเช่นนี้ เหนือสิ่งอื่นใด นางควรหลีกเลี่ยงทั้งในเรื่องอาหารการกินและเรื่องอื่นทุกเรื่องหรืออะไรก็ตามที่บั่นทอนสุขภาพทางร่างกายและทางจิตใจ โดยพระบัญชาของพระเจ้า นางอยู่ในสถานะที่มีพันธะอันเคร่งครัดในการบังคับใจตนเอง {MH 373.2}

Overwork The strength of the mother should be tenderly cherished. Instead of spending her precious strength in exhausting labor, her care and burdens should be lessened. Often the husband and father is unacquainted with the physical laws which the well-being of his family requires him to understand. Absorbed in the struggle for a livelihood, or bent on acquiring wealth and pressed with cares and perplexities, he allows to rest upon the wife and mother burdens that overtax her strength at the most critical period and cause feebleness and disease. {MH 373.3}

การทำงานหนักเกินไป พละกำลังของมารดาระหว่างตั้งครรภ์ควรได้รับการถนุถนอมอย่างนุ่มนวล แทนที่จะใช้พละกำลังอันมีค่าของนางไปกับงานที่เหนื่อยอ่อน ความห่วงใยและภาระหน้าที่ของนางควรจะลดลง ผู้เป็นสามีและบิดามักไม่คุ้นเคยกับกฎเกณฑ์ของสุขภาพทางกาย ซึ่งเขาจำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อความผาสุกของคนในครอบครัว เขามักจะหมกมุ่นอยู่แต่การดิ้นรนหาเลี้ยงชีพหรือวุ่นวายอยู่กับการแสวงหาทรัพย์สมบัติ และถูกกดดันด้วยเรื่องน่าวิตกกังวลและปัญหาต่างๆ นา ๆ เขาปล่อยให้ผู้เป็นภรรยาและมารดารับภาระต่างๆ ซึ่งทำลายกำลังวังชาของนางในช่วงเวลาวิกฤติที่สุดเช่นนี้ จนนำไปสู่ความอ่อนแอและโรคภัยไข้เจ็บ {MH 373.3}

Many a husband and father might learn a helpful lesson from the carefulness of the faithful shepherd. Jacob, when urged to undertake a rapid and difficult journey, made answer: {MH 374.1}

สามีและผู้ที่เป็นบิดาหลายคนควรเรียนรู้บทเรียนที่มีประโยชน์จากความเอาใจใส่ของผู้เลี้ยงแกะผู้ซื่อสัตย์ ยาโคบเมื่อถูกเร่งให้ออกเดินทางที่ยากลำบากโดยเร็ว ได้ตอบว่า {MH 374.1}

“The children are tender, and the flocks and herds with young are with me: and if men should overdrive them one day, all the flock will die. . . . I will lead on softly, according as the cattle that goeth before me and the children be able to endure.” Genesis 33:13, 14. {MH 374.2}

“เด็กๆของข้าพเจ้านั้นอ่อนแอ ข้าพเจ้ายังเป็นกังวลถึงฝูงแพะแกะและโคที่มีลูกอ่อนยังกินนมอยู่ ถ้าจะต้อนให้เดินเกินไปสักวันหนึ่งฝูงสัตว์ก็จะตายหมด……..ข้าพเจ้าจะตามไปช้าๆ ตามกำลังของสัตว์ซึ่งอยู่ข้างหน้าข้าพเจ้า และตามกำลังของเด็ก” ปฐมกาล 33:13, 14 {MH 374.2}

In life’s toilsome way let the husband and father “lead on softly,” as the companion of his journey is able to endure. Amidst the world’s eager rush for wealth and power, let him learn to stay his steps, to comfort and support the one who is called to walk by his side. {MH 374.3}

บนเส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก จงให้สามีและผู้ที่เป็นบิดา “ค่อยๆนำทางไป” ตามกำลังของผู้ที่ร่วมเดินทาง ท่ามกลางมนุษย์ในโลกที่กระหายยื้อแย่งทรัพย์สมบัติและอำนาจ ให้เขาเรียนรู้ที่จะหยุดยั้งก้าวย่างของตน เพื่อปลอบโยนและพยุงผู้ที่เขาได้เรียกให้มาร่วมเดินเคียงข้างเขา {MH 374.3}

Cheerfulness The mother should cultivate a cheerful, contented, happy disposition. Every effort in this direction will be abundantly repaid in both the physical well-being and the moral character of her children. A cheerful spirit will promote the happiness of her family and in a very great degree improve her own health. {MH 374.4}

จิตใจที่ร่าเริงแจ่มใส มารดาควรปลูกฝังตัวเองให้มีอารมย์ที่ร่าเริงแจ่มใสมีความพึงพอใจและมีความสุข ทุกความพยายามที่เน้นไปในแนวทางนี้จะได้รับผลตอบแทนอย่างเหลือล้นทั้งความสมบูรณ์ของร่างกายและอุปนิสัยที่ใฝ่ศีลธรรมของบุตรธิดา จิตใจที่ร่าเริงจะเสริมสร้างความสุขให้แก่ครอบครัวและปรับปรุงสุขภาพของผู้เป็นมารดาได้อย่างมากอีกด้วย {MH 374.4}

Let the husband aid his wife by his sympathy and unfailing affection. If he wishes to keep her fresh and gladsome, so that she will be as sunshine in the home, let him help her bear her burdens. His kindness and loving courtesy will be to her a precious encouragement, and the happiness he imparts will bring joy and peace to his own heart. {MH 374.5}

ขอให้ผู้เป็นสามีช่วยเหลือภรรยาของตนด้วยความเห็นอกเห็นใจและความรักที่ไม่เสื่อมคลาย ถ้าเขาปรารถนาให้ภรรยาเป็นผู้ที่มีความสดชื่นและเบิกบานใจเพื่อเป็นเหมือนดั่งแสงอรุณอันอบอุ่นในครอบครัว ขอให้เขาช่วยแบ่งเบาภาระของภรรยา ความเมตตากรุณาและความสุภาพอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความรัก จะเป็นกำลังใจอันล้ำค่าและความสุขที่เขามอบแก่ภรรยาจะนำความชื่นชมยินดีและสันติสุขมาสู่จิตใจของเขาเอง {MH 374.5}

The husband and father who is morose, selfish, and overbearing, is not only unhappy himself, but he casts gloom upon all the inmates of his home. He will reap the result in seeing his wife dispirited and sickly, and his children marred with his own unlovely temper. {MH 374.6}

สามีและบิดาที่เป็นคนเจ้าอารมณ์ เห็นแก่ตัวและชอบออกคำสั่ง ไม่เพียงแต่ทำให้ตัวเองไม่มีความสุขเท่านั้น แต่ยังทอดความทุกข์โศกให้แก่ทุกคนในครอบครัวอีกด้วย เขาจะเก็บเกี่ยวผลการกระทำของเขาเมื่อเห็นภรรยาของตนกลายเป็นคนหมดอาลัยตายอยากและเจ็บป่วยกระเสาะกระแสะและทำให้บุตรธิดาแปดเปื้อนไปด้วยอารมย์อันน่าชังของตนเอง {MH 374.6}

If the mother is deprived of the care and comforts she should have, if she is allowed to exhaust her strength through overwork or through anxiety and gloom, her children will be robbed of the vital force and of the mental elasticity and cheerful buoyancy they should inherit. Far better will it be to make the mother’s life bright and cheerful, to shield her from want, wearing labor, and depressing care, and let the children inherit good constitutions, so that they may battle their way through life with their own energetic strength. {MH 375.1}

หากมารดาไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่และมีความสุขสบายเท่าที่ควร หากนางยังคงถูกปล่อยให้ต้องหมดเรี่ยวแรงไปกับงานที่เกินกำลังหรือไปกับเรื่องวิตกกังวลใจและความทุกข์โศก บุตรธิดาจะถูกพรากจากสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง สมองที่เฉียบไวและใจคอที่สดใสร่าเริงที่เขาทั้งหลายควรได้รับการถ่ายทอด มันจะบังเกิดผลที่ดีกว่ามากหากสามารถทำให้ชีวิตของผู้เป็นมารดามีความแจ่มใสและร่าเริงปกป้องนางจากความขาดแคลน จากงานอันแสนเหนื่อยล้า จากความกังวลที่หดหู่ใจ และจงปล่อยให้บุตรธิดาได้สืบมรดกของการมีจิตใจและร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง พร้อมที่จะต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ในหนทางแห่งชีวิตด้วยกำลังกายและกำลังใจของเขาเองได้ {MH 375.1}

Great is the honor and the responsibility placed upon fathers and mothers, in that they are to stand in the place of God to their children. Their character, their daily life, their methods of training, will interpret His words to the little ones. Their influence will win or repel the child’s confidence in the Lord’s assurances. {MH 375.2}

บิดาและมารดาทั้งหลายต่างได้รับเกียรติและหน้าที่อันยิ่งใหญ่จากพระเจ้าให้เป็นผู้ที่คอยดูแลบุตรธิดาของตนในโลกนี้แทนพระองค์ อุปนิสัย ชีวิตประจำวันและวิธีการอบรมสั่งสอนของบิดามารดาจะอธิบายให้เด็กๆ เข้าใจถึงพระวจนะของพระเจ้า อิทธิพลของเขาทั้งหลายจะครองหรือขับไล่ความไว้วางใจในพระเจ้าของบุตรธิดา {MH 375.2}

The Privilege of Parents in Child Training Happy are the parents whose lives are a true reflection of the divine, so that the promises and commands of God awaken in the child gratitude and reverence; the parents whose tenderness and justice and long-suffering interpret to the child the love and justice and long-suffering of God; and who, by teaching the child to love and trust and obey them, are teaching him to love and trust and obey his Father in heaven. Parents who impart to a child such a gift have endowed him with a treasure more precious than the wealth of all the ages–a treasure as enduring as eternity. {MH 375.3}

สิทธิที่บิดามารดาได้รับในการอบรมเลี้ยงดูบุตร ความผาสุกจงบังเกิดแก่บิดามารดาผู้มีชีวิตที่สะท้อนแบบอย่างอันบริสุทธิ์ของพระเจ้าที่คอยเตือนความกตัญญูรู้คุณและความยำเกรงพระเจ้าของบุตรให้เข้าซึ้งถึงพันธะสัญญาและพระบัญญัติของพระองค์ จงบังเกิดแก่บิดามารดาผู้มีความสุภาพอ่อนโยน มีใจยุติธรรมและมีความอดทนอดกลั้น ที่คอยแสดงให้บุตรเห็นถึงความรัก ความยุติธรรมและความอดทนนานของพระองค์ เมื่อบิดามารดาสอนบุตรของตนให้รัก ไว้วางใจและเชื่อฟังเขาทั้งสอง ก็เท่ากับว่ากำลังสอนให้บุตรรักไว้วางใจและเชื่อฟังพระบิดาในสวรรค์ด้วยเช่นกัน บิดามารดาผู้ถ่ายทอดของขวัญเช่นนี้ให้แก่บุตรก็เหมือนได้มอบของมีค่ามากกว่าทรัพย์สมบัติใดๆ ในทุกยุคทุกสมัย เพราะนั่นคือสมบัติที่จะดำรงยั่งยืนอยู่ชั่วนิจนิรันดร์ {MH 375.3}

In the children committed to her care, every mother has a sacred charge from God. “Take this son, this daughter,” He says; “train it for Me; give it a character polished after the similitude of a palace, that it may shine in the courts of the Lord forever.” {MH 376.1}

เด็กๆ ที่พระเจ้าทรงโปรดประทานให้มารดาดูแล ย่อมถือว่าเป็นหน้าที่อันศักดิ์สิทธ์ของผู้เป็นมารดาทุกๆ คน พระองค์ตรัสว่า “จงนำบุตรชายบุตรหญิงนี้ ไปอบรมสั่งสอนเพื่อเรา ขัดเกลาอุปนิสัยของเขาให้มีความงดงามตามแบบอย่างของชาวสวรรค์ เพื่อเขาจักได้ส่องประกายฉายอยู่ในราชสำนักขององค์พระผู้เป็นเจ้าไปตลอดกาล” {MH 376.1}

The mother’s work often seems to her an unimportant service. It is a work that is rarely appreciated. Others know little of her many cares and burdens. Her days are occupied with a round of little duties, all calling for patient effort, for self-control, for tact, wisdom, and self-sacrificing love; yet she cannot boast of what she has done as any great achievement. She has only kept things in the home running smoothly; often weary and perplexed, she has tried to speak kindly to the children, to keep them busy and happy, and to guide the little feet in the right path. She feels that she has accomplished nothing. But it is not so. Heavenly angels watch the care-worn mother, noting the burdens she carries day by day. Her name may not have been heard in the world, but it is written in the Lamb’s book of life. {MH 376.2}

มารดามักจะรู้สึกว่างานของตนนั้นดูเป็นงานปรนนิบัติรับใช้ที่ไม่มีความสำคัญและเป็นงานที่ไม่ใคร่จะมีใครตระหนักถึงคุณค่า คนอื่นๆ แทบจะไม่เคยทราบว่า ผู้เป็นมารดาจะต้องรับภาระอันหนักและมีความวิตกกังวลใจมากเพียงใด ตลอดเวลามารดาต้องทำหน้าที่จิปาถะ ซึ่งต้องใช้ความอดทนพากเพียร การบังคับตน ความรอบคอบระมัดระวัง สติปัญญาและความรักที่เต็มไปด้วยการเสียสละ แต่กระนั้น มารดาก็อวดอ้างไม่ได้ว่าสิ่งที่ตนเองได้ทำนั้นถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ มารดาเป็นแต่ผู้ที่คอยควบคุมให้สิ่งต่างๆ ในครอบครัวได้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยราบรื่น หลายครั้งที่มารดาต้องรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและยุ่งยากใจ แต่ก็พยายามที่จะพูดคุยกับลูกๆ ด้วยความเมตตาปรานี เพื่อให้ลูกๆ ได้มีความขยันขันแข็งและมีความสุข และช่วยนำเท้าน้อยๆ เหล่านั้นให้ดำเนินไปในหนทางที่ชอบธรรม มารดาอาจจะรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้ทำสิ่งใดให้สำเร็จเลย แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เหล่าทูตสวรรค์ต่างคอยเฝ้าดูมารดาผู้ตรากตรำทำงานหนักและสังเกตเห็นถึงภาระหนักที่มารดาต้องแบกรับในวันแล้ววันเล่า อาจจะไม่มีใครในโลกนี้ที่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของนาง แต่ชื่อนั้นได้รับการจดไว้แล้วในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดก {MH 376.2}

The Mother’s Opportunity There is a God above, and the light and glory from His throne rests upon the faithful mother as she tries to educate her children to resist the influence of evil. No other work can equal hers in importance. She has not, like the artist, to paint a form of beauty upon canvas, nor, like the sculptor, to chisel it from marble. She has not, like the author, to embody a noble thought in words of power, nor, like the musician, to express a beautiful sentiment in melody. It is hers, with the help of God, to develop in a human soul the likeness of the divine. {MH 377.1}

โอกาสของผู้เป็นมารดา พระเจ้าผู้สถิตอยู่ ณ เบื้องบน ทรงฉายแสงสว่างและสง่าราศีจากพระที่นั่งอันรุ่งเรืองของพระองค์ส่องต้องลงมายังมารดาผู้สัตย์ซื่อ ในขณะที่นางพยายามอบรมสั่งสอนลูกๆ ให้ต่อต้านอิทธิพลของความชั่วร้าย ไม่มีกิจการอื่นใดที่มีความสำคัญเทียมเท่ากับงานของมารดา แม้ว่านางไม่เคยบรรจงวาดภาพอันสวยงามลงบนผืนผ้าใบดังเช่นจิตรกร หรือไม่เคยเป็นดังเช่นประติมากรที่สลักเสลาประติมากรรมลงบนหินอ่อน แม้ว่านางไม่เคยบรรยายความคิดออกมาเป็นตัวอักษรดังเช่นนักประพันธ์ หรือไม่เคยเป็นดังเช่นศิลปินเพลงที่แสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาเป็นท่วงทำนองอันไพเราะ แต่มันเป็นหน้าที่ของมารดา ด้วยความช่วยเหลือของพระเจ้า ในการพัฒนาแบบอย่างของพระองค์ไว้ในจิตวิญญาณของมนุษย์ {MH 377.1}

The mother who appreciates this will regard her opportunities as priceless. Earnestly will she seek, in her own character and by her methods of training, to present before her children the highest ideal. Earnestly, patiently, courageously, she will endeavor to improve her own abilities, that she may use aright the highest powers of the mind in the training of her children. Earnestly will she inquire at every step, “What hath God spoken?” Diligently she will study His word. She will keep her eyes fixed upon Christ, that her own daily experience, in the lowly round of care and duty, may be a true reflection of the one true Life. {MH 378.1}

มารดาผู้ซึ่งชื่นชมคุณค่าของหน้าที่นี้จะเห็นว่าโอกาสที่นางได้รับจากพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะประเมินค่าได้ นางจะพยายามอย่างจริงจังด้วยอุปนิสัยและวิธีการอบรมของนางเองเพื่อนำเสนอแบบอย่างอันสูงส่งนี้ให้แก่บุตรของตน นางจะพยายามปรับปรุงพัฒนาความสามารถของตนด้วยความตั้งใจ ด้วยความอดทนและด้วยกำลังใจอันเข้มแข็งและสามารถใช้สติปัญญาในระดับสูงสุดอย่างถูกต้องในการอบรมเลี้ยงดูลูกๆ นางจะทูลถามด้วยความกระตือรือร้นในทุกๆ ย่างก้าวว่า “พระเจ้าตรัสไว้เช่นไร” นางจะศึกษาพระวจนะของพระเจ้าด้วยความขยันหมั่นเพียร นางจะมองตรงไปยังพระคริสต์ เพื่อให้ประสบการณ์จากหน้าที่ความรับผิดชอบอันต่ำต้อยที่นางได้รับในแต่ละวัน เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ที่สัตย์จริง {MH 378.1}