Chapter 38 (บทที่ 38)
“The Importance of Seeking True Knowledge”
“การรักษาสุขอนามัยในหมู่ชนชาติอิสราเอล”

More clearly than we do we need to understand the issues at stake in the great conflict in which we are engaged. We need to understand more fully the value of the truths of the word of God and the danger of allowing our minds to be diverted from them by the great deceiver. {MH 451.1}

เราจำเป็นต้องเข้าใจประเด็นเดิมพันของสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่เราเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยให้แจ่มแจ้งมากกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งยังจำเป็นต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคุณค่าแห่งความจริงในพระวจนะของพระเจ้าและภัยอันตรายที่เรายินยอมให้จอมมุสามาเบี่ยงเบนจิตใจของเราไปจากพระวจนะของพระเจ้า {MH 451.1}

The infinite value of the sacrifice required for our redemption reveals the fact that sin is a tremendous evil. Through sin the whole human organism is deranged, the mind is perverted, the imagination corrupted. Sin has degraded the faculties of the soul. Temptations from without find an answering chord within the heart, and the feet turn imperceptibly toward evil. {MH 451.2}

คุณค่าที่ไม่อาจประเมินได้ของความเสียสละเพื่อการไถ่บาปของเราเผยให้เราเห็นความจริงว่า ความผิดบาปนั้นเป็นสิ่งชั่วร้ายอย่างมหันต์ โดยความผิดบาป อวัยวะในร่างกายของมนุษย์ถูกรบกวนให้ผิดปกติ จิตใจถูกชักนำไปในทางชั่วร้าย จินตนาการฝักใฝ่ในทางทุจริต ความผิดบาปบั่นทอนสติปัญญาฝ่ายจิตวิญญาณ ความรู้สึกที่อยู่ภายในจิตใจขานรับการทดลองที่คุกคามมาจากภายนอก ดังนั้น เท้าจึงก้าวไปสู่ความชั่วร้ายโดยไม่ทันรู้ตัว {MH 451.2}

As the sacrifice in our behalf was complete, so our restoration from the defilement of sin is to be complete. No act of wickedness will the law of God excuse; no unrighteousness can escape its condemnation. The ethics of the gospel acknowledge no standard but the perfection of the divine character. The life of Christ was a perfect fulfillment of every precept of the law. He said, “I have kept My Father’s commandments.” His life is our example of obedience and service. God alone can renew the heart. “It is God which worketh in you both to will and to do of His good pleasure.” But we are bidden, “Work out your own salvation.” John 15:10; Philippians 2:13, 12. {MH 451.3}

การทรงพลีพระชนม์เพื่อเราทั้งหลายสำเร็จสมบูรณ์ฉันใด การชำระเราให้กลับบริสุทธิ์ปราศจากบาปมลทินก็ได้สำเร็จสมบูรณ์เฉกเช่นเดียวกันฉันนั้น พระบัญญัติของพระเจ้าไม่อาจยกโทษให้กับการกระทำที่ชั่วร้าย ไม่มีความอสัตย์อธรรมใดที่จะหลุดพ้นจากการพิพากษาลงโทษได้ จริยธรรมของข่าวประเสริฐไม่ยอมรับในมาตรฐานอื่นใดนอกจากความบริบูรณ์ดีเลิศที่มีอยู่ในพระลักษณะของพระเจ้า ชีวิตของพระคริสต์เป็นแบบอย่างที่สมบูรณ์พร้อมของข้อบัญญัติของพระเจ้า พระองค์ตรัสว่า “เราประพฤติตามพระบัญญัติของพระบิดา” ชีวิตของพระองค์เป็นแบบอย่างแก่เราในเรื่องของการเชื่อฟังและการปรนนิบัติรับใช้ พระเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงจิตใจของเราใหม่ได้ “เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงกระทำกิจอยู่ภายในท่าน ให้ท่านมีใจปรารถนา ทั้งให้ประพฤติตามชอบพระทัยของพระองค์” แต่เราทั้งหลายต่างได้รับพระบัญชาจากพระองค์ว่า “จงอุตส่าห์ประพฤติเพื่อให้ได้ความรอด” ยอห์น 15:10; ฟีลิปปี 2:13, 12 {MH 451.3}

The Work That Requires Our Thought Wrongs cannot be righted, nor can reformations in conduct be made by a few feeble, intermittent efforts. Character building is the work, not of a day, nor of a year, but of a lifetime. The struggle for conquest over self, for holiness and heaven, is a lifelong struggle. Without continual effort and constant activity, there can be no advancement in the divine life, no attainment of the victor’s crown. {MH 452.1}

งานที่ต้องใช้ความคิดของเรา เรามิอาจจะกระทำสิ่งผิดให้เป็นเรื่องที่ถูกต้องได้ ทั้งยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขความประพฤติของเราโดยอาศัยความพากเพียรพยายามแต่เพียงเล็กน้อยในชั่วครู่ชั่วยาม การสร้างอุปนิสัยที่ดีงาม ไม่ใช่งานที่จะกระทำให้สำเร็จลุล่วงได้ภายในวันเดียวหรือปีเดียว แต่เป็นงานที่เราต้องกระทำไปตลอดชีวิต การต่อสู้เพื่อเอาชนะตนเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งความบริสุทธิ์และสวรรค์นั้น เป็นการต่อสู้ตลอดชั่วชีวิต หากปราศจากความพากเพียรอย่างต่อเนื่องและการกระทำที่แน่วแน่เสียแล้ว เราก็ไม่อาจเติบโตในลักษณะชีวิตแบบพระเจ้าได้และไม่มีทางที่จะบรรลุถึงมงกุฎของผู้ชนะ {MH 452.1}

The strongest evidence of man’s fall from a higher state is the fact that it costs so much to return. The way of return can be gained only by hard fighting, inch by inch, hour by hour. In one moment, by a hasty, unguarded act, we may place ourselves in the power of evil; but it requires more than a moment to break the fetters and attain to a holier life. The purpose may be formed, the work begun; but its accomplishment will require toil, time, perseverance, patience, and sacrifice. {MH 452.2}

ประจักษ์พยานที่ชัดเจนที่สุดที่แสดงให้เห็นว่ามนุษย์ได้ตกต่ำลงจากสภาพที่สูงส่ง ก็คือ ความจริงที่ว่าค่าชดใช้เพื่อกลับคืนสู่สถานะเดิมนั้นมีราคาสูงยิ่ง หนทางการกลับคืนจะได้มาก็ด้วยการที่จะต้องต่อสู้อย่างหนักหน่วงเท่านั้น ต้องต่อสู้ฝ่าฟันทีละคืบทีละศอก ต้องใช้เวลาครั้งแล้วครั้งเล่า หากเพียงหลงพลาดพลั้งกระทำสิ่งใดโดยที่ไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีแม้เพียงชั่วขณะเดียว เราก็อาจจะตกอยู่ภายใต้อำนาจของความชั่วร้ายได้ แต่การที่จะหักโซ่ตรวนและก้าวไปสู่ชีวิตที่บริสุทธิ์กว่าให้ได้นั้น เราจำเป็นต้องใช้เวลาที่มากกว่าเพียงแค่ชั่วครู่ชั่วยาม เราอาจจะมีความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยวและเริ่มลงมือแล้วก็ตาม แต่การบรรลุถึงความสำเร็จต้องการการต่อสู้ที่หนักหน่วง เวลา ความมานะอุตสาหะ ความอดกลั้นอดทนและการเสียสละ {MH 452.2}

We cannot allow ourselves to act from impulse. We cannot be off guard for a moment. Beset with temptations without number, we must resist firmly or be conquered. Should we come to the close of life with our work undone, it would be an eternal loss. {MH 452.3}

เราปล่อยตัวทำอะไรอย่างหุนหันพลันแล่นไม่ได้ เราเผลอไผลไปแม้แต่เพียงชั่วขณะเดียวไม่ได้ การทดลองเหลือคณานับห้อมล้อมเราอยู่ เราต้องต่อสู้อย่างแน่วแน่มั่นคง มิฉะนั้นแล้ว เราก็ต้องแพ้พ่าย หากชีวิตของเราต้องปิดฉากลงก่อนที่งานจะสำเร็จเสร็จสิ้น ก็เท่ากับการสูญเสียชั่วนิจนิรันดร์ {MH 452.3}

The life of the apostle Paul was a constant conflict with self. He said, “I die daily.” 1 Corinthians 15:31. His will and his desires every day conflicted with duty and the will of God. Instead of following inclination, he did God’s will, however crucifying to his nature. {MH 452.4}

ชีวิตของอัครสาวกเปาโลเป็นชีวิตที่ต้องต่อสู้กับตนเองอยู่เสมอ เขากล่าวว่า “ข้าพเจ้าตายทุกวัน” 1 โครินธ์ 15:31 ความต้องการและความปรารถนาของเขาที่มีอยู่ในทุกๆ วันนั้นขัดแย้งกับสิ่งที่เป็นหน้าที่รับผิดชอบและสิ่งที่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า แต่แทนที่เขาจะกระทำตามความโน้มเอียงที่นำไปสู่ความผิดบาป เขากลับเลือกปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระเจ้า แม้ว่าเขาจะต้องนำสภาพฝ่ายเนื้อหนังของตนเองไปตรึงไว้บนกางเขนก็ตาม {MH 452.4}

At the close of his life of conflict, looking back over its struggles and triumphs, he could say, “I have fought a good fight, I have finished my course, I have kept the faith: henceforth there is laid up for me a crown of righteousness, which the Lord, the righteous Judge, shall give me at that day.” 2 Timothy 4:7, 8. {MH 453.1}

เมื่อชีวิตแห่งการต่อสู้ของเปาโลใกล้จะปิดฉากลง เมื่อหวนระลึกถึงการต่อสู้ดิ้นรนและชัยชนะ เขาย่อมกล่าวได้ว่า “ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้แข่งขันจนถึงที่สุด ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว ต่อแต่นี้ไปมงกุฎแห่งความชอบธรรมก็จะเป็นของข้าพเจ้า ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้พิพากษาอันชอบธรรม จะทรงประทานเป็นรางวัลแก่ข้าพเจ้าในวันนั้น” 2 ทิโมธี 4:7, 8 {MH 453.1}

The Christian life is a battle and a march. In this warfare there is no release; the effort must be continuous and persevering. It is by unceasing endeavor that we maintain the victory over the temptations of Satan. Christian integrity must be sought with resistless energy and maintained with a resolute fixedness of purpose. {MH 453.2}

ชีวิตคริสเตียนเป็นชีวิตแห่งการต่อสู้และการยาตราเข้าสู่สนามรบ ในการศึกสงครามนี้ ย่อมไม่มีช่วงเวลาที่เราจะได้ผ่อนคลาย เราต้องมีความพากเพียรที่ต่อเนื่องและเหนียวแน่นคงทนอยู่เสมอ ความมานะบากบั่นอย่างไม่หยุดยั้งทำให้เรามีชัยชนะเหนือการทดลองต่างๆของซาตาน เราต้องแสวงหาจรรยาบรรณของคริสตเตียนด้วยพละกำลังที่ไร้แรงหยุดยั้งและยึดมั่นต่อจุดมุ่งหมายที่มั่นคงถาวร {MH 453.2}

No one will be borne upward without stern, persevering effort in his own behalf. All must engage in this warfare for themselves; no one else can fight our battles. Individually we are responsible for the issues of the struggle; though Noah, Job, and Daniel were in the land they could deliver neither son nor daughter by their righteousness. {MH 453.3}

ไม่มีผู้ใดสามารถก้าวขึ้นสู่มาตรฐานอันสูงส่งได้ โดยปราศจากภูมิหลังแห่งความพากเพียรที่ได้ต่อสู้เพื่อตัวของเขาเองมา คนอื่นไม่มีทางต่อสู้แทนเขาได้ แต่ละคนต้องรับผิดชอบการต่อสู้นั้น แม้แต่โนอาห์ โยบและดาเนียลในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็ไม่อาจช่วยบุตรชายหญิงคนใดของตนให้รอดได้ด้วยความชอบธรรมของตนเอง {MH 453.3}

The Science to Be Mastered There is a science of Christianity to be mastered–a science as much deeper, broader, higher than any human science as the heavens are higher than the earth. The mind is to be disciplined, educated, trained; for we are to do service for God in ways that are not in harmony with inborn inclination. Hereditary and cultivated tendencies to evil must be overcome. Often the education and training of a lifetime must be discarded, that one may become a learner in the school of Christ. Our hearts must be educated to become steadfast in God. We are to form habits of thought that will enable us to resist temptation. We must learn to look upward. The principles of the word of God–principles that are as high as heaven, and that compass eternity–we are to understand in their bearing upon our daily life. Every act, every word, every thought, is to be in accord with these principles. All must be brought into harmony with, and subject to, Christ. {MH 453.4}

ศาสตร์แห่งความรู้ที่เราต้องศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ยังมีศาสตร์แห่งความรู้ของการเป็นคริสเตียนที่เราต้องศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ อันเป็นความรู้ที่ลึกกว่า กว้างกว่าและสูงส่งยิ่งกว่าความรู้ใดๆของมนุษย์ ดังฟ้าสวรรค์ที่สูงกว่าแผ่นดินผืนหล้า จิตใจจะต้องได้รับการอบรมให้เคารพระเบียบวินัย ให้การศึกษา ฝึกอบรมภาคปฏิบัติ เพื่อเราจะสามารถรับใช้พันธกิจของพระเจ้าโดยไม่ทำตามความโน้มเอียงตามธรรมชาติที่ติดตัวเรามา เราต้องเอาชนะนิสัยชั่วร้ายที่ถ่ายทอดมาทางสายเลือดและที่ถูกบ่มเพาะขึ้นมาใหม่ หลายครั้ง การศึกษาและการฝึกอบรมที่ทำมาตลอดชั่วชีวิต ต้องถูกละทิ้งไป เพื่อผู้นั้นจักได้กลับมาเป็นนักศึกษาในโรงเรียนของพระคริสต์ จิตใจของเราต้องได้รับการสั่งสอนให้มีความศรัทธาแน่วแน่ในพระเจ้า เราต้องสร้างนิสัยในความคิดเพื่อทำให้เราสามารถต่อต้านต่อการทดลองได้ เราต้องฝึกฝนให้มองไปยังเบื้องบน หลักการของพระวจนะของพระเจ้าเป็นหลักการที่สูงส่งดังฟ้าสวรรค์และครอบคลุมถึงนิรันดร์กาล เป็นสิ่งที่เราต้องเข้าใจถึงผลกระทบที่มีต่อชีวิตประจำวันของเรา ทุกๆ การกระทำ ทุกๆ ถ้อยคำและทุกๆ ความคิดของเราต้องเป็นไปตามหลักการเหล่านี้ ทุกคนต้องดำเนินชีวิตให้สอดคล้องและอยู่ภายใต้การควบคุมของพระคริสต์ {MH 453.4}

The precious graces of the Holy Spirit are not developed in a moment. Courage, fortitude, meekness, faith, unwavering trust in God’s power to save, are acquired by the experience of years. By a life of holy endeavor and firm adherence to the right the children of God are to seal their destiny. {MH 454.1}

เราไม่อาจเติบโตยิ่งขึ้นในพระคุณอันล้ำค่าของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ ความกล้าหาญ ความอดทน ความอ่อนน้อมสุภาพ ความเชื่อและความไว้วางใจที่ไม่หวั่นไหวในการทรงช่วยให้รอดของพระเจ้าจะแสวงได้จากประสบการณ์ที่ใช้เวลาเป็นปีๆ ด้วยชีวิตที่พากเพียรพยามยามในทางอันชอบธรรมและด้วยความยึดมั่นในความถูกต้องอย่างแน่วแน่ บุตรทั้งหลายของพระเจ้าย่อมได้รับการประทับตรารับรองในชีวิตนิรันดรของตนเอง {MH 454.1}

No Time to Lose We have no time to lose. We know not how soon our probation may close. At the longest, we have but a brief lifetime here, and we know not how soon the arrow of death may strike our hearts. We know not how soon we may be called to give up the world and all its interests. Eternity stretches before us. The curtain is about to be lifted. But a few short years, and for everyone now numbered with the living the mandate will go forth: {MH 454.2}

ไม่มีเวลาให้สูญเสีย เราไม่มีเวลาจะสูญเสียอีกแล้ว เราไม่ทราบว่าพระคุณที่ทรงมีต่อเราจะหมดลงเมื่อใด อย่างยาวนานที่สุด ชีวิตของเรามีเวลาเพียงช่วงสั้นๆ ในโลกนี้ และเราไม่ทราบว่าอีกนานเท่าไรศรแห่งมรณะจะพุ่งมาปักขั้วหัวใจของเรา เราไม่ทราบว่าเมื่อใดเราจะถูกเรียกตัวให้ละทิ้งโลกนี้และทรัพย์สินไป นิรันดร์กาลเหยียดยาวอยู่ต่อหน้าเรา ม่านที่แบ่งกั้นอยู่กำลังถูกเลื่อนขึ้น ในเวลาสั้นๆ อีกเพียงไม่กี่ปี สำหรับทุกผู้ทุกนามที่ยังมีชีวิตอยู่ จะมีพระบัญชาที่ประกาศว่า {MH 454.2}

“He that is unjust, let him be unjust still: . . . and he that is righteous, let him be righteous still: and he that is holy, let him be holy still.” Revelation 22:11. {MH 454.3}

“ผู้ที่เป็นคนอธรรมก็ให้เขาประพฤติอธรรมต่อไป ผู้ที่เป็นคนชอบธรรมก็ให้เขากระทำการชอบธรรมต่อไป” วิวรณ์ 22:11 {MH 454.3}

Are we prepared? Have we become acquainted with God, the Governor of heaven, the Lawgiver, and with Jesus Christ whom He sent into the world as His representative? When our lifework is ended, shall we be able to say, as did Christ our example: {MH 454.4}

เราเตรียมตัวพร้อมแล้วละหรือ เราได้รู้จักและเข้าสนิทกับพระเจ้า ผู้ทรงครอบครองแผ่นดินสวรรค์และผู้ทรงประทานพระบัญญัติให้แก่เรา อีกทั้งได้เข้าสนิทกับพระเยซูคริสต์ ผู้ที่พระองค์ทรงส่งมาโลกนี้เพื่อเป็นผู้แทนของพระองค์แล้วละหรือ เมื่องานในชีวิตของเราสิ้นสุดลง เราจะพูดเช่นเดียวกับพระคริสต์ผู้ทรงเป็นแบบอย่างของเราได้หรือไม่ว่า {MH 454.4}

“I have glorified Thee on the earth: I have finished the work which Thou gavest Me to do. . . . I have manifested Thy name”? John 17:4-6. {MH 454.5}

“ข้าพระองค์ได้ถวายเกียรติแด่พระองค์ในโลก เพราะข้าพระองค์ได้กระทำกิจที่พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์กระทำนั้นสำเร็จแล้ว ข้าพระองค์ได้สำแดงพระนามของพระองค์” ยอห์น 17:4-6 {MH 454.5}

The angels of God are seeking to attract us from ourselves and from earthly things. Let them not labor in vain. {MH 454.6}

ทูตสวรรค์ของพระเจ้ากำลังพยายามชักจูงเราไม่ให้คิดถึงตัวเองและสรรพสิ่งในทางโลก ขออย่าให้ทูตสวรรค์เหล่านี้ต้องสิ้นเปลืองแรงงานโดยเปล่าประโยชน์ {MH 454.6}

Minds that have been given up to loose thought need to change. “Gird up the loins of your mind, be sober, and hope to the end for the grace that is to be brought unto you at the revelation of Jesus Christ; as obedient children, not fashioning yourselves according to the former lusts in your ignorance: but as He which hath called you is holy, so be ye holy in all manner of conversation; because it is written, Be ye holy; for I am holy.” 1 Peter 1:13-16. {MH 455.1}

จิตใจที่เคยหมกมุ่นในโลกีย์วิสัยจำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ “เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเตรียมตัวเตรียมใจของท่านไว้ให้ดี และจงข่มใจ ตั้งความหวังให้เต็มเปี่ยมในพระคุณ คือพระคุณซึ่งจะทรงโปรดประทานแก่ท่าน เมื่อพระเยซูคริสต์จะทรงสำแดงพระองค์ โดยที่ท่านเป็นบุตรที่เชื่อฟัง ขออย่าได้ประพฤติตามกิเลสตัณหา อย่างที่เกิดจากความโง่เขลาของท่านในกาลก่อน แต่เพราะพระองค์ผู้ทรงเรียกท่านทั้งหลายนั้นบริสุทธิ์ ท่านทั้งหลายจงประพฤติให้บริสุทธิ์พร้อมทุกประการ ดังที่มีพระวจนะเขียนไว้แล้วว่า ท่านทั้งหลายจงเป็นคนบริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์” 1 เปโตร 1:13-16 {MH 455.1}

The thoughts must be centered upon God. We must put forth earnest effort to overcome the evil tendencies of the natural heart. Our efforts, our self-denial and perseverance, must be proportionate to the infinite value of the object of which we are in pursuit. Only by overcoming as Christ overcame shall we win the crown of life. {MH 455.2}

ความคิดต้องรวมศูนย์อยู่ที่พระเจ้า เราต้องเพียรพยายามอย่างจริงจังเพื่อเอาชนะจิตใจที่โดยธรรมชาติฝักใฝ่ในทางชั่วร้าย ความเพียรพยายามของเรา การรู้จักบังคับใจตนเองและความมานะบากบั่น ต้องมีสัดส่วนเสมอกับคุณค่าที่ไม่อาจประเมินได้ของเป้าหมายที่เราใฝ่หา ด้วยการพิชิตฟันฝ่าอุปสรรคเหมือนดังที่พระคริสต์ทรงชนะมาแล้วเท่านั้นที่เราจึงจะพิชิตมงกุฎแห่งชีวิตมาครอง {MH 455.2}

The Need of Self-Renunciation Man’s great danger is in being self-deceived, indulging self-sufficiency, and thus separating from God, the source of his strength. Our natural tendencies, unless corrected by the Holy Spirit of God, have in them the seeds of moral death. Unless we become vitally connected with God, we cannot resist the unhallowed effects of self-indulgence, self-love, and temptation to sin. {MH 455.3}

ความจำเป็นของการละทิ้งตน ภัยอันตรายที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์คือ การหลอกลวงตัวเองและการหลงวางใจในตัวเอง และด้วยเหตุนี้จึงเหินห่างไปจากพระเจ้าผู้ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งกำลัง ความรู้สึกฝักใฝ่โดยธรรมชาติในจิตใจของเรา หากไม่ได้รับการแก้ไขด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า จะทำให้จิตใจของเราตายด้านต่อศีลธรรมและความชอบธรรม หากเราไม่เข้าสนิทกับพระเจ้าอย่างแท้จริง เราไม่อาจต้านทานต่ออิทธิพลอันชั่วร้ายของการตามใจตัวเอง การรักตัวเองและการทดลองของความผิดบาปได้ {MH 455.3}

In order to receive help from Christ, we must realize our need. We must have a true knowledge of ourselves. It is only he who knows himself to be a sinner that Christ can save. Only as we see our utter helplessness and renounce all self-trust, shall we lay hold on divine power. {MH 455.4}

เพื่อรับความช่วยเหลือจากพระคริสต์ เราต้องตระหนักถึงความจำเป็นของเรา เราต้องมีความรู้แจ้งในตัวของเราเอง ผู้ที่รู้ตัวเองว่าเป็นคนบาปเท่านั้นที่พระคริสต์ทรงช่วยให้รอดได้ เมื่อใดก็ตามที่เราตระหนักว่าตัวของเรานั้นหมดหนทางอย่างสิ้นเชิงที่จะช่วยเหลือตัวเองได้และเลิกไว้วางใจในตัวเองทั้งสิ้นแล้วเท่านั้น เราจึงจะสัมผัสถึงฤทธานุภาพของพระเจ้าได้ {MH 455.4}

It is not only at the beginning of the Christian life that this renunciation of self is to be made. At every advance step heavenward it is to be renewed. All our good works are dependent on a power outside of ourselves; therefore there needs to be a continual reaching out of the heart after God, a constant, earnest confession of sin and humbling of the soul before Him. Perils surround us; and we are safe only as we feel our weakness and cling with the grasp of faith to our mighty Deliverer. {MH 455.5}

การละทิ้งตนนี้ไม่ใช่ลงมือกระทำเมื่อครั้นเริ่มต้นชีวิตคริสเตียนเท่านั้น ในทุกๆ ย่างก้าวที่มุ่งไปสู่สวรรค์ การละทิ้งตนต้องได้รับการใคร่ครวญและเริ่มต้นใหม่ การทำความดีของเราทั้งปวงต้องพึ่งพาอาศัยฤทธิ์อำนาจที่อยู่ภายนอกตัวของเราเอง ด้วยเหตุนี้ จิตใจของเราจึงจำเป็นต้องแสวงหาพระเจ้าอยู่เสมอ เราต้องสารภาพบาปด้วยความตั้งใจจริงและถ่อมจิตใจลงต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์เสมอ ภัยอันตรายมากมายต่างรายล้อมตัวเรา และเราจะมีความปลอดภัยก็ต่อเมื่อ เราสำนึกถึงความอ่อนแอของตนเองและยึดมั่นในความเชื่อต่อพระผู้ทรงช่วยให้รอดผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เท่านั้น {MH 455.5}

Christ the Fountainhead of True Knowledge We must turn away from a thousand topics that invite attention. There are matters that consume time and arouse inquiry, but end in nothing. The highest interests demand the close attention and energy that are so often given to comparatively insignificant things. {MH 456.1}

พระคริสต์ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งความรู้ที่แท้จริง เราต้องหันให้พ้นจากสิ่งสารพันที่โน้มน้าวความสนใจ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้สูญเสียเวลาและชวนให้สงสัย แต่กลับเป็นสิ่งไร้สาระ บ่อยครั้ง สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดที่เรียกร้องทั้งกำลัง เรี่ยวแรงและความเอาใจใส่ กลับถูกใช้ไปกับสิ่งที่ไม่มีความสำคัญ {MH 456.1}

Accepting new theories does not in itself bring new life to the soul. Even an acquaintance with facts and theories important in themselves is of little value unless put to a practical use. We need to feel our responsibility to give our souls food that will nourish and stimulate spiritual life. “Incline thine ear unto wisdom, . . . Apply thy heart to understanding; . . . Seek her as silver, . . . Search for her for hid treasures: Then shalt thou understand the fear of Jehovah, And find the knowledge of God. . . . Then shalt thou understand righteousness and justice, And equity, yea, every good path. For wisdom shall enter into thy heart, And knowledge shall be pleasant unto thy soul; Discretion shall watch over thee; Understanding shall keep thee.” Wisdom “is a tree of life to them that lay hold upon her: And happy is everyone that retaineth her.” Proverbs 2:2-11, A.R.V.; 3:18. {MH 456.2}

การยอมรับในทฤษฎีใหม่ๆ เพียงอย่างเดียวไม่อาจนำชีวิตที่เปลี่ยนแปลงใหม่มาให้แก่จิตวิญญาณได้ แม้ว่าการคุ้นเคยกับความจริงและทฤษฎีต่างๆ ที่มีความสำคัญอยู่ในตัวเองก็ไม่มีคุณค่าหากไม่ได้นำมาปฏิบัติ เราจำเป็นต้องรู้สึกถึงหน้าที่ความรับผิดชอบของเราที่ต้องบำรุงเลี้ยงจิตวิญญาณของตนเองด้วยอาหารที่จะช่วยส่งเสริมชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ “จงเงี่ยหูของเจ้าฟังปัญญา…. จงเอียงใจของเจ้าเข้าหาความเข้าใจ…. ถ้าเจ้าแสวงหาปัญญาเหมือนหาเงิน…. และเสาะหาเธออย่างหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ แล้วเจ้าจะเข้าใจความยำเกรงพระยาห์เวห์ และพบความรู้ของพระเจ้า…. แล้วเจ้าจะเข้าใจความชอบธรรมและความยุติธรรม และความเที่ยงธรรม คือหนทางที่ดีทุกสาย เพราะปัญญาจะเข้ามาในใจของเจ้า และความรู้จะเป็นที่ร่มรื่นแก่วิญญาณจิตของเจ้า ความเฉลียวฉลาดจะปกป้องเจ้า และความเข้าใจจะเฝ้าเจ้าไว้” “ปัญญาเป็นต้นไม้แห่งชีวิตแก่ผู้ที่ฉวยเธอไว้ บรรดาผู้ที่ยึดเธอไว้แน่นจะสุขสบาย” สุภาษิต 2:2-11, 3:18 (THSV) {MH 456.2}

The question for us to study is, “What is truth–the truth that is to be cherished, loved, honored, and obeyed?” The devotees of science have been defeated and disheartened in their efforts to find out God. What they need to inquire at this time is, “What is the truth that will enable us to win the salvation of our souls?” {MH 456.3}

คำถามที่เราต้องเรียนรู้คือ “อะไรคือความจริง ความจริงที่เราจะต้องยึดมั่น รัก ให้เกียรติและปฏิบัติตาม” ผู้ที่ใฝ่ใจทางวิทยาศาสตร์ได้พ่ายแพ้และผิดหวังในความพยายามที่จะตรวจสอบหาความจริงที่เกี่ยวกับพระเจ้า สิ่งที่เขาทั้งหลายจำเป็นต้องถามในเวลานี้ก็คือ “อะไรคือความจริงที่สามารถช่วยจิตวิญญาณของเราให้ได้รับความรอด” ต่างหาก {MH 456.3}

“What think ye of Christ?”–this is the all-important question. Do you receive Him as a personal Saviour? To all who receive Him He gives power to become sons of God. {MH 457.1}

“ท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับพระคริสต์” นี้เป็นคำถามที่สำคัญที่สุด ท่านยอมรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของท่านหรือไม่ ทุกๆ คนที่ยอมรับพระองค์ พระองค์ประทานสิทธิการเป็นบุตรของพระเจ้าให้ {MH 457.1}

Christ revealed God to His disciples in a way that performed in their hearts a special work, such as He desires to do in our hearts. There are many who, in dwelling too largely upon theory, have lost sight of the living power of the Saviour’s example. They have lost sight of Him as the humble, self-denying worker. What they need is to behold Jesus. Daily we need the fresh revealing of His presence. We need to follow more closely His example of self-renunciation and self-sacrifice. {MH 457.2}

พระคริสต์สำแดงพระเจ้าให้ปรากฏแก่เหล่าสาวกของพระองค์เพื่อประกอบกิจที่พิเศษในจิตใจของสาวกเหล่านั้น พระองค์ทรงประสงค์ที่จะกระทำในจิตใจของเราเช่นเดียวกัน หลายคนยึดมั่นในทฤษฎีมากเกินไปจนมองไม่เห็นถึงฤทธิ์อำนาจที่มีอยู่ในแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอด เขาทั้งหลายไม่ได้มองเห็นพระองค์ดั่งผู้รับใช้ที่ถ่อมพระองค์และไม่เห็นแก่ตน สิ่งที่เขาทั้งหลายจำเป็นต้องทำก็คือ การมองไปยังพระเยซู ทุกๆ วัน เราต้องการการสำแดงถึงการสถิตอยู่ด้วยกับเราที่สดใหม่ของพระองค์ เราจำเป็นต้องเจริญรอยให้ใกล้เคียงมากยิ่งขึ้นตามแบบอย่างแห่งการไม่เห็นแก่ตนและการเสียสละของพระองค์ {MH 457.2}

We need the experience that Paul had when he wrote: “I am crucified with Christ: nevertheless I live; yet not I, but Christ liveth in me: and the life which I now live in the flesh I live by the faith of the Son of God, who loved me, and gave Himself for me.” Galatians 2:20. {MH 457.3}

เราต้องการประสบการณ์เช่นเดียวกับเปาโล เมื่อเขาเขียนว่า “ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยศรัทธาในพระบุตรของพระเจ้า ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า” กาลาเทีย 2:20 {MH 457.3}

The knowledge of God and of Jesus Christ expressed in character is an exaltation above everything else that is esteemed on earth or in heaven. It is the very highest education. It is the key that opens the portals of the heavenly city. This knowledge it is God’s purpose that all who put on Christ shall possess. {MH 457.4}

ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ที่แสดงออกในอุปนิสัยของเรา เป็นการยกย่องสรรเสริญเหนือสิ่งอื่นใดที่สูงค่าบนแผ่นดินโลกหรือในสวรรค์ เป็นการศึกษาในระดับสูงสุด เป็นกุญแจที่ไขประตูราชธานีแห่งสวรรค์ เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะให้มนุษย์ทุกผู้ทุกนามที่ยอมรับในพระคริสต์เป็นเจ้าของความรู้เหล่านี้ {MH 457.4}