Chapter 42 (บทที่ 42)
“Development and Service”
“ความเจริญก้าวหน้าและการปรนนิบัติรับใช้”

Christian life is more than many take it to be. It does not consist wholly in gentleness, patience, meekness, and kindliness. These graces are essential; but there is need also of courage, force, energy, and perseverance. The path that Christ marks out is a narrow, self-denying path. To enter that path and press on through difficulties and discouragements requires men who are more than weaklings. {MH 497.1}

ชีวิตคริสเตียนมีความหมายลึกซึ้งมากกว่าที่หลายคนเข้าใจ เป็นชีวิตที่ไม่เพียงประกอบด้วยความสุภาพอ่อนโยน ความอดทน ความอ่อนน้อมและความเมตตากรุณาเท่านั้น แม้คุณงามความดีเหล่านี้จะมีความสำคัญก็ตาม แต่เรายังจำเป็นต้องมีความกล้าหาญ ความเข้มแข็ง ความกระตือรือร้นและความพากเพียรพยายามด้วยเช่นกัน เส้นทางที่พระคริสต์ทรงกำหนดนั้นแคบและเรียกร้องการเสียสละความสุขส่วนตัว การจะเข้าสู่เส้นทางนี้แล้วฝ่าฟันไปข้างหน้าผ่านความยากลำบากและเหตุการณ์น่าท้อแท้ใจมากมายต้องการบุคคลที่เป็นมากกว่าคนอ่อนแอ {MH 497.1}

Force of Character Men of stamina are wanted, men who will not wait to have their way smoothed and every obstacle removed, men who will inspire with fresh zeal the flagging efforts of dispirited workers, men whose hearts are warm with Christian love and whose hands are strong to do their Master’s work. {MH 497.2}

อุปนิสัยที่เข้มแข็ง งานนี้ต้องการผู้ที่มีความทรหดอดทน ผู้ที่ไม่รอคอยผู้อื่นมาแผ้วถางทางที่เขาจะดำเนินไปให้ราบเรียบและปราศจากอุปสรรคใดๆเสียก่อน ผู้ที่พร้อมจะหนุนใจผู้รับใช้ที่กำลังท้อแท้หมดกำลังใจด้วยจิตใจที่สดใหม่และกระปรี้กระเปร่าของเขา ผู้ที่มีจิตใจซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ และเป็นผู้ที่มีมืออันแข็งแกร่งพร้อมจะดำเนินการในพระราชกิจของจอมเจ้านายของเขา {MH 497.2}

Some who engage in missionary service are weak, nerveless, spiritless, easily discouraged. They lack push. They have not those positive traits of character that give power to do something–the spirit and energy that kindle enthusiasm. Those who would win success must be courageous and hopeful. They should cultivate not only the passive but the active virtues. While they are to give the soft answer that turns away wrath, they must possess the courage of a hero to resist evil. With the charity that endures all things, they need the force of character that will make their influence a positive power. {MH 497.3}

บางคนที่รับใช้ในพันธกิจเผยแพร่พระธรรมเป็นคนอ่อนแอ เชื่องช้า ใจคอห่อเหี่ยวและมีจิตใจที่ท้อถอยง่าย คนเหล่านี้ขาดแรงผลักดัน ขาดจิตวิญญาณและขาดพลังที่ก่อให้เกิดแรงกระตุ้นซึ่งเป็นคุณลักษณะช่วยให้เกิดความคิดริเริ่มที่จะลงมือกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด คนทั้งหลายที่ต้องการบรรลุความสำเร็จ ต้องเป็นผู้มีกำลังใจเข้มแข็งและมีความหวังอันเปี่ยมล้น คนเหล่านี้ควรฝึกฝนตนเองไม่เพียงแต่ให้มีคุณงามความดีภายในตนเท่านั้นแต่ต้องเป็นคุณงามความดีที่พร้อมจะเป็นแบบอย่างต่อคนอื่นๆด้วย ในขณะที่คนเหล่านี้ตอบข้อข้องใจอย่างอ่อนโยนเพื่อหลีกเลี่ยงข้อพิพาท เขาทั้งหลายยังต้องมีใจกล้าหาญเยี่ยงวีรบุรุษที่จะต่อต้านความชั่วร้ายเช่นกัน ด้วยใจกุศลที่สามารถอดทนต่อทุกสิ่งได้ เขาทั้งหลายจำเป็นต้องมีอุปนิสัยที่เข้มแข็งเพื่อทำให้อิทธิพลของตนเป็นพลังที่ก่อคุณประโยชน์ {MH 497.3}

Some have no firmness of character. Their plans and purposes have no definite form and consistency. They are of but little practical use in the world. This weakness, indecision, and inefficiency should be overcome. There is in true Christian character an indomitableness that cannot be molded or subdued by adverse circumstances. We must have moral backbone, an integrity that cannot be flattered, bribed, or terrified. {MH 498.1}

บางคนมีอุปนิสัยที่รวนเรไม่หนักแน่น แผนงานและความมุ่งหมายของคนเหล่านี้ไม่มีความชัดเจนและขาดความสอดคล้องรับกัน พวกเขาเป็นคนที่มีประโยชน์ต่อโลกเพียงเล็กน้อย เขาต้องเอาชนะความอ่อนแอ ความลังเลใจและความไร้ประสิทธิภาพเหล่านี้ ในอุปนิสัยที่แท้จริงของคริสเตียนนั้นยังมีความทรหดอดทนซึ่งสถานการณ์ที่เป็นปรปักษ์ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงหรือสยบได้ เราต้องมีรากฐานของศีลธรรม จริยธรรมที่ไม่สามารถจะถูกประจบประแจง ติดสินบนหรือข่มขู่ได้ {MH 498.1}

God desires us to make use of every opportunity for securing a preparation for His work. He expects us to put all our energies into its performance and to keep our hearts alive to its sacredness and its fearful responsibilities. {MH 498.2}

พระเจ้าทรงปรารถนาให้เราใช้ทุกโอกาสตระเตรียมตัวเพื่อรับใช้พระองค์ พระองค์ทรงมุ่งหวังให้เราทุ่มเทกำลังความสามารถทั้งหมดของเราในการรับใช้และให้เราสำนึกอยู่เสมอถึงความศักดิ์สิทธิ์และความน่ายำเกรงของหน้าที่รับผิดชอบนี้ {MH 498.2}

Many who are qualified to do excellent work accomplish little because they attempt little. Thousands pass through life as if they had no great object for which to live, no high standard to reach. One reason for this is the low estimate which they place upon themselves. Christ paid an infinite price for us, and according to the price paid He desires us to value ourselves. {MH 498.3}

หลายคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำงานได้เป็นอย่างดีแต่กลับบรรลุผลน้อย เป็นเพราะว่า คนเหล่านี้ทุ่มเทความพยายามน้อย คนมากมายใช้ชีวิตอยู่ราวกับว่าไม่มีจุดมุ่งหมายที่สำคัญในชีวิตและไม่มีมาตรฐานอันสูงส่งที่ต้องไปให้ถึง สาเหตุอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ก็คือ คนเหล่านี้ให้คุณค่าตนเองต่ำเกินไป พระคริสต์ทรงชำระราคาที่ไม่อาจประเมินค่าได้เพื่อไถ่เรา ดังนั้น พระองค์ทรงปรารถนาให้เราทั้งหลายประเมินตนเองให้สมกับราคาที่พระองค์ทรงชำระ {MH 498.3}

Be not satisfied with reaching a low standard. We are not what we might be, or what it is God’s will that we should be. God has given us reasoning powers, not to remain inactive, or to be perverted to earthly and sordid pursuits, but that they may be developed to the utmost, refined, sanctified, ennobled, and used in advancing the interests of His kingdom. {MH 498.4}

จงอย่าพึงพอใจกับการบรรลุถึงมาตรฐานที่ต่ำ เราไม่ได้เป็นอย่างที่เราควรจะเป็นหรือเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า พระเจ้าประทานความสามารถในการใช้เหตุผลให้กับเราไม่ใช่ให้อยู่เฉยๆ หรือใช้ไปในทางที่ผิดๆกับการใฝ่หาความโสโครกของฝ่ายโลก แต่ทรงประสงค์ให้พัฒนาความคิดของเราไปจนถึงระดับที่สูงสุด ที่ขัดเกลาแล้ว ที่ชำระให้บริสุทธิ์แล้ว และที่บ่มเพาะให้สง่างามแล้ว และใช้เพื่อเผยแพร่เป้าหมายของอาณาจักรของพระองค์ให้ขยายกว้างไกลออกไป {MH 498.4}

None should consent to be mere machines, run by another man’s mind. God has given us ability, to think and to act, and it is by acting with carefulness, looking to Him for wisdom that you will become capable of bearing burdens. Stand in your God-given personality. Be no other person’s shadow. Expect that the Lord will work in and by and through you. {MH 498.5}

ไม่ควรมีผู้ใดพอใจอยู่กับการเป็นเหมือนเครื่องจักรกลที่ต้องอาศัยผู้อื่นควบคุมให้ทำงาน พระเจ้าประทานความสามารถที่จะคิดและกระทำด้วยความระมัดระวังและแสวงหาสติปัญญาจากพระองค์ แล้วเราก็จะสามารถแบกรับภาระหนักเอาไว้ได้ จงตั้งมั่นอยู่ในบุคลิกลักษณะที่พระเจ้าประทานให้แก่ท่าน อย่าเป็นเงาของคนอื่น จงมุ่งหวังว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประกอบกิจในตัวท่านโดยท่านและผ่านท่าน {MH 498.5}

Never think that you have learned enough, and that you may now relax your efforts. The cultivated mind is the measure of the man. Your education should continue during your lifetime; every day you should be learning and putting to practical use the knowledge gained. {MH 499.1}

จงอย่าคิดว่าท่านเรียนรู้พอแล้วและบัดนี้สามารถผ่อนเบาความพยายามของท่านลงได้แล้ว จิตใจที่ผ่านการฝึกอบรมย่อมเป็นเครื่องขี้วัดคุณค่าความเป็นมนุษย์ การศึกษาของท่านควรดำเนินต่อไปตลอดชั่วชีวิตของท่าน ทุกๆวันท่านจะต้องเรียนรู้และนำความรู้ที่ได้มาไปปฏิบัติให้เกิดผล {MH 499.1}

Remember that in whatever position you may serve you are revealing motive, developing character. Whatever your work, do it with exactness, with diligence; overcome the inclination to seek an easy task. {MH 499.2}

จงจดจำไว้ว่า ไม่ว่าท่านจะรับใช้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ใดก็ตาม ท่านกำลังแสดงให้ผู้อื่นเห็นถึงจุดมุ่งหมายและการพัฒนาปรับปรุงอุปนิสัยของตนเองอยู่ ไม่ว่าท่านจะกระทำงานใด จงทำงานด้วยความละเอียดถี่ถ้วน ด้วยความขยันหมั่นเพียรและเอาชนะความต้องการที่มองหาแต่งานง่าย {MH 499.2}

The same spirit and principles that one brings into the daily labor will be brought into the whole life. Those who desire a fixed amount to do and a fixed salary, and who wish to prove an exact fit without the trouble of adaptation or training, are not the ones whom God calls to work in His cause. Those who study how to give as little as possible of their physical, mental, and moral power are not the workers upon whom He can pour out abundant blessings. Their example is contagious. Self-interest is the ruling motive. Those who need to be watched and who work only as every duty is specified to them, are not the ones who will be pronounced good and faithful. Workers are needed who manifest energy, integrity, diligence, those who are willing to do anything that needs to be done. {MH 499.3}

อารมณ์และหลักการแบบเดียวกันกับที่เราปฏิบัติอยู่ทุกวันจะนำไปใช้ได้ตลอดชีวิต คนทั้งหลายที่ปรารถนาจะทำงานในปริมาณที่คงที่และได้รับเงินเดือนที่แน่นอนตายตัว อีกทั้งยังคิดว่าตนมีความเหมาะสมกับงานโดยที่ไม่ต้องยุ่งยากกับการปรับตัวหรือต้องฝึกฝนอบรมใดๆ หาใช่ผู้ที่พระเจ้าจะทรงเรียกมารับใช้ในแผนงานของพระองค์ไม่ คนทั้งหลายที่รู้แต่จะใช้กำลังกาย กำลังสติปัญญาและกำลังฝ่ายศีลธรรมให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ย่อมไม่ใช่ผู้รับใช้ที่พระองค์จะทรงเทพระพรอย่างล้นเหลือให้ แบบอย่างของคนเหล่านี้แพร่สู่คนอื่นได้ง่าย ผลประโยชน์ของตนเองเป็นเจตนาขับเคลื่อนอยู่ คนทั้งหลายที่ต้องมีคนคอยควบคุมดูแลและทำงานแต่เฉพาะหน้าที่ที่ถูกกำหนดเท่านั้น ย่อมไม่ใช่ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้รับใช้ที่ดีและมีความสัตย์ซื่อ ผู้รับใช้ที่ต้องการนั้นต้องเป็นผู้ที่แสดงออกถึงความกระตือรือร้น ความซื่อสัตย์และความขยันหมั่นเพียร ทั้งยังเป็นผู้ที่เต็มใจทำในทุกสิ่งที่จำเป็นจะต้องทำ {MH 499.3}

Many become inefficient by evading responsibilities for fear of failure. Thus they fail of gaining that education which results from experience, and which reading and study and all the advantages otherwise gained cannot give them. {MH 500.1}

หลายคนกลายเป็นผู้ขาดประสิทธิ์ภาพโดยการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบเพราะเกรงว่าจะล้มเหลว เพราะเหตุนี้ คนเหล่านี้จึงพลาดโอกาสรับความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ ซึ่งการอ่านและการศึกษาเล่าเรียนและประโยชน์อื่นๆ ไม่สามารถให้แก่คนเหล่านี้ได้ {MH 500.1}

Man can shape circumstances, but circumstances should not be allowed to shape the man. We should seize upon circumstances as instruments by which to work. We are to master them, but should not permit them to master us. {MH 500.2}

มนุษย์สามารถกำหนดสถานการณ์ต่างๆได้ แต่มนุษย์ไม่ควรปล่อยให้เหตุการณ์ต่างๆมากำหนดแผนงานของตนเอง เราควรฉกฉวยทุกสถานการณ์มาเป็นเครื่องมือทำงาน เราต้องเป็นเจ้านายของสถานการณ์ ไม่ใช่ปล่อยให้สถานการณ์มาเป็นนายเหนือตัวเรา {MH 500.2}

Men of power are those who have been opposed, baffled, and thwarted. By calling their energies into action, the obstacles they meet prove to them positive blessings. They gain self-reliance. Conflict and perplexity call for the exercise of trust in God and for that firmness which develops power. {MH 500.3}

ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งทั้งหลายคือผู้ที่เคยถูกขัดขวาง เคยถูกทำให้หมดทางสู้และเคยถูกทำลายมาแล้ว เมื่อคนเหล่านี้ใช้กำลังความสามารถที่มีอยู่ เขาทั้งหลายรู้สึกว่าอุปสรรคต่างๆที่กำลังเผชิญนั้น กลับเป็นพระพรที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง เขาทั้งหลายเริ่มพึ่งพาตนเองได้ การต่อสู้และความยุ่งยากเดือดร้อนใจผลักดันให้เกิดความไว้วางใจในพระเจ้าและเกิดจิตใจที่หนักแน่นมั่นคงขึ้นเพื่อพัฒนาให้เกิดพลัง {MH 500.3}

Christ gave no stinted service. He did not measure His work by hours. His time, His heart, His soul and strength, were given to labor for the benefit of humanity. Through weary days He toiled, and through long nights He bent in prayer for grace and endurance that He might do a larger work. With strong crying and tears He sent His petitions to heaven, that His human nature might be strengthened, that He might be braced to meet the wily foe in all his deceptive workings, and fortified to fulfill His missions of uplifting humanity. To His workers He says, “I have given you an example, that ye should do as I have done.” John 13:15. {MH 500.4}

พระคริสต์ทรงไม่รับใช้ด้วยความเบื่อหน่าย พระองค์ทรงไม่ประเมินพระราชกิจของพระองค์เป็นรายชั่วโมง เวลาของพระองค์ พระราชหฤทัยของพระองค์ จิตวิญญาณและพระกำลังของพระองค์ทรงมอบให้กับงานเพื่อประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ ในเวลากลางวันอันเหน็ดเหนื่อย พระองค์ทรงตรากตรำทำงาน และตลอดเวลากลางคืนอันยาวนาน พระองค์ทรงโน้มพระกายลงเพื่ออธิษฐานทูลขอพระคุณและขันติความอดทนเพื่อพระองค์จะทรงประกอบกิจที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น พระองค์ทรงกันแสงด้วยพระอัสสุชลนองพระพักตร์เพื่อทูลอ้อนวอนขอต่อพระบิดาในสวรรค์เพื่อทรงช่วยให้สภาพธรรมชาติฝ่ายมนุษย์ของพระองค์ที่อ่อนแอมีกำลังที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น เพื่อพระองค์ได้รับการสนับสนุนสำหรับเผชิญหน้ากับการล่อลวงทุกๆอย่างของศัตรูผู้เจ้าเล่ห์ได้ รวมทั้งเสริมพระกำลังให้ทรงบรรลุผลในการยกระดับจิตวิญญาณของมนุษยชาติ พระองค์ตรัสกับผู้รับใช้ของพระองค์ว่า “เราได้วางแบบแก่ท่านแล้ว เพื่อให้ท่านทำเหมือนดังที่เราได้กระทำแก่ท่านด้วย” ยอห์น 13:15 {MH 500.4}

“The love of Christ,” said Paul, “constraineth us.” 2 Corinthians 5:14. This was the actuating principle of his conduct; it was his motive power. If ever his ardor in the path of duty flagged for a moment, one glance at the cross caused him to gird up anew the loins of his mind and press forward in the way of self-denial. In his labors for his brethren he relied much upon the manifestation of infinite love in the sacrifice of Christ, with its subduing, constraining power. {MH 500.5}

เปาโลกล่าวว่า “ความรักของพระคริสต์ได้ครอบครองเราอยู่” 2 โครินธ์ 5:14 สิ่งนี้เป็นหลักการที่เขาใช้ในการปฏิบัติตนและเป็นพลังที่คอยขับเคลื่อนในชีวิต หากความร้อนรนในหน้าที่รับผิดชอบของเขาเฉื่อยชาลงเพียงชั่วขณะเดียว เขาเพียงหันไปมองยังกางเขนเพื่อทำให้เกิดความกระตือรือร้นขึ้นใหม่และมุ่งหน้าบากบั่นต่อไปบนเส้นทางแห่งการเสียสละเพื่อผู้อื่น ในการทำงานเพื่อพี่น้องผู้เชื่อของเขานั้น เขาพึ่งพิงมากนักในความรักอันไม่สิ้นสุดที่ทรงสำแดงด้วยการพลีพระชนม์ของพระคริสต์ ซึ่งมีพลังสยบและควบคุมจิตใจ {MH 500.5}

How earnest, how touching, his appeal: “Ye know the grace of our Lord Jesus Christ, that, though He was rich, yet for your sakes He became poor, that ye through His poverty might be rich.” 2 Corinthians 8:9. You know the height from which He stooped, the depth of humiliation to which He descended. His feet entered upon the path of sacrifice and turned not aside until He had given His life. There was no rest for Him between the throne in heaven and the cross. His love for man led Him to welcome every indignity and suffer every abuse. {MH 501.1}

เปาโลวิงวอนร้องขอด้วยถ้อยคำที่จริงใจและจับใจว่า “ท่านทั้งหลายรู้จักพระคุณของพระเยซูคริสต์เจ้าของเราแล้วว่า แม้พระองค์มั่งคั่ง พระองค์ก็ยังทรงยอมเป็นคนยากจน เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนมั่งมี เนื่องจากความยากจนของพระองค์ “ 2 โครินธ์ 8:9 ท่านทั้งหลายย่อมทราบดีว่าพระองค์ทรงถ่อมพระองค์ลงจากสวรรคสถานอันสูงส่งมาบังเกิดเป็นมนุษย์ในสภาพอันต่ำต้อย พระบาทของพระองค์ก้าวย่างสู่มรรคาที่ต้องถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชา และพระองค์ไม่ได้ทรงหันเหไปจากทางนั้นจนกระทั่งพระองค์ได้ถึงซึ่งความมรณา พระองค์ทรงไม่เคยหยุดพักพระวรกายในระหว่างที่พระองค์เสด็จจากพระบัลลังก์บนสวรรค์จนกระทั่งถึง ณ ที่กางเขน ความรักที่พระองค์ทรงมีต่อมนุษย์นำพาให้พระองค์ทรงยอมรับความอัปยศอดสูและทรงยอมทนต่อการกดขี่ข่มเหงทั้งปวง {MH 501.1}

Paul admonishes us to “look not every man on his own things, but every man also on the things of others.” He bids us possess the mind “which was also in Christ Jesus: who, being in the form of God, thought it not robbery to be equal with God: but made Himself of no reputation, and took upon Him the form of a servant, and was made in the likeness of men: and being found in fashion as a man, He humbled Himself, and became obedient unto death, even the death of the cross.” Philippians 2:4-8. {MH 501.2}

เปาโลเตือนเราทั้งหลายว่า “อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆด้วย” เขาได้กำชับให้เรามีจิตใจ “เหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ แต่ได้กลับทรงสละ และทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน” ฟีลิปปี 2:4-8 {MH 501.2}

Paul was deeply anxious that the humiliation of Christ should be seen and realized. He was convinced that if men could be led to consider the amazing sacrifice made by the Majesty of heaven, selfishness would be banished from their hearts. The apostle lingers over point after point, that we may in some measure comprehend the wonderful condescension of the Saviour in behalf of sinners. He directs the mind first to the position which Christ occupied in heaven in the bosom of His Father; he reveals Him afterward as laying aside His glory, voluntarily subjecting Himself to the humbling conditions of man’s life, assuming the responsibilities of a servant, and becoming obedient unto death, and that the most ignominious and revolting, the most agonizing–the death of the cross. Can we contemplate this wonderful manifestation of the love of God without gratitude and love, and a deep sense of the fact that we are not our own? Such a Master should not be served from grudging, selfish motives. {MH 501.3}

เปาโลมีความร้อนรนต้องการให้ผู้คนทั่วไปรู้เห็นและตระหนักถึงความถ่อมพระองค์ของพระคริสต์ เขามั่นใจว่า ถ้ามนุษย์จักได้เข้าใจถึงการทรงพลีพระชนม์อย่างน่าพิศวงขององค์ผู้ทรงเดชานุภาพแห่งสวรรค์ละแล้ว ความเห็นแก่ตัวจะถูกกำจัดออกไปจากจิตใจของเขาทั้งหลาย ท่านอัครสาวกพยายามย้ำให้เราเห็นทีละข้อๆเพื่อเราจะเข้าใจไม่มากก็น้อยถึงความน่าพิศวงที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงถ่อมพระองค์จนถึงความมรณาเพื่อคนบาปทั้งปวง แรกสุดท่านเปาโลนำความคิดของเราไปเข้าใจสถานะที่พระคริสต์ได้ทรงดำรงอยู่ในอ้อมพระทรวงของพระบิดาในสวรรค์ ต่อมายังได้เผยให้รู้ว่าพระองค์ทรงละทิ้งสง่าราศีของพระองค์ ทรงสมัครพระทัยยอมถ่อมพระองค์มาบังเกิดในสภาพที่ต่ำต้อยเป็นมนุษย์ในโลก ทรงยอมรับภาระหน้าที่ในฐานะของผู้รับใช้ และทรงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณาและเป็นความตายที่ไร้ศีลธรรมและน่าสยดสยอง อีกทั้งยังเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างที่สุด นั่นคือความตายบนไม้กางเขน เราจะใคร่ครวญถึงความรักอันน่าอัศจรรย์ที่พระเจ้าทรงสำแดงแก่เราโดยที่ไม่รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณและความรักอีกทั้งยังไม่รู้ซึ้งถึงความจริงที่ว่าเราไม่ได้เป็นเจ้าของๆ ตัวเราเองไปได้อย่างไร เรารับใช้เจ้านายที่มีลักษณะเช่นนี้อย่างฝืนใจและเห็นแก่ตัวไม่ได้ {MH 501.3}

“Ye know,” says Peter, “that ye were not redeemed with corruptible things, as silver and gold.” 1 Peter 1:18. Oh, had these been sufficient to purchase the salvation of man, how easily it might have been accomplished by Him who says, “The silver is Mine, and the gold is Mine”! Haggai 2:8. But the sinner could be redeemed only by the precious blood of the Son of God. Those who, failing to appreciate this wonderful sacrifice, withhold themselves from Christ’s service, will perish in their selfishness. {MH 502.1}

เปโตรกล่าวว่า “ท่านรู้ว่า… พระองค์มิได้ทรงไถ่ท่านไว้ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้ เช่นเงินและทอง” 1 เปโตร 1:18 หากสิ่งเหล่านี้มีค่ามากพอที่จะซื้อความรอดของมนุษย์ได้ พระองค์ผู้ตรัสว่า“เงินเป็นของเรา และทองคำเป็นของเรา” ฮักกาย 2:8 ก็คงทรงจัดการกับเรื่องนี้ให้สำเร็จได้อย่างง่ายดายเพียงไร แต่ด้วยพระโลหิตอันประเสริฐของพระบุตรของพระเจ้าเท่านั้น ที่ไถ่คนบาปให้ได้รับความรอดได้ ผู้ที่ไม่ชื่นชมการทรงพลีพระชนม์อันแสนอัศจรรย์นี้ย่อมหลีกเลี่ยงการปรนนิบัติรับใช้พระคริสต์และย่อมจะพินาศในที่สุดอันเนื่องจากความเห็นแก่ตัวของเขาเอง {MH 502.1}

Singleness of Purpose In the life of Christ, everything was made subordinate to His work, the great work of redemption which He came to accomplish. And the same devotion, the same self-denial and sacrifice, the same subjection to the claims of the word of God, is to be manifest in His disciples. {MH 502.2}

จุดมุ่งหมายที่เป็นเอกเทศ ตลอดพระชนม์ชีพของพระคริสต์ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนด้อยค่าเมื่อเทียบกับพันธกิจของพระองค์ พันธกิจยิ่งใหญ่ของการไถ่มนุษย์ให้รอดซึ่งพระองค์เสด็จมาเพื่อกระทำการนี้ให้สำเร็จ และการอุทิศตนแบบเดียวกัน การปฏิเสธความต้องการของตนเองและการเสียสละแบบเดียวกันรวมทั้งการยอมจำนนต่อคำบัญญัติตามพระวจนะของพระเจ้าแบบเดียวกันจึงสำแดงออกผ่านทางพันธกิจของเหล่าสาวกของพระองค์ {MH 502.2}

Everyone who accepts Christ as his personal Saviour will long for the privilege of serving God. Contemplating what heaven has done for him, his heart is moved with boundless love and adoring gratitude. He is eager to signalize his gratitude by devoting his abilities to God’s service. He longs to show his love for Christ and for His purchased possession. He covets toil, hardship, sacrifice. {MH 502.3}

ทุกคนที่ยอมรับพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของตนเองย่อมปรารถนาในสิทธิพิเศษที่จะได้ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า เมื่อใคร่ครวญถึงสิ่งที่สวรรค์ได้กระทำเพื่อเขา เขาจะประทับใจในความรักอันไม่มีที่สิ้นสุดและพระคุณที่เต็มล้นด้วยความรัก เขาปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแสดงออกถึงความซาบซึ้งในพระคุณด้วยการทุ่มเทความสามารถเพื่อปรนนิบัติรับใช้ในพันธกิจของพระเจ้า เขาเฝ้าใฝ่ฝันที่จะแสดงความรักของเขาแด่พระคริสต์และแด่เหล่าจิตวิญญาณที่พระองค์ทรงไถ่ไว้ เขาเต็มใจที่จะทำงานหนัก ยอมทนลำบากและเสียสละ {MH 502.3}

The true worker for God will do his best, because in so doing he can glorify his Master. He will do right in order to regard the requirements of God. He will endeavor to improve all his faculties. He will perform every duty as unto God. His one desire will be that Christ may receive homage and perfect service. {MH 502.4}

ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้าจะพยายามทำงานของเขาอย่างดีที่สุด เพราะการกระทำเช่นนั้น เป็นการเทิดทูนพระสิริของจอมเจ้านายของเขา เขาจะทำทุกสิ่งให้ถูกต้องตามพระประสงค์ของพระเจ้า เขาจะพยายามปรับปรุงพัฒนาความสามารถทั้งหมดที่เขามีให้ดียิ่งขึ้น เขาจะกระทำหน้าที่ทุกๆอย่างเพื่อพระเจ้า ความปรารถนาเดียวของเขาคือ เพื่อพระคริสต์จักได้รับการเคารพบูชาและการปรนนิบัติรับใช้อย่างดีเลิศ {MH 502.4}

There is a picture representing a bullock standing between a plow and an altar, with the inscription, “Ready for either,” ready to toil in the furrow or to be offered on the altar of sacrifice. This is the position of the true child of God–willing to go where duty calls, to deny self, to sacrifice for the Redeemer’s cause. {MH 502.5}

มีรูปภาพอยู่รูปหนึ่งซึ่งเป็นรูปวัวที่กำลังยืนอยู่ระหว่างคันไถและแท่นบูชา พร้อมกับมีข้อความจารึกไว้ว่า “จงเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งหนึ่งสิ่งใด” ซึ่งหมายถึง การเตรียมพร้อมที่จะคาดไถในนาหรือยอมมอบตัวเองบนแท่นบูชาแห่งการเสียสละ นี้คือตำแหน่งหน้าที่ของบุตรผู้ซื่อสัตย์ของพระเจ้าที่เต็มใจพร้อมจะออกไปทำงานเมื่อพระเจ้าทรงเรียกเขา พร้อมที่จะปฏิเสธตนเองและเสียสละเพื่อแผนการแห่งการไถ่ให้รอดของพระองค์ {MH 502.5}