Chapter 33 (บทที่ 33)
“Home Influences”
“อิทธิพลของครอบครัว”
The home should be to the children the most attractive place in the world, and the mother’s presence should be its greatest attraction. Children have sensitive, loving natures. They are easily pleased and easily made unhappy. By gentle discipline, in loving words and acts, mothers may bind their children to their hearts. {MH 388.1}
ครอบครัวควรเป็นสถานที่ๆ น่าอยู่มากที่สุดในโลกสำหรับลูกๆ และเมื่อมีมารดาอยู่ด้วยยิ่งเป็นจุดดึงดูดความสนใจมากที่สุด ธรรมชาติของเด็กนั้นมีอารมณ์ที่อ่อนไหวและต้องการความรัก บิดามารดาสามารถทำให้ลูกๆ มีความสุขได้อย่างง่ายดายแต่ก็สามารถทำให้ลูกๆ เสียใจได้อย่างง่ายดายด้วยเช่นกัน โดยการอบรมสั่งสอนด้วยความอ่อนโยน โดยคำพูดและการกระทำที่แสดงออกถึงความรัก มารดาย่อมสามารถทำให้บุตรผูกพันสนิทสนมกับตนได้ {MH 388.1}
Young children love companionship and can seldom enjoy themselves alone. They yearn for sympathy and tenderness. That which they enjoy they think will please mother also, and it is natural for them to go to her with their little joys and sorrows. The mother should not wound their sensitive hearts by treating with indifference matters that, though trifling to her, are of great importance to them. Her sympathy and approval are precious. An approving glance, a word of encouragement or commendation, will be like sunshine in their hearts, often making the whole day happy. {MH 388.2}
เด็กเยาว์วัยชอบมีเพื่อนเล่นและไม่ชอบเล่นสนุกอยู่คนเดียว พวกเขาต้องการความเห็นอกเห็นใจและความรัก สิ่งใดที่เด็กๆ มีความพอใจ ก็คิดว่ามารดาย่อมจะชื่นชอบด้วย และเป็นธรรมชาติที่เด็กๆ จะไปหามารดาเมื่อมีความสุขและความเสียใจแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ มารดาไม่ควรทำร้ายจิตใจที่อ่อนไหวของเด็กๆ ด้วยการทำตัวเฉยเมยไม่สนใจ แม้จะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับพวกเขาแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ความเห็นอกเห็นใจและความชื่นชมของมารดาเป็นสิ่งล้ำค่า การเหลียวมองด้วยสายตาที่เห็นชอบด้วย การกล่าวคำให้กำลังใจหรือชมเชยเป็นเหมือนดังแสงตะวันในดวงใจของลูกๆ และบ่อยครั้งทำให้ลูกๆ สุขใจไปตลอดวัน {MH 388.2}
Instead of sending her children from her, that she may not be annoyed by their noise or troubled by their little wants, let the mother plan amusement or light work to employ the active hands and minds. {MH 388.3}
มารดาควรวางแผนหาอะไรให้ลูกเล่นหรือหน้าที่เบาๆ ให้ทำเพื่อให้มือเท้าและสมองของลูกได้ใช้งานให้เกิดความคล่องแคล้วว่องไวอยู่เสมอ แทนที่จะบอกลูกๆ ให้ไปเล่นไกลตัวเพื่อไม่ให้ส่งเสียงเอะอะวุ่นวายเพราะอยากจะได้โน่นได้นี่ {MH 388.3}
By entering into their feelings and directing their amusements and employments, the mother will gain the confidence of her children, and she can the more effectually correct wrong habits, or check the manifestations of selfishness or passion. A word of caution or reproof spoken at the right time will be of great value. By patient, watchful love, she can turn the minds of the children in the right direction, cultivating in them beautiful and attractive traits of character. {MH 389.1}
โดยการเข้าถึงความรู้สึกและการแนะนำลูกๆ ถึงวิธีของการละเล่นหรือหน้าที่ๆ มอบให้ มารดาจะเอาชนะความไว้วางใจของลูกๆ ได้ และจะสามารถแก้ไขนิสัยที่ไม่ดีของลูกๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้นหรือสามารถหยุดยั้งนิสัยที่เห็นแก่ตัวหรือมีอารมณ์ที่รุนแรงได้ ถ้อยคำตักเตือนหรือการว่ากล่าวสั่งสอนโดยถูกกาลเทศะเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งต่อลูกๆ โดยอาศัยความรักที่คอยติดตามอย่างอดทน มารดาย่อมสามารถหันเหความคิดของลูกๆ ไปในทางที่ถูกต้องและปลูกฝังให้ลูกๆ มีอุปนิสัยที่น่ารักและงดงาม {MH 389.1}
Mothers should guard against training their children to be dependent and self-absorbed. Never lead them to think that they are the center, and that everything must revolve around them. Some parents give much time and attention to amusing their children, but children should be trained to amuse themselves, to exercise their own ingenuity and skill. Thus they will learn to be content with very simple pleasures. They should be taught to bear bravely their little disappointments and trials. Instead of calling attention to every trifling pain or hurt, divert their minds, teach them to pass lightly over little annoyances or discomforts. Study to suggest ways by which the children may learn to be thoughtful for others. {MH 389.2}
มารดาควรหลีกเลี่ยงการอบรมสั่งสอนลูกๆ ต้องพึ่งผู้อื่นและเก็บความทุกข์ไว้กับตัวเอง อย่าทำให้ลูกๆ คิดว่าตนเองสำคัญเป็นศูนย์กลางที่ทุกสิ่งรายล้อมอยู่ พ่อแม่บางคนใช้เวลาและการเอาใจใส่มากเพื่อทำให้ลูกๆ มีความสนุกสนาน แต่เด็กๆ ควรถูกสอนให้รู้จักหาความสนุกสนานให้แก่ตัวเองโดยใช้ความคิดสร้างสรรค์และทักษะของตนเอง ด้วยเหตุนี้ ลูกๆ จะเรียนรู้ถึงความพึงพอใจกับความสนุกสนานที่เรียบง่าย ลูกๆ ควรเรียนรู้ที่จะอดทนอย่างเข้มแข็งต่อความผิดหวังและความยากลำบากเล็กๆ น้อยๆ แทนที่จะคอยเรียกร้องความสนใจเมื่อต้องเจ็บปวดหรือเสียใจเล็กๆ น้อยๆ ทุกครั้งไป เราต้องหันเหความคิดของลูกๆ ไปทางอื่น จงสั่งสอนพวกเขาให้รู้จักมองข้ามสิ่งที่ไม่พึงพอใจหรือสิ่งที่ลำบากบ้างในบางเวลา จงพิจารณาดูว่าจะชี้แนะสั่งสอนลูกๆ ให้รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้อย่างไร {MH 389.2}
But let not the children be neglected. Burdened with many cares, mothers sometimes feel that they cannot take time patiently to instruct their little ones and give them love and sympathy. But they should remember that if the children do not find in their parents and in their home that which will satisfy their desire for sympathy and companionship, they will look to other sources, where both mind and character may be endangered. {MH 389.3}
แต่จงอย่าปล่อยให้ลูกๆ ถูกทอดทิ้ง การที่ต้องแบกรับภาระไว้มากมาย บางครั้งมารดาอาจรู้สึกว่าตนเองไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนลูกน้อยของตนอย่างอดทนหรือให้ความรักและความเห็นอกเห็นใจได้ แต่มารดาควรจดจำไว้ว่า หากลูกๆ ไม่ได้รับความเป็นเพื่อนและความเห็นอกเห็นใจจากบิดามารดาหรือจากครอบครัว เขาทั้งหลายจะมองหาสิ่งนี้จากแหล่งอื่นที่เป็นอันตรายต่อทั้งความคิดและอุปนิสัย {MH 389.3}
For lack of time and thought, many a mother refuses her children some innocent pleasure, while busy fingers and weary eyes are diligently engaged on work designed only for adornment, something that, at best, will serve only to encourage vanity and extravagance in their young hearts. As the children approach manhood and womanhood, these lessons bear fruit in pride and moral worthlessness. The mother grieves over her children’s faults, but does not realize that the harvest she is reaping is from seed which she herself planted. {MH 389.4}
โดยไม่มีเวลาและไม่ทันได้คิด มารดาหลายคนไม่ยอมใช้เวลาเล่นสนุกกับลูกๆ เพราะมัวแต่ยุ่งวุ่นวายและเหน็ดเหนื่อยกับงานตกแต่งประดับประดา ซึ่งอย่างดีที่สุดแล้วก็เป็นแต่เพียงบางสิ่งที่ส่งเสริมให้เกิดความเย่อหยิ่งและความฟุ้งเฟ้อในจิตใจของลูกๆ เมื่อเด็กเหล่านี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ลูกๆ เกิดความเย่อหยิ่งและมีศีลธรรมจรรยาที่ไร้ค่า มารดาเกิดความเศร้าเสียใจเมื่อลูกๆ ทำผิด แต่หารู้สึกตัวไม่ว่าตัวเองกำลังเก็บเกี่ยวผลจากสิ่งที่ได้หว่านไว้แล้วนั่นเอง {MH 389.4}
Some mothers are not uniform in the treatment of their children. At times they indulge them to their injury, and again they refuse some innocent gratification that would make the childish heart very happy. In this they do not imitate Christ; He loved the children; He comprehended their feelings and sympathized with them in their pleasures and their trials. {MH 390.1}
มารดาบางคนไม่มีความสม่ำเสมอในการอบรมเลี้ยงดูลูกๆ บางครั้งก็ตามใจเกินควรจนเป็นผลร้าย ในทางตรงกันข้ามกลับไม่ยอมให้ลูกๆ ได้สนุกสนานกับสิ่งที่ไม่มีพิษมีภัยที่ให้ความสุขแก่จิตใจ ในเรื่องเช่นนี้ มารดาเหล่านี้มิได้ปฏิบัติตามแบบอย่างของพระคริสต์ พระองค์ทรงรักเด็กๆ พระองค์ทรงเข้าพระทัยถึงความรู้สึก และพระองค์ทรงเห็นอกเห็นใจเขาทั้งในเวลาที่มีความสุขและความทุกข์ {MH 390.1}
The Father’s Responsibility The husband and father is the head of the household. The wife looks to him for love and sympathy, and for aid in the training of the children; and this is right. The children are his as well as hers, and he is equally interested in their welfare. The children look to their father for support and guidance; he needs to have a right conception of life and of the influences and associations that should surround his family; above all, he should be controlled by the love and fear of God and by the teaching of His word, that he may guide the feet of his children in the right way. {MH 390.2}
หน้าที่ของบิดา สามีและบิดาเป็นหัวหน้าของครอบครัว ภรรยาหวังพึ่งในความรักและความเห็นอกเห็นใจจากเขา และต้องการให้เขาช่วยในการอบรมสั่งสอนลูกๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ลูกๆ เป็นของสามีเท่าๆ กับเป็นของภรรยาและเขามีหน้าที่เอาใจใส่ดูแลทุกข์สุขของทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ลูกๆ พึ่งบิดาในการดูแลเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอน เขาจำเป็นต้องมีความคิดความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องของชีวิตและในเรื่องของอิทธิพลและการคบหาสมาคมกับบุคคลต่างๆ ที่สมควรมาเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเขาด้วย เหนือสิ่งอื่นใด เขาควรอยู่ภายใต้การควบคุมของรักและความยำเกรงในพระเจ้าและคำสอนของพระวจนะของพระเจ้าเพื่อจะนำพาลูกๆ ของเขาให้ดำเนินไปในหนทางที่ถูกต้องได้ {MH 390.2}
The father is the lawmaker of the household; and, like Abraham, he should make the law of God the rule of his home. God said of Abraham, “I know him, that he will command his children and his household.” Genesis 18:19. There would be no sinful neglect to restrain evil, no weak, unwise, indulgent favoritism; no yielding of his conviction of duty to the claims of mistaken affection. Abraham would not only give right instruction, but he would maintain the authority of just and righteous laws. God has given rules for our guidance. Children should not be left to wander away from the safe path marked out in God’s word, into ways leading to danger, which are open on every side. Kindly, but firmly, with persevering, prayerful effort, their wrong desires should be restrained, their inclinations denied. {MH 390.3}
บิดาเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์และข้อบังคับภายในบ้าน และเช่นเดียวกับอับราฮัม เขาควรนำพระบัญญัติของพระเจ้ามาเป็นกฎเกณฑ์ของครอบครัว พระเจ้าตรัสเกี่ยวกับอับราอัมว่า “เพราะว่าเรารู้จักเขา เพื่อเขาจะได้กำชับลูกหลานและครอบครัวของเขาที่สืบมา“ ปฐมกาล 18:19 สำหรับอับราฮัม ไม่มีการปล่อยปละละเลยในการขัดขืนความต้องการกระทำสิ่งเลวชั่วที่ไม่ผิดบาป ความอ่อนแอ ความโง่เขลา ความลำเอียง ก็เช่นเดียวกัน เขาไม่เคยอ้างการหลงผิดเหล่านี้มาเป็นข้อแก้ตัวในความผิดต่อหน้าที่ของเขาเลย อับราฮัมไม่เพียงแต่อบรมสั่งสอนในทางที่ถูกต้องเท่านั้น แต่เขายังยึดมั่นอยู่ในสิทธิอำนาจของพระบัญญัติที่เปี่ยมด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม พระเจ้าทรงวางข้อบัญญัติไว้เพื่อนำทางเรา ลูกๆ ไม่ควรถูกปล่อยให้หลงไปจากทางปลอดภัยที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ในพระวจนะของพระองค์ เข้าสู่หนทางที่นำไปสู่ภัยอันตรายที่มีอยู่รอบด้าน ด้วยความเมตตาแต่เข้มแข็ง ด้วยการเพียรอธิษฐานอย่างอดทน ความปรารถนาในการทำสิ่งผิดบาปของลูกๆ จะถูกยับยั้ง แรงจูงใจเหล่านั้นจะถูกปฏิเสธ {MH 390.3}
The father should enforce in his family the sterner virtues –energy, integrity, honesty, patience, courage, diligence, and practical usefulness. And what he requires of his children he himself should practice, illustrating these virtues in his own manly bearing. {MH 391.1}
บิดาควรบังคับใช้คุณความดีที่เข้มงวดกว่านี้ภายในครอบครัว ความคล่องแคล้วว่องไว จริยธรรม ความสัตย์ซื่อ ความอดกลั้น ความกล้าหาญ ความขยันและการบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ สิ่งที่บิดาปรารถนาให้ลูกๆ ทำ เขาเองต้องปฏิบัติให้เห็นถึงคุณงามความดีเหล่านี้ในชีวิตของเขาเอง {MH 391.1}
But, fathers, do not discourage your children. Combine affection with authority, kindness and sympathy with firm restraint. Give some of your leisure hours to your children; become acquainted with them; associate with them in their work and in their sports, and win their confidence. Cultivate friendship with them, especially with your sons. In this way you will be a strong influence for good. {MH 391.2}
แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา จงอย่าทำให้ลูกๆ ของท่านท้อถอยหมดกำลังใจ จงแสดงความรักร่วมกับการมีสิทธิอำนาจ ความเมตตากรุณาและความเห็นอกเห็นใจร่วมกับการยับยั้งใจที่แน่วแน่ ใช้เวลาว่าง ทำตัวให้สนิทสนมกับลูกๆ เข้าร่วมทำงานและหยอกล้อเล่นสนุกสนานด้วยกัน เพื่อชนะความมั่นใจในตัวท่านของลูกๆ จงเสริมสร้างมิตรภาพกับลูกๆ โดยเฉพาะกับลูกชาย โดยวิธีนี้ ท่านจะเป็นอิทธิพลที่เข้มแข็งนำไปสู่สิ่งที่ดีงาม {MH 391.2}
The father should do his part toward making home happy. Whatever his cares and business perplexities, they should not be permitted to overshadow his family; he should enter his home with smiles and pleasant words. {MH 392.1}
บิดาควรปฏิบัติหน้าที่ของตนในการทำให้ครอบครัวมีความสุข ไม่ว่าเขาจะมีความวิตกกังวลและความยุ่งยากในเรื่องของงานมากเพียงไร เขาก็ไม่ควรนำเรื่องเหล่านั้นมาทำให้ครอบครัวไม่มีความสุข เขาควรกลับเข้าบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและวาจาไพเราะอ่อนหวาน {MH 392.1}
In a sense the father is the priest of the household, laying upon the family altar the morning and evening sacrifice. But the wife and children should unite in prayer and join in the song of praise. In the morning before he leaves home for his daily labor, let the father gather his children about him and, bowing before God, commit them to the care of the Father in heaven. When the cares of the day are past, let the family unite in offering grateful prayer and raising the song of praise, in acknowledgment of divine care during the day. {MH 392.2}
ถ้าจะพูดอีกนัยหนึ่ง บิดาเป็นปุโรหิตของครอบครัว เขาต้องถวายเครื่องบูชาบนแท่นบูชาของครอบครัวในเวลาเช้าและในเวลาเย็น แต่ภรรยาและลูกๆ ควรเข้าร่วมด้วยการอธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ในเวลาเช้าก่อนที่เขาจะออกจากบ้านไปทำงาน ให้บิดารวบรวมลูกๆ มาพร้อมหน้ากันและก้มศรีษะนมัสการต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า และมอบเด็กเหล่านั้นไว้ให้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของพระบิดาบนสวรรค์ เมื่อได้เสร็จสิ้นการงานของวันแล้ว ให้ทุกคนในครอบครัวร่วมกันถวายคำอธิษฐานด้วยโมทนาพระคุณและร้องเพลงสรรเสริญ เพื่อน้อมรับการคุ้มครองของพระเจ้าที่ผ่านมาตลอดทั้งวัน {MH 392.2}
Fathers and mothers, however pressing your business, do not fail to gather your family around God’s altar. Ask for the guardianship of holy angels in your home. Remember that your dear ones are exposed to temptations. Daily annoyances beset the path of young and old. Those who would live patient, loving, cheerful lives must pray. Only by receiving constant help from God can we gain the victory over self. {MH 393.1}
ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา มารดา ไม่ว่าการงานของท่านจะกดดันเพียงไร จงอย่าละเลยที่จะรวมตัวทุกคนในครอบครัวมาที่แท่นบูชาของพระเจ้า จงทูลขอพระองค์ประทานการคุ้มครองของทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์แก่ครอบครัวของท่าน จงระลึกว่าบุตรธิดาของท่านเปิดโอกาสแก่การทดลองต่างๆ ความยุ่งยากใจรายวันลุมล้อมทุกคนทั้งคนหนุ่มคนสาวและคนอายุมาก คนทั้งหลายที่ประสงค์จะใช้ชีวิตอย่างอดทน ด้วยความรักและด้วยจิตใจที่ร่าเริงต้องอธิษฐาน เราจะเอาชนะตนเองได้ ก็ด้วยการที่เราได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา {MH 393.1}
Home should be a place where cheerfulness, courtesy, and love abide; and where these graces dwell, there will abide happiness and peace. Troubles may invade, but these are the lot of humanity. Let patience, gratitude, and love keep sunshine in the heart, though the day may be ever so cloudy. In such homes angels of God abide. {MH 393.2}
ครอบครัวควรจะเป็นที่ๆ มีความสดชื่นเบิกบานใจ มีความสุภาพอ่อนโยนและมีความรักดำรงอยู่ และที่ใดที่มีคุณงามความดีเหล่านี้อยู่ ก็จะมีความสุขและสันติสุขอยู่ด้วย บางครั้ง ความทุกข์ยากอาจจะกล้ำกรายเข้ามาเยือน แต่ก็เป็นเหตุการณ์ธรรมดาของมนุษยชาติ จงให้ความอดทน ความซาบซึ้งในพระคุณและความรักได้ส่องสว่างในจิตใจอย่างมีความความสุข แม้วันนั้นอาจจะเคลิ้มฝนอยู่บ้าง ในครอบครัวเช่นนี้ ทูตสวรรค์ของพระเจ้าย่อมสถิตอยู่ด้วย {MH 393.2}
Let the husband and wife study each other’s happiness, never failing in the small courtesies and little kindly acts that cheer and brighten the life. Perfect confidence should exist between husband and wife. Together they should consider their responsibilities. Together they should work for the highest good of their children. Never should they in the presence of the children criticize each other’s plans or question each other’s judgment. Let the wife be careful not to make the husband’s work for the children more difficult. Let the husband hold up the hands of his wife, giving her wise counsel and loving encouragement. {MH 393.3}
สามีและภรรยาควรศึกษาถึงความสุขของกันและกัน อย่าละเลยที่จะแสดงออกถึงความสุภาพอ่อนโยนและการเอาอกเอาใจในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ชีวิตมีความแช่มชื่นและร่าเริงแจ่มใส ความไว้วางใจกันอย่างสมบูรณ์ควรมีอยู่ในคู่สามีและภรรยา เขาทั้งสองควรปรึกษาพิจารณาความรับผิดชอบทั้งปวงร่วมกัน ควรร่วมใจกันทำงานเพื่อให้ลูกๆ ได้รับประโยชน์สูงสุด ไม่ควรที่จะว่ากล่าวติเตียนแผนการของแต่ละคนต่อหน้าลูกหรือตั้งข้อสงสัยในการตัดสินใจของแต่ละคน ให้ภรรยาระมัดระวัง อย่าทำให้การงานของสามีที่ทำเพื่อลูกนั้นต้องมีปัญหาเพิ่มขึ้น ให้สามีช่วยเหลือภรรยาด้วยการให้คำปรึกษาแนะนำที่เปี่ยมด้วยปัญญาและให้กำลังใจแก่ภรรยาด้วยความรัก {MH 393.3}
No barrier of coldness and reserve should be allowed to arise between parents and children. Let parents become acquainted with their children, seeking to understand their tastes and dispositions, entering into their feelings, and drawing out what is in their hearts. {MH 394.1}
อย่าให้เกิดความมึนชาเฉยเมยและการสงวนท่าทีระหว่างบิดามารดาและลูกๆ จงให้บิดามารดาทำตัวสนิทสนมกับลูกๆ ขวนขวายที่จะเข้าใจถึงความชอบและอารมย์ของลูกๆ เข้าถึงความรู้สึกและนำเอาสิ่งที่ต้องการในจิตใจของลูกๆ ออกมา {MH 394.1}
Parents, let your children see that you love them and will do all in your power to make them happy. If you do so, your necessary restrictions will have far greater weight in their young minds. Rule your children with tenderness and compassion, remembering that “their angels do always behold the face of My Father which is in heaven.” Matthew 18:10. If you desire the angels to do for your children the work given them of God, co-operate with them by doing your part. {MH 394.2}
ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดามารดา จงแสดงให้ลูกๆ เห็นว่าท่านรักพวกเขาและจะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะทำให้พวกเขามีความสุข หากท่านทำเช่นนี้ ข้อกฎเกณฑ์ข้อห้ามที่จำเป็นต่างๆ จะยิ่งเพิ่มคุณค่าที่หนักแน่นในจิตใจของลูกๆ จงปกครองลูกๆ ด้วยด้วยความรักและความเห็นอกเห็นใจ จงระลึกไว้เสมอว่า “ทูตสวรรค์ประจำของเขาเฝ้าอยู่เสมอต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์” มัทธิว 18:10 ถ้าท่านปรารถนาให้เหล่าทูตสวรรค์ช่วยเหลือลูกๆ ของท่านตามที่พระเจ้าทรงบัญชาแก่เหล่าทูตสวรรค์ให้กระทำนั้น ท่านก็ต้องร่วมมือกับเหล่าทูตสวรรค์ด้วยการปฏิบัติในหน้าที่ของตน {MH 394.2}
Brought up under the wise and loving guidance of a true home, children will have no desire to wander away in search of pleasure and companionship. Evil will not attract them. The spirit that prevails in the home will mold their characters; they will form habits and principles that will be a strong defense against temptation when they shall leave the home shelter and take their place in the world. {MH 394.3}
ถ้าเด็กได้รับการอบรมเลี้ยงดูภายใต้แนวทางของความรักและความฉลาดรอบคอบของครอบครัวที่ซื่อสัตย์จริงใจแล้ว ลูกๆ ก็จะไม่ต้องการไปแสวงหาความสนุกสนานและเพื่อนเล่นในที่อื่น เขาจะไม่สนใจในสิ่งชั่วร้าย จิตวิญญาณที่มีอยู่ภายในบ้านก็จะหล่อหลอมขัดเกลาอุปนิสัย บ่มเพาะนิสัยและหลักการที่เป็นโล่ห์กำบังอันแข็งแรงต่อต้านการทดลอง เมื่อเขาทั้งหลายต้องออกจากครอบครัวและไปประกอบหน้าที่การงานในโลกกว้าง {MH 394.3}
Children as well as parents have important duties in the home. They should be taught that they are a part of the home firm. They are fed and clothed and loved and cared for, and they should respond to these many mercies by bearing their share of the home burdens and bringing all the happiness possible into the family of which they are members. {MH 394.4}
ลูกๆ มีหน้าที่สำคัญในครอบครัวเช่นเดียวกับบิดามารดา บิดามารดาควรสอนลุกๆ ให้ทราบว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว พวกเขาได้รับการเลี้ยงดู ได้มีเสื้อผ้าแต่งกาย ได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่ ดังนั้น เขาทั้งหลายจึงควรตอบแทนความเมตตากรุณาที่ได้รับมากมายด้วยการแบ่งเบาภาระของครอบครัว และนำความสุขเท่าที่จะทำได้มาสู่ครอบครัวในฐานะที่เป็นสมาชิกคนหนึ่ง {MH 394.4}
Children are sometimes tempted to chafe under restraint; but in afterlife they will bless their parents for the faithful care and strict watchfulness that guarded and guided them in their years of inexperience. {MH 394.5}
บางครั้ง ลูกๆ ต้องถูกทดลองให้แสดงความไม่พอใจที่บิดามารดาเข้มงวดในการห้ามปราม แต่ต่อไปในภายหน้า เขาทั้งหลายก็จะเป็นพระพรแก่บิดามารดาที่ได้เอาใจใส่ดูแลด้วยความซื่อสัตย์และด้วยความเข้มงวด ซึ่งเป็นสิ่งปกป้องและนำทางเขาทั้งหลายตั้งแต่อยู่ในวัยที่ยังไม่มีประสบการณ์ {MH 394.5}