Chapter 11 (บทที่ 11)
Working for the Intemperate
การทำงานเพื่อคนที่เสพสิ่งเสพติด

Every true reform has its place in the work of the gospel and tends to the uplifting of the soul to a new and nobler life. Especially does the temperance reform demand the support of Christian workers. They should call attention to this work and make it a living issue. Everywhere they should present to the people the principles of true temperance and call for signers to the temperance pledge. Earnest effort should be made in behalf of those who are in bondage to evil habits. {MH 171.1}

ในทุกการปฏิรูปที่แท้จริงนั้นล้วนแล้วแต่มีบทบาทในกิจการด้านการประกาศข่าวประเสริฐ และมีส่วนยกระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้นสู่ชีวิตใหม่และในทางที่ดีงามยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิรูปในเรื่องของการละเว้นจากการเสพสิ่งที่เป็นอันตรายต่างๆ ล้วนต้องการความร่วมมือจากผู้ปฏิบัติงานที่เป็นคริสเตียน พวกเขาควรจะให้ความสนใจและทำให้กิจการด้านนี้เป็นประเด็นในการดำเนินชีวิต ในทุกสถานที่พวกเขาควรนำเสนอต่อประชาชนถึงหลักการของการประมาณตนที่แท้จริงและเรียกร้องให้คนเหล่านั้นได้ลงนามในคำมั่นสัญญาที่จะละเว้นจากสิ่งมึนเมาและสิ่งเสพติดต่างๆ เขาควรมีความเพียรพยายามอย่างจริงจังที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ตกเป็นทาสของอุปนิสัยอันชั่วร้าย {MH 171.1}

There is everywhere a work to be done for those who through intemperance have fallen. In the midst of churches, religious institutions, and professedly Christian homes, many of the youth are choosing the path to destruction. Through intemperate habits they bring upon themselves disease, and through greed to obtain money for sinful indulgence they fall into dishonest practices. Health and character are ruined. Aliens from God, outcasts from society, these poor souls feel that they are without hope either for this life or for the life to come. The hearts of the parents are broken. Men speak of these erring ones as hopeless; but not so does God regard them. He understands all the circumstances that have made them what they are, and He looks upon them with pity. This is a class that demand help. Never give them occasion to say, “No man cares for my soul.” {MH 171.2}

ในทั่วทุกหนทุกแห่งต่างมีงานที่ต้องทำสำหรับคนทั้งหลายที่ตกอยู่ในความลุ่มหลงของสิ่งเสพติด ในท่ามกลางคริสตจักร หน่วยงานด้านศาสนาและครอบครัวของผู้ที่แสดงตนว่าเป็นคริสเตียน มีคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่ได้เลือกหนทางที่นำไปสู่ความพินาศนี้ เขาได้นำโรคร้ายมาสู่ตนเองด้วยนิสัยที่ขาดการยับยั้งชั่งใจ และด้วยใจละโมบอยากได้เงินทองเพื่อสนองความลุ่มหลงมัวเมาในสิ่งชั่วร้าย จึงเป็นเหตุที่ชักนำไปสู่การกระทำที่ไม่สัตย์ซื่อ สุขภาพและอุปนิสัยของเขาจึงได้เสื่อมทรามลง เหินห่างจากพระเจ้า ถูกสังคมรังเกียจเดียดฉันท์ จิตวิญญาณที่น่าสงสารเหล่านี้ต่างรู้สึกว่าพวกเขาไม่เหลือความหวังใดในชีวิตนี้หรือชีวิตในวันข้างหน้า จิตใจของเหล่าบิดามารดาต่างต้องแตกสลาย มนุษย์ต่างพูดถึงคนที่ประพฤติผิดเหล่านี้ว่าเป็นคนที่สิ้นหวัง แต่พระเจ้ามิได้ทรงคิดว่าพวกเขาเป็นเช่นนั้น พระองค์ทรงเข้าพระทัยถึงสถานการณ์ทุกอย่างที่ทำให้พวกเขาต้องเป็นอย่างที่เป็น และพระองค์ทรงทอดพระเนตรพวกเขาด้วยความเมตตาสงสาร คนเหล่านี้เป็นพวกที่ต้องการความช่วยเหลือ ดังนั้นจงอย่าทำให้พวกเขาพูดได้ว่า “ไม่มีใครเอาใจใส่ต่อจิตวิญญาณของฉันเลย” {MH 171.2}

Among the victims of intemperance are men of all classes and all professions. Men of high station, of eminent talents, of great attainments, have yielded to the indulgence of appetite until they are helpless to resist temptation. Some of them who were once in the possession of wealth are without home, without friends, in suffering, misery, disease, and degradation. They have lost their self-control. Unless a helping hand is held out to them, they will sink lower and lower. With these, self-indulgence is not only a moral sin, but a physical disease. {MH 172.1}

ในบรรดาผู้ที่ตกเป็นทาสของสิ่งเสพติดนั้นเป็นผู้ที่มาจากทุกชนชั้นและทุกสาขาอาชีพ คนจากตระกูลสูง คนมีความสามารถที่โด่งดัง ผู้ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ต่างได้ปล่อยตัวปล่อยใจตามความอยากจนในที่สุดก็หมดสิ้นหนทางที่จะต่อต้านต่อการทดลองได้ บางคนครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ที่มีทรัพย์สมบัติอันมั่งคั่ง แต่บัดนี้พวกเขากลับกลายเป็นคนไร้บ้านเรือน ไร้มิตรสหาย ต้องทนทุกข์ทรมาน ล้มเจ็บ ป่วยเป็นโรค และมีชีวิตที่ตกต่ำ พวกเขาได้สูญเสียความสามารถในการควบคุมตัวเองไป ถ้าไม่มีใครยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลือแล้ว พวกเขาจะยิ่งจมดิ่งถลำลึกลงไปทุกขณะ การปล่อยตามใจตัวเองเช่นนี้ มิได้เป็นแต่เพียงความผิดบาปในด้านศีลธรรมเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ร่างกายต้องเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายอีกด้วย {MH 172.1}

Often in helping the intemperate we must, as Christ so often did, give first attention to their physical condition. They need wholesome, unstimulating food and drink, clean clothing, opportunity to secure physical cleanliness. They need to be surrounded with an atmosphere of helpful, uplifting Christian influence. In every city a place should be provided where the slaves of evil habit may receive help to break the chains that bind them. Strong drink is regarded by many as the only solace in trouble; but this need not be, if, instead of acting the part of the priest and Levite, professed Christians would follow the example of the good Samaritan. {MH 172.2}

บ่อยครั้ง ในการช่วยเหลือผู้ที่เสพสิ่งเสพติดนั้น เราต้องทำเช่นเดียวกับสิ่งที่พระคริสต์ทรงปฏิบัติอยู่เสมอ คือการเอาใจใส่ดูแลต่อสุขภาพร่างกายของคนเหล่านี้เสียก่อน เขาทั้งหลายต้องการอาหารและเครื่องดื่มที่เพียงพอที่ไม่มีฤทธิ์กระตุ้นต่อร่างกาย เขาต้องการเสื้อผ้าที่สะอาด และต้องการการรักษาร่างกายให้สะอาดหมดจด เขาจำเป็นต้องอยู่ในบรรยากาศแวดล้อมที่เต็มไปด้วยอิทธิพลของผู้ที่เป็นคริสเตียนที่คอยให้ความช่วยเหลือและยกชูจิตวิญญาณของเขาให้สูงขึ้น ในทุกเมืองควรจะมีการจัดหาสถานที่สำหรับช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นทาสของอุปนิสัยที่ชั่วร้าย เพื่อที่เขาจะได้หลุดพ้นจากโซ่ตรวนที่ได้พันธนาการตัวเขาไว้ หลายคนคิดว่าเครื่องดื่มมึนเมาเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยบรรเทาความทุกข์ยากของเขาได้ แต่ความจริงแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเช่นนั้น หากคริสเตียนจะได้ทำตามแบบอย่างของชาวสะมาเรียผู้ใจดีแทนที่จะประพฤติเยี่ยงการกระทำตามอย่างพวกปุโรหิตและพวกเลวี {MH 172.2}

In dealing with the victims of intemperance we must remember that we are not dealing with sane men, but with those who for the time being are under the power of a demon. Be patient and forbearing. Think not of the repulsive, forbidding appearance, but of the precious life that Christ died to redeem. As the drunkard awakens to a sense of his degradation, do all in your power to show that you are his friend. Speak no word of censure. Let no act or look express reproach or aversion. Very likely the poor soul curses himself. Help him to rise. Speak words that will encourage faith. Seek to strengthen every good trait in his character. Teach him how to reach upward. Show him that it is possible for him to live so as to win the respect of his fellow men. Help him to see the value of the talents which God has given him, but which he has neglected to improve. {MH 172.3}

ในการรับมือกับผู้ที่ตกเป็นทาสของสิ่งเสพติดนั้น เราต้องจำไว้เสมอว่าเราไม่ได้กำลังรับมือกับคนที่มีสติที่เป็นปกติ แต่กับผู้ซึ่งกำลังตกอยู่ภายใต้อำนาจของมารร้าย เราจึงควรที่จะมีความอดทนและอดกลั้น อย่าคิดถึงรูปร่างหน้าตาที่ดูน่าเกลียดน่ากลัวและดูเป็นภัยอันตราย แต่คิดถึงชีวิตอันมีค่าที่พระคริสต์ได้ทรงยอมวายชนม์เพื่อไถ่พวกเขาให้ได้รับความรอด เมื่อคนที่เมามายด้วยฤทธิ์ของสุราได้ฟื้นตื่นขึ้นมามีสติและสำนึกได้ถึงความเสื่อมทรามของตนเอง จงใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถของท่านที่จะแสดงให้เขาเห็นว่าท่านเป็นมิตรกับเขา จงอย่ากล่าวคำบริภาษใดๆ ต่อเขา อย่าแสดงกิริยาท่าทางหรือการกระทำที่แสดงให้เห็นถึงการตำหนิติเตียนหรือความรังเกียจ จิตวิญญาณที่น่าสงสารเช่นนี้ย่อมจะแช่งด่าตัวของเขาเองอยู่แล้ว จงช่วยพยุงให้เขาได้ลุกขึ้น จงกล่าวถ้อยคำที่ช่วยปลุกปลอบจิตใจให้เขาได้มีความเชื่อ จงพยายามช่วยเสริมสร้างทุกคุณสมบัติที่ดีที่มีอยู่ในอุปนิสัยของเขา จงช่วยสอนเขาให้ใฝ่สูง จงแสดงให้เขาเห็นว่า เขาสามารถดำเนินชีวิตเพื่อชนะการยอมรับนับถือจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้ จงช่วยให้เขาได้เห็นถึงคุณค่าของตะลันห์ความสามารถที่พระเจ้าได้ประทานให้แก่เขา แต่เขาได้เพิกเฉยละเลยที่จะปรับปรุงพัฒนา {MH 172.3}

Although the will has been depraved and weakened, there is hope for him in Christ. He will awaken in the heart higher impulses and holier desires. Encourage him to lay hold of the hope set before him in the gospel. Open the Bible before the tempted, struggling one, and over and over again read to him the promises of God. These promises will be to him as the leaves of the tree of life. Patiently continue your efforts, until with grateful joy the trembling hand grasps the hope of redemption through Christ. {MH 173.1}

ถึงแม้ว่าความตั้งใจของเขาจะอ่อนแอและเสื่อมทรามไป แต่สำหรับตัวเขาแล้วยังมีความหวังในพระคริสต์เหลืออยู่ พระองค์จะทรงปลุกจิตใจของเขาให้มีความปรารถนาในสิ่งที่บริสุทธิ์และสูงส่งยิ่งขึ้น จงช่วยหนุนจิตใจของเขาให้ได้ยึดมั่นในความหวังซึ่งมีอยู่ตรงหน้าในข่าวประเสริฐ จงเปิดพระคัมภีร์ไว้ต่อหน้าผู้ที่ถูกทดลองและผู้ที่กำลังดิ้นรนต่อสู้ในชีวิต แล้วอ่านพระสัญญาของพระเจ้าให้เขาได้ฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า พระสัญญาเหล่านี้จะเป็นประดุจใบของต้นไม้แห่งชีวิต จงเพียรพยายามต่อไปด้วยความอดทน จนกว่ามืออันสั่นเทานั้นจะได้ยึดเอาความหวังแห่งการช่วยให้รอดโดยทางพระคริสต์ไว้ให้มั่นด้วยความรู้สึกอันปลื้มปีติในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ {MH 173.1}

You must hold fast to those whom you are trying to help, else victory will never be yours. They will be continually tempted to evil. Again and again they will be almost overcome by the craving for strong drink; again and again they may fall; but do not, because of this, cease your efforts. {MH 173.2}

ท่านต้องพยายามยึดแน่นกับผู้ที่ท่านกำลังให้การช่วยเหลือ มิฉะนั้นแล้ว ท่านก็จะไม่มีวันได้รับชัยชนะ พวกเขาจะถูกทดลองให้กระทำความชั่วร้ายอยู่เรื่อยๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่พวกเขาเกือบจะพ่ายแพ้ต่อความอยากดื่มอยากเสพ เขาอาจล้มลุกคลุกคลานอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่จงอย่ายุติความพยายามของท่านเพราะเหตุผลเหล่านี้ {MH 173.2}

They have decided to make an effort to live for Christ; but their will power is weakened, and they must be carefully guarded by those who watch for souls as they that must give an account. They have lost their manhood, and this they must win back. Many have to battle against strong hereditary tendencies to evil. Unnatural cravings, sensual impulses, were their inheritance from birth. These must be carefully guarded against. Within and without, good and evil are striving for the mastery. Those who have never passed through such experiences cannot know the almost overmastering power of appetite or the fierceness of the conflict between habits of self-indulgence and the determination to be temperate in all things. Over and over again the battle must be fought. {MH 173.3}

พวกเขาได้ตัดสินใจแล้วที่จะพยายามมีชีวิตอยู่เพื่อพระคริสต์ แต่อำนาจในจิตใจของเขาได้อ่อนแอลง และเขาต้องได้รับการพิทักษ์จากผู้ที่คอยเอาใจใส่จิตวิญญาณของเขาที่ต้องกล่าวรายงานนั้นต่อพระเจ้า คนเหล่านี้ได้สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปและพวกเขาต้องนำมันกลับมาให้ได้ หลายคนต้องดิ้นรนต่อสู้กับความฝักใฝ่ในความชั่วร้ายที่ถ่ายทอดมาทางสายเลือด ความปรารถนาที่ผิดธรรมชาติและกามตัณหาอันเป็นผลมาจากพันธุกรรมที่มีมาแต่กำเนิด เราต้องปกป้องสิ่งเหล่านี้ทั้งจากภายในและภายนอก ความดีและความชั่วร้ายต่างกำลังต่อสู้กันเพื่อที่จะได้รับชัยชนะ ผู้ที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาก่อนย่อมมิอาจรู้ซึ้งถึงอำนาจของความใคร่อยากที่คอยครอบงำ หรือความรุนแรงของการต่อสู้ระหว่างนิสัยที่ชอบตามใจตัวเองและความมุ่งมั่นที่จะคอยควบคุมตนเองในทุกๆสิ่ง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่สงครามเช่นนี้ต้องห้ำหั่นกัน {MH 173.3}

Many who are drawn to Christ will not have moral courage to continue the warfare against appetite and passion. But the worker must not be discouraged by this. Is it only those rescued from the lowest depths that backslide? {MH 173.4}

หลายคนที่ได้รับการชักนำให้เข้ามาหาพระคริสต์แล้วนั้น จะยังไม่มีความเข้มแข็งด้านคุณธรรมพอที่จะยืนหยัดต่อสู้กับความใคร่อยากและกิเลสตัณหา แต่ผู้รับใช้ของพระเจ้าต้องไม่ท้อถอยเพราะสิ่งนี้ ใช่เหรอที่มีแต่เฉพาะคนที่ได้รับการช่วยเหลือให้รอดพ้นจากห้วงเหวที่ลึกที่สุดที่จะลื่นไถลกลับลงไปอีก {MH 173.4}

Remember that you do not work alone. Ministering angels unite in service with every truehearted son and daughter of God. And Christ is the restorer. The Great Physician Himself stands beside His faithful workers, saying to the repentant soul, “Child, thy sins be forgiven thee.” Mark 2:5, A.R.V. margin. {MH 174.1}

จงจำไว้ว่าท่านไม่ได้ทำงานแต่เพียงลำพัง เหล่าทูตสวรรค์ผู้คอยให้ความช่วยเหลือจะร่วมมือกับบุตรชายหญิงทั้งหลายของพระเจ้าที่มีจิตใจแน่วแน่ในการปรนนิบัติรับใช้ และพระคริสต์จะทรงเป็นผู้ฟื้นฟู พระคริสต์ผู้ทรงเป็นแพทย์ผู้ประเสริฐ ประทับอยู่เคียงข้างกับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ และตรัสกับผู้ที่ได้กลับใจใหม่ว่า “ลูกเอ๋ย บาปของเจ้าได้รับอภัยแล้ว” มาระโก 2:5 {MH 174.1}

Many are the outcasts who will grasp the hope set before them in the gospel and will enter the kingdom of heaven, while others who were blessed with great opportunities and great light which they did not improve will be left in outer darkness. {MH 174.2}

หลายคนที่ถูกสังคมรังเกียจเดียดฉันท์จะยึดเอาความหวังในข่าวประเสริฐที่อยู่ตรงหน้าของเขาไว้ และย่อมจะได้เข้าไปในราชอาณาจักรแห่งสวรรค์ ในขณะที่คนอื่น ๆ ที่ได้รับพระพรพร้อมกับโอกาสและแสงสว่างอันยิ่งใหญ่ซึ่งเขามิได้ปรับปรุงให้ดีขึ้น จะกลับถูกทิ้งไว้ภายนอกที่มีแต่ความมืดมิด {MH 174.2}

The victims of evil habit must be aroused to the necessity of making an effort for themselves. Others may put forth the most earnest endeavor to uplift them, the grace of God may be freely offered, Christ may entreat, His angels may minister; but all will be in vain unless they themselves are roused to fight the battle in their own behalf. {MH 174.3}

เหยื่อทั้งหลายของนิสัยที่ชั่วร้ายจะต้องถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยความจำเป็นเพื่อสร้างความพยายามสำหรับตัวเขาเอง คนอื่นอาจใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยยกชูจิตวิญญาณของเขา พระคุณของพระองค์อาจถูกประทานให้เขาโดยไม่ต้องจ่ายราคา พระคริสต์อาจทรงอธิษฐานเผื่อ ทูตสวรรค์ของพระองค์อาจจะคอยปรนนิบัติรับใช้ แต่ทั้งหมดนี้ย่อมไร้ซึ่งความหมาย นอกเสียจากว่าเขาต้องถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาต่อสู้กับศึกนี้เพื่อตัวของเขาเอง {MH 174.3}

The last words of David to Solomon, then a young man, and soon to receive the crown of Israel, were, “Be … strong, … and show thyself a man.” 1 Kings 2:2. To every child of humanity, the candidate for an immortal crown, are these words of inspiration spoken, “Be … strong, … and show thyself a man.” {MH 174.4}

ถ้อยคำสุดท้ายที่กษัตริย์ดาวิดตรัสแก่โซโลมอนซึ่งขณะนั้นยังเป็นหนุ่มและกำลังจะได้รับการสวมมงกุฎเพื่อครอบครองอิสราเอลมีใจความว่า “จงเข้มแข็งและสำแดงตัวของเจ้าให้เป็นลูกผู้ชาย” 1 พงศ์กษัตริย์ 2:2 สำหรับทายาทของมนุษยชาติทุกคนที่หวังจะได้สวมมงกุฎแห่งชีวิตนิรันดร์ ก็ต้องฟังถ้อยคำเสริมแรงบันดาลใจดังนี้ “จงเข้มแข็งและสำแดงตัวของเจ้าว่าเป็นลูกผู้ชาย” {MH 174.4}

The self-indulgent must be led to see and feel that great moral renovation is necessary if they would be men. God calls upon them to arouse and in the strength of Christ win back the God-given manhood that has been sacrificed through sinful indulgence. {MH 174.5}

ผู้ที่ชอบตามใจตัวเองต้องได้รับการชักจูงให้เห็นและรู้ตัวว่าการปรับปรุงอย่างเข้มข้นด้านจริยธรรมนั้นจำเป็นมากหากเขาปรารถนาที่จะทำตัวให้สมกับการเป็นมนุษย์ พระเจ้าทรงเรียกเขาให้ตื่นตัวและอาศัยกำลังของพระคริสต์ เขาย่อมสามารถจะชนะและทวงความเป็นบุรุษที่พระเจ้าประทานให้แต่เขาได้ทิ้งขว้างไปโดยการปล่อยตัวให้กับความชั่วร้ายกลับคืนมา {MH 174.5}

Feeling the terrible power of temptation, the drawing of desire that leads to indulgence, many a man cries in despair, “I cannot resist evil.” Tell him that he can, that he must resist. He may have been overcome again and again, but it need not be always thus. He is weak in moral power, controlled by the habits of a life of sin. His promises and resolutions are like ropes of sand. The knowledge of his broken promises and forfeited pledges weakens his confidence in his own sincerity and causes him to feel that God cannot accept him or work with his efforts. But he need not despair. {MH 174.6}

การรู้สึกถึงอำนาจอันโหดเหี้ยมของการทดลอง และแรงเร้าใจของความใคร่อยากที่นำพาไปสู่การปล่อยตัวตามใจตนเอง หลายคนได้พากันร้องขึ้นมาด้วยความสิ้นหวังว่า “ข้าพเจ้าไม่สามารถต่อต้านความชั่วร้ายได้” จงบอกเขาว่าเขาต้องต่อต้านให้ได้ เขาอาจจะพ่ายแพ้มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่มันไม่จำเป็นต้องพ่ายแพ้ไปตลอดกาล เขาอาจอ่อนแอด้านศีลธรรม ถูกควบคุมโดยนิสัยของชีวิตที่ผิดบาป คำสัญญาและการตัดสินใจแก้ไขปัญหาของเขาอาจเป็นเพียงเชือกที่ถักด้วยเม็ดทราย การรู้ตัวถึงคำสัญญาที่เขามิได้รักษาและการตัดสินใจที่ถูกถอนคืน ได้บั่นทอนความมั่นใจในความจริงใจของเขาเองและทำให้เขารู้สึกว่าพระเจ้าทรงไม่ยอมรับเขาหรือร่วมมือกับความพยายามของเขา แต่เขาไม่จำเป็นต้องหมดสิ้นหวัง {MH 174.6}

Those who put their trust in Christ are not to be enslaved by any hereditary or cultivated habit or tendency. Instead of being held in bondage to the lower nature, they are to rule every appetite and passion. God has not left us to battle with evil in our own finite strength. Whatever may be our inherited or cultivated tendencies to wrong, we can overcome through the power that He is ready to impart. {MH 175.1}

คนทั้งหลายที่ได้วางใจในพระคริสต์จะต้องไม่ตกเป็นทาสของอุปนิสัยที่ชั่วร้ายหรือความโน้มเอียงในนิสัยที่ถ่ายทอดมาทางสายเลือดหรือที่ถูกปลูกฝังขึ้นมา แทนที่จะถูกอำนาจฝ่ายต่ำพันธนาการ พวกเขาจะต้องเป็นผู้ที่ควบคุมทุกๆ ความใคร่อยากและกิเลสตัณหา พระเจ้าทรงไม่ละทิ้งเราให้ต่อสู้กับความชั่วร้ายด้วยกำลังอันจำกัดของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นแรงฝักใฝ่ในทางที่ผิดที่ได้รับมาจากทางสายเลือดหรือจากการปลูกฝังขึ้น เราสามารถเอาชนะเหนือสิ่งเหล่านี้ได้ ด้วยฤทธิ์อำนาจซึ่งพระองค์ทรงพร้อมที่จะประทานให้แก่เรา {MH 175.1}

The Power of the Will

พลังแห่งความตั้งใจ

The tempted one needs to understand the true force of the will. This is the governing power in the nature of man–the power of decision, of choice. Everything depends on the right action of the will. Desires for goodness and purity are right, so far as they go; but if we stop here, they avail nothing. Many will go down to ruin while hoping and desiring to overcome their evil propensities. They do not yield the will to God. They do not choose to serve Him. {MH 176.1}

ผู้ที่ถูกทดลองจำเป็นต้องเข้าใจถึงอำนาจที่แท้จริงของความตั้งใจ อำนาจนี้เป็นอำนาจที่คอยควบคุมสภาพตามธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งก็คือ อำนาจแห่งการตัดสินใจและอำนาจแห่งการเลือก ทุกๆ สิ่งขึ้นอยู่กับการกระทำที่ถูกต้องของความตั้งใจ ความปรารถนาที่จะกระทำในสิ่งที่ดีและบริสุทธิ์นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องตราบเท่าที่มันถูกนำไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและคงเส้นคงวา แต่ถ้าเราหยุดเมื่อใด มันก็จะสูญเปล่า มีคนมากมายที่กำลังจมดิ่งลงสู่ความพินาศในขณะที่ยังคงหวังและปรารถนาจะเอาชนะเหนือความประพฤติอันชั่วร้ายของตน เขาทั้งหลายต่างไม่ยอมมอบความตั้งใจไว้กับพระเจ้า คนเหล่านี้มิได้เลือกที่จะปรนนิบัติรับใช้พระองค์ {MH 176.1}

God has given us the power of choice; it is ours to exercise. We cannot change our hearts, we cannot control our thoughts, our impulses, our affections. We cannot make ourselves pure, fit for God’s service. But we can choose to serve God, we can give Him our will; then He will work in us to will and to do according to His good pleasure. Thus our whole nature will be brought under the control of Christ. {MH 176.2}

พระเจ้าประทานอำนาจแห่งการเลือกให้แก่เราแล้ว เราจึงต้องเป็นผู้ที่ใช้อำนาจนี้ เราไม่อาจเปลี่ยนใจของเราเองได้ เราควบคุมความคิด อารมณ์และความรักใคร่ของตัวเราเองไม่ได้ เราไม่สามารถที่จะทำตัวให้บริสุทธิ์เหมาะสมที่จะทำกิจของพระเจ้าได้ แต่เราเลือกที่จะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าได้ เรามอบถวายความตั้งใจของเราไว้ให้กับพระองค์ได้ แล้วพระองค์ก็จะทรงกระทำให้เรามีความตั้งใจและทั้งให้เราได้ปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระองค์ ด้วยประการฉะนี้ อุปนิสัยทั้งหมดของเราจึงถูกนำเข้ามาอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของพระคริสต์ {MH 176.2}

Through the right exercise of the will, an entire change may be made in the life. By yielding up the will to Christ, we ally ourselves with divine power. We receive strength from above to hold us steadfast. A pure and noble life, a life of victory over appetite and lust, is possible to everyone who will unite his weak, wavering human will to the omnipotent, unwavering will of God. {MH 176.3}

เมื่อใช้ความความตั้งใจได้อย่างถูกต้อง ชีวิตก็จะได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่โดยสิ้นเชิง โดยการยอมมอบถวายความตั้งใจไว้ให้กับพระคริสต์ เราจึงได้พันผูกตัวเราไว้กับฤทธิ์อำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า เราจะได้รับกำลังจากเบื้องบนที่จะช่วยยึดเราไว้อย่างมั่นคง ชีวิตที่บริสุทธิ์และดีงาม ชีวิตที่มีชัยชนะเหนือความใคร่อยากและราคะตัณหา จะเป็นของทุกคนที่พร้อมจะประสานความตั้งใจอันอ่อนแอและหวั่นไหวเยี่ยงมนุษย์ของเขาเข้ากับน้ำพระทัยของพระเจ้าผู้ทรงสัพพัญญูและไม่มีวันผันแปร {MH 176.3}

Those who are struggling against the power of appetite should be instructed in the principles of healthful living. They should be shown that violation of the laws of health, by creating diseased conditions and unnatural cravings, lays the foundation of the liquor habit. Only by living in obedience to the principles of health can they hope to be freed from the craving for unnatural stimulants. While they depend upon divine strength to break the bonds of appetite, they are to co-operate with God by obedience to His laws, both moral and physical. {MH 176.4}

คนทั้งหลายที่กำลังต่อสู้กับอำนาจของความใคร่อยากควรจะได้รับคำแนะนำสั่งสอนถึงหลักการของการดำเนินชีวิตที่ถูกสุขลักษณะ พวกเขาควรจะได้เห็นว่าการล่วงละเมิดบทบัญญัติของสุขภาพโดยการสร้างเงื่อนไขที่ก่อให้เกิดโรคภัยและความใคร่อยากที่ผิดธรรมชาตินั้นเป็นรากฐานที่นำไปสู่นิสัยของการเสพสุรา การดำเนินชีวิตที่สอดคล้องตามบทบัญญัติของสุขภาพเท่านั้นที่เป็นความหวังเดียวที่จะช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากความใคร่อยากสารกระตุ้นที่ผิดธรรมชาติ ในขณะที่พวกเขาพึ่งพิงพระกำลังของพระเจ้าเพื่อตัดขาดความใคร่อยากที่ได้ผูกมัดพวกเขาอยู่ พวกเขาจะต้องร่วมมือกับพระเจ้าด้วยการเชื่อฟังตามบทบัญญัติของพระองค์ทั้งบทบัญญัติในด้านศีลธรรมและด้านสุขภาพทางกาย {MH 176.4}

Those who are endeavoring to reform should be provided with employment. None who are able to labor should be taught to expect food and clothing and shelter free of cost. For their own sake, as well as for the sake of others, some way should be devised whereby they may return an equivalent for what they receive. Encourage every effort toward self-support. This will strengthen self-respect and a noble independence. And occupation of mind and body in useful work is essential as a safeguard against temptation. {MH 177.1}

ผู้คนที่กำลังพยายามปฏิรูปตัวเองควรได้รับการส่งเสริมในด้านอาชีพการงาน คนที่สามารถทำงานได้ไม่ควรได้รับการสอนให้คาดหวังที่จะได้รับอาหาร เครื่องนุ่งห่มและที่พักอาศัยโดยที่ไม่ต้องจ่ายราคา เพื่อประโยชน์ต่อตัวเขาเองและต่อบุคคลอื่น ควรคิดหาวิธีที่จะโน้มน้าวเขาให้แบ่งปันสิ่งที่เขามีเป็นมูลค่าที่พอ ๆ กับสิ่งที่เขาได้รับเป็นการตอบแทน จงสนับสนุนทุกความพยายามที่ส่งเสริมให้สามารถพึ่งตนเองได้ สิ่งนี้จะช่วยเสริมสร้างให้มีความนับถือในตัวเองและรู้สึกเป็นเกียรติที่สามารถเลี้ยงดูตนเองได้ และอาชีพที่ใช้ทั้งสมองและกำลังกายที่เกิดประโยชน์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เป็นเหมือนเครื่องป้องกันการทดลอง {MH 177.1}

Disappointments; Dangers

ความผิดหวังและภัยอันตราย

Those who work for the fallen will be disappointed in many who give promise of reform. Many will make but a superficial change in their habits and practices. They are moved by impulse, and for a time may seem to have reformed; but there is no real change of heart. They cherish the same self-love, have the same hungering for foolish pleasures, the same desire for self-indulgence. They have not a knowledge of the work of character building, and they cannot be relied upon as men of principle. They have debased their mental and spiritual powers by the gratification of appetite and passion, and this makes them weak. They are fickle and changeable. Their impulses tend toward sensuality. These persons are often a source of danger to others. Being looked upon as reformed men and women, they are trusted with responsibilities and are placed where their influence corrupts the innocent. {MH 177.2}

ผู้ที่ทำงานเพื่อผู้ที่หลงผิดอาจรู้สึกผิดหวังกับหลายคนที่ได้สัญญาว่าจะพยายามปฏิรูปเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยเสียใหม่ หลายคนเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยและความประพฤติแต่เพียงผิวเผิน เขาทำไปตามอารมณ์และความรู้สึกชั่ววูบ และในช่วงเวลาหนึ่งอาจดูเหมือนว่าเขาได้ปฏิรูปเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่มิได้เปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่อย่างแท้จริง เขายังคงรักตัวเอง ยังคงหิวกระหายในความเพลิดเพลิน แบบโง่เขลาและมีความปรารถนาที่จะทำตามใจตัวเองอยู่เช่นเดิม เขาไร้ซึ่งความรู้ที่เกี่ยวกับการปลูกสร้างอุปนิสัยที่ดีงามและเราไม่อาจที่จะวางใจเขาได้ว่าเป็นคนที่มีหลักการ เขาได้ทำให้กำลังฝ่ายสติปัญญาและฝ่ายจิตวิญญาณของเขาเสื่อมทรามลง ด้วยการทำตามความใคร่อยากและกิเลสตัณหา และสิ่งเหล่านี้ที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพที่อ่อนแอ เป็นผู้ที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้และมีอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ง่าย แรงกระตุ้นชั่ววูบของเขาฝักใฝ่ในกามตัณหา หลายครั้งที่คนเหล่านี้กลายเป็นภัยอันตรายต่อผู้อื่น โดยเหตุที่ใครๆ พากันเห็นว่า เขาเป็นชายหญิงที่ได้ปฏิรูปเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยของตนใหม่แล้ว พวกเขาจึงได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบในสิ่งต่างๆ และได้รับตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งอิทธิพลของเขาอาจทำให้ผู้บริสุทธิ์เลวตาม {MH 177.2}

Even those who are sincerely seeking to reform are not beyond the danger of falling. They need to be treated with great wisdom as well as tenderness. The disposition to flatter and exalt those who have been rescued from the lowest depths sometimes proves their ruin. The practice of inviting men and women to relate in public the experience of their life of sin is full of danger to both speaker and hearers. To dwell upon scenes of evil is corrupting to mind and soul. And the prominence given to the rescued ones is harmful to them. Many are led to feel that their sinful life has given them a certain distinction. A love of notoriety and a spirit of self-trust are encouraged that prove fatal to the soul. Only in distrust of self and dependence on the mercy of Christ can they stand. {MH 178.1}

แม้แต่คนทั้งหลายที่กำลังพยายามด้วยความจริงใจที่จะปฏิรูปตัวเองก็ยังมิพ้นจากอันตรายที่อาจจะพลั้งพลาดได้เช่นกัน เราจึงต้องปฏิบัติต่อคนเหล่านี้ด้วยความชาญฉลาดพอๆ กับความสุภาพอ่อนโยน บางครั้งการยกย่องสรรเสริญผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือให้พ้นจากความชั่วร้ายอาจเป็นการนำเขาไปสู่ความพินาศ การเชิญชายหญิงเหล่านั้นให้มาพูดต่อหน้าสาธารณชนถึงประสบการณ์ต่างๆ ในชีวิตที่ได้กระทำความผิดบาป อาจเป็นภัยอันตรายทั้งต่อผู้พูดและผู้ฟัง การกล่าวสาธยายถึงเรื่องราวของความชั่วร้ายย่อมส่งผลให้ความคิดและจิตวิญญาณเสื่อมทรามลง การยกย่องเชิดชูแก่ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือออกมานั้นย่อมจะส่งผลร้ายต่อตัวเขา หลายคนจึงเกิดความรู้สึกว่าชีวิตที่เต็มไปด้วยความผิดบาปนั้นกลับทำให้เขาได้เป็นคนที่มีชื่อเสียง ความรักในชื่อเสียง และการหลงไว้วางใจในตนเองจึงถูกกระตุ้นขึ้นซึ่งกระทบถึงความอยู่รอดของจิตวิญญาณ เขาจะยืนหยัดอยู่ได้ก็ต่อเมื่อเขามิได้ไว้วางใจในตัวเอง แต่พึ่งพาอาศัยในพระกรุณาธิคุณของพระคริสต์เท่านั้น {MH 178.1}

All who give evidence of true conversion should be encouraged to work for others. Let none turn away a soul who leaves the service of Satan for the service of Christ. When one gives evidence that the Spirit of God is striving with him, present every encouragement for entering the Lord’s service. “Of some have compassion, making a difference.” Jude 22. Those who are wise in the wisdom that comes from God will see souls in need of help, those who have sincerely repented, but who without encouragement would hardly dare to lay hold of hope. The Lord will put it into the hearts of His servants to welcome these trembling, repentant ones to their loving fellowship. Whatever may have been their besetting sins, however low they may have fallen, when in contrition they come to Christ, He receives them. Then give them something to do for Him. If they desire to labor in uplifting others from the pit of destruction from which they themselves were rescued, give them opportunity. Bring them into association with experienced Christians, that they may gain spiritual strength. Fill their hearts and hands with work for the Master. {MH 178.2}

คนทั้งหลายที่มีหลักฐานว่าได้กลับใจใหม่อย่างแท้จริงควรจะได้รับการสนับสนุนให้ทำงานเพื่อผู้อื่น จงอย่าปฏิเสธผู้ที่ได้รับใช้ซาตานแล้วหันมาปรนนิบัติรับใช้พระคริสต์ เมื่อผู้ใดมีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงกำลังทำงานกับเขา จงพยายามช่วยสนับสนุนในทุกวิถีทางให้เขาได้เข้ามามีส่วนร่วมในงานปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า “และจงชักชวนคนที่ยังสงสัยอยู่ให้เขาเชื่อ” ยูดา 22 คนทั้งหลายที่มีความเฉลียวฉลาดทางสติปัญญาที่มาจากพระเจ้า จะสามารถมองเห็นถึงจิตวิญญาณที่ต้องการความช่วยเหลือ มองเห็นผู้ที่ได้กลับใจใหม่อย่างจริงใจผู้ซึ่งหากมิได้รับการช่วยเหลือก็ยากยิ่งที่เขาจะเกิดมีใจกล้าที่จะยึดมั่นในความหวัง องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงโปรดให้ผู้รับใช้ของพระองค์มีใจยินดีที่จะคอยต้อนรับเหล่าผู้ที่ตัวสั่นด้วยความยำเกรงที่ได้กลับใจใหม่ ให้เข้ามาร่วมสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องด้วยใจที่รักใคร่ปรองดองกัน ไม่ว่าเขาจะเคยกระทำบาปผิดที่ร้ายแรงมามากเพียงไร ไม่ว่าเขาจะเคยประพฤติตัวต่ำช้ามามากแค่ไหน แต่เมื่อเขาได้เข้ามาหาพระคริสต์ด้วยจิตใจที่สำนึกผิดแล้ว พระองค์ก็จะทรงยอมรับในตัวเขา เราจึงควรจะหางานอะไรบางอย่างให้เขาได้มีโอกาสที่จะรับใช้พระองค์ หากเขามีใจปรารถนาที่จะได้ทำงานเพื่อช่วยผู้อื่นให้พ้นจากห้วงเหวแห่งความพินาศซึ่งเขาได้เคยรอดพ้นมาแล้ว จงนำเขาให้ได้เข้ามาคบหาสมาคมกับคริสเตียนที่มีประสบการณ์ในชีวิต เพื่อเขาจะได้มีกำลังฝ่ายจิตวิญญาณที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น จงให้จิตใจและมือของเขานั้นได้กระทำการเพื่องานรับใช้ของพระอาจารย์ {MH 178.2}

When light flashes into the soul, some who appeared to be most fully given to sin will become successful workers for just such sinners as they themselves once were. Through faith in Christ some will rise to high places of service and be entrusted with responsibilities in the work of saving souls. They see where their own weakness lies, they realize the depravity of their nature. They know the strength of sin, the power of evil habit. They realize their inability to overcome without the help of Christ, and their constant cry is, “I cast my helpless soul on Thee.” {MH 179.1}

เมื่อแสงสว่างได้ส่องฉายเข้าไปยังจิตวิญญาณ บางคนที่มีท่าทีว่าจะทำความผิดบาปมากที่สุดอาจจะกลับกลายเป็นผู้รับใช้ที่ทำงานได้อย่างบังเกิดผลกับเหล่าคนบาปดังเช่นที่เขาเคยเป็นมาก่อน โดยอาศัยความเชื่อในพระคริสต์ บางคนอาจจะได้รับตำแหน่งหน้าที่ๆ สำคัญในการปรนนิบัติรับใช้พระองค์ และเขาจะได้รับมอบความรับผิดชอบในกิจการงานเพื่อช่วยเหลือจิตวิญญาณให้ได้รับความรอด เขาเห็นจุดอ่อนของตนเองว่าอยู่ที่ใด เขาตระหนักดีถึงสภาพที่เสื่อมทรามไปของอุปนิสัยของตนเอง เขาทราบดีถึงอำนาจครอบงำของความผิดบาปและอิทธิพลของอุปนิสัยที่ชั่วร้าย เขาตระหนักดีว่าพวกเขาไม่อาจที่จะเอาชนะได้หากปราศจากความช่วยเหลือของพระคริสต์ และเสียงเรียกร้องตลอดเวลาของเขาก็คือ “ข้าพระองค์ขอมอบจิตวิญญาณที่ช่วยตัวเองไม่ได้แก่พระองค์” {MH 179.1}

These can help others. The one who has been tempted and tried, whose hope was well-nigh gone, but who was saved by hearing a message of love, can understand the science of soulsaving. He whose heart is filled with love for Christ because he himself has been sought for by the Saviour and brought back to the fold, knows how to seek the lost. He can point sinners to the Lamb of God. He has given himself without reserve to God and has been accepted in the Beloved. The hand that in weakness was held out for help has been grasped. By the ministry of such ones many prodigals will be brought to the Father. {MH 179.2}

คนเหล่านี้สามารถให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นได้ ผู้ที่เคยผ่านการทดลองและทดสอบมาก่อนและแทบจะสูญสิ้นความหวัง แต่เป็นผู้ที่ได้รับความรอดเมื่อได้สดับฟังในข่าวประเสริฐแห่งความรัก เขาจึงล้วนเข้าใจถึงศาสตร์ของการช่วยจิตวิญญาณให้ได้รับความรอด เขาผู้ซึ่งมีหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักของพระคริสต์เพราะพระผู้ช่วยให้รอดได้ทรงแสวงหาเขา และทรงนำเขากลับมายังฝูง เขาจึงทราบดีถึงวิธีการที่จะแสวงหาผู้ที่ได้หลงหาย เขาสามารถชี้ให้คนบาปเห็นถึงองค์พระเมษโปดกของพระเจ้า เขาได้มอบถวายตัวเองแด่พระเจ้าอย่างหมดสิ้นและได้รับการยอมรับเข้าในกลุ่มที่พระองค์ทรงโปรดปราน มือที่ยื่นขอความช่วยเหลือยามอ่อนแอได้รับการคว้าไว้แล้ว ด้วยการรับใช้ของคนเหล่านี้ คนที่หลงหายไปมากมายจะได้รับการนำกลับมาหาองค์พระบิดา {MH 179.2}

For every soul struggling to rise from a life of sin to a life of purity, the great element of power abides in the only “name under heaven given among men, whereby we must be saved.” Acts 4:12. “If any man thirst” for restful hope, for deliverance from sinful propensities, Christ says, “let him come unto Me, and drink.” John 7:37. The only remedy for vice is the grace and power of Christ. {MH 179.3}

สำหรับจิตวิญญาณทุกดวงที่กำลังดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากชีวิตแห่งความผิดบาปไปสู่ชีวิตที่บริสุทธิ์ มีเพียงพระนามของพระองค์เท่านั้นที่มีฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของการช่วยให้รอดดำรงสถิตอยู่ “ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า” กิจการ 4:12 พระคริสต์ตรัสว่า “ถ้าผู้ใดกระหาย” ความหวังใจที่จะได้เข้าสู่การพำนักหรือกระหายในความช่วยเหลือเพื่อจะได้หลุดพ้นจากความลุ่มหลงในความผิดบาปแล้ว ให้ผู้นั้น “จงมาหาเราและดื่ม” ยอห์น 7:37 มีเพียงพระคุณและฤทธิ์อำนาจของพระคริสต์เท่านั้นที่จะช่วยเราให้พ้นจากมลทินบาปได้ {MH 179.3}

The good resolutions made in one’s own strength avail nothing. Not all the pledges in the world will break the power of evil habit. Never will men practice temperance in all things until their hearts are renewed by divine grace. We cannot keep ourselves from sin for one moment. Every moment we are dependent upon God. {MH 179.4}

ความตั้งใจแก้ปัญหาอันดีที่ได้กระทำตามกำลังของตนเองนั้นหาได้ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดไม่ ไม่ใช่คำปฏิญาณทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกนี้จะทำลายล้างอำนาจของอุปนิสัยอันชั่วร้ายได้ มนุษย์ไม่มีวันที่จะสามารถยับยั้งตนเองไม่ให้กระทำผิดได้ในทุกๆ สิ่ง จนกว่าจิตใจของเขาจะได้รับการเปลี่ยนแปลงเสียใหม่โดยพระคุณของพระเจ้า เราไม่อาจที่ปกป้องตัวเราเองให้พ้นจากความผิดบาปแม้จะเป็นเวลาเพียงชั่วขณะหนึ่ง ในทุกเวลานาที เราต้องพึ่งพาพระเจ้า {MH 179.4}

True reformation begins with soul cleansing. Our work for the fallen will achieve real success only as the grace of Christ reshapes the character and the soul is brought into living connection with God. {MH 180.1}

การปฏิรูปเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงเริ่มจากการชำระจิตวิญญาณให้สะอาดบริสุทธิ์ งานของเราเพื่อผู้ที่หลงผิดจะประสบผลสำเร็จได้อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อพระคุณของพระคริสต์ได้ปั้นแต่งอุปนิสัยเสียใหม่และจิตวิญญาณนั้นได้ถูกนำมาดำเนินชีวิตผูกพันกับพระเจ้า {MH 180.1}

Christ lived a life of perfect obedience to God’s law, and in this He set an example for every human being. The life that He lived in this world we are to live through His power and under His instruction. {MH 180.2}

พระคริสต์ทรงดำรงพระชนม์ด้วยชีวิตที่เชื่อฟังในบทบัญญัติของพระเจ้าอย่างปราศจากที่ติ และในการกระทำเช่นนี้ พระองค์ได้ทรงวางแบบอย่างไว้สำหรับมนุษย์ทุกๆ คน เราจะต้องดำเนินชีวิตของเราเหมือนดังเช่นชีวิตของพระองค์ที่ทรงเคยดำเนินอยู่ในโลกนี้ โดยพึ่งพาอาศัยในฤทธิ์อำนาจของพระองค์และภายใต้คำสั่งสอนของพระองค์ {MH 180.2}

In our work for the fallen the claims of the law of God and the need of loyalty to Him are to be impressed on mind and heart. Never fail to show that there is a marked difference between the one who serves God and the one who serves Him not. God is love, but He cannot excuse willful disregard for His commands. The enactments of His government are such that men do not escape the consequences of disloyalty. Only those who honor Him can He honor. Man’s conduct in this world decides his eternal destiny. As he has sown, so he must reap. Cause will be followed by effect. {MH 180.3}

ในงานของเราเพื่อผู้ที่ผิด ข้อกำหนดในบทบัญญัติของพระเจ้าและความสัตย์ซื่อที่มีต่อพระองค์จะต้องได้รับการปลูกฝังไว้ในความคิดและจิตใจ จงอย่าเพิกเฉยที่จะแสดงให้ผู้อื่นได้เห็นถึงความแตกต่างที่เด่นชัดระหว่างผู้ที่ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าและผู้ที่มิได้ปรนนิบัติรับใช้พระองค์ พระเจ้าทรงเป็นความรัก แต่พระองค์ก็ทรงมิอาจอภัยโทษให้แก่ผู้ที่เจตนาจะเพิกเฉยต่อพระบัญชาของพระองค์ ตามบทบัญญัติในระบอบการปกครองของพระองค์ ผู้ที่ไม่สัตย์ซื่อมิอาจหลีกหนีจากผลของการกระทำของตนเองได้ มีแต่ผู้ถวายเกียรติ์แด่พระองค์เท่านั้นที่พระองค์จะประทานเกียรติให้ ความประพฤติของมนุษย์ในโลกนี้เป็นสิ่งที่กำหนดชะตากรรมตลอดชั่วนิรันดร์ของเขาเอง เขาจะเก็บเกี่ยวตามสิ่งที่เขาได้หว่านลงไป เพราะผลนั้นเป็นสิ่งที่สืบเนื่องมาจากเหตุ {MH 180.3}

Nothing less than perfect obedience can meet the standard of God’s requirement. He has not left His requirements indefinite. He has enjoined nothing that is not necessary in order to bring man into harmony with Him. We are to point sinners to His ideal of character and to lead them to Christ, by whose grace only can this ideal be reached. {MH 180.4}

ไม่มีสิ่งใดนอกเสียจากการเชื่อฟังโดยปราศจากข้อโต้แย้งใดๆ จึงจะช่วยให้บรรลุถึงมาตรฐานแห่งข้อกำหนดของพระเจ้า พระองค์มิได้ทรงตั้งข้อกำหนดของพระองค์มาอย่างไร้ขอบเขต พระองค์มิได้ทรงบัญชาอะไรที่เกินความจำเป็นเพื่อให้มนุษย์มาปรองดองคืนดีกับพระองค์ เราจะต้องชี้ให้คนบาปเหล่านั้นได้เห็นถึงอุปนิสัยอันทรงเป็นที่พึงประสงค์ของพระองค์ และนำเขาไปยังพระคริสต์ และโดยอาศัยพระคุณของพระองค์เท่านั้นจึงจะบรรลุถึงอุปนิสัยอันทรงเป็นที่พึงประสงค์นี้ ได้ {MH 180.4}

The Saviour took upon Himself the infirmities of humanity and lived a sinless life, that men might have no fear that because of the weakness of human nature they could not overcome. Christ came to make us “partakers of the divine nature,” and His life declares that humanity, combined with divinity, does not commit sin. {MH 180.5}

พระผู้ช่วยให้รอดเสด็จมาบังเกิดในโลก ทรงถือสภาพอันอ่อนแอเหมือนอย่างมนุษย์และดำเนินชีวิตแบบปราศจากบาป เพื่อมนุษย์จะได้ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะเอาชนะเหนือสภาพอันอ่อนแอตามธรรมชาติของตนไม่ได้ พระคริสต์เสด็จมาเพื่อทำให้เราได้ “รับส่วนในสภาพของพระองค์” และชีวิตของพระองค์ทรงสำแดงให้เห็นว่า มนุษย์ร่วมกับความเป็นพระเจ้าจะไม่ทำความผิดบาป {MH 180.5}

The Saviour overcame to show man how he may overcome. All the temptations of Satan, Christ met with the word of God. By trusting in God’s promises, He received power to obey God’s commandments, and the tempter could gain no advantage. To every temptation His answer was, “It is written.” So God has given us His word wherewith to resist evil. Exceeding great and precious promises are ours, that by these we “might be partakers of the divine nature, having escaped the corruption that is in the world through lust.” 2 Peter 1:4. {MH 181.1}

พระผู้ช่วยให้รอดทรงมีชัยเหนือการทดลองเพื่อสาธิตให้มนุษย์เห็นว่าเขาก็สามารถที่จะมีชัยต่อการทดลองได้ พระคริสต์ทรงเผชิญหน้ากับการทดลองทั้งสิ้นของซาตานด้วยพระวจนะของพระเจ้า โดยการไว้วางใจในพระสัญญาของพระเจ้า พระองค์จึงทรงได้รับพระกำลังที่จะปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า และมารผู้ล่อลวงไม่อาจจะเอาชนะเหนือพระองค์ได้ คำตอบของพระองค์ที่มีต่อทุกการทดลองก็คือ “พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า” ด้วยเหตุฉะนี้ พระเจ้าจึงได้ทรงโปรดประทานพระวจนะของพระองค์ให้แก่เราเพื่อเราจะต้านทานต่อความชั่วร้ายได้ พระองค์ได้ประทานพระสัญญาอันประเสริฐและใหญ่ยิ่งแก่เรา เพื่อโดยเหตุเหล่านี้เรา “จะพ้นจากความเสื่อมโทรมที่มีอยู่ในโลกนี้เพราะตัณหาและจะได้รับส่วนในสภาพของพระองค์” 2 เปโตร 1:4 {MH 181.1}

Bid the tempted one look not to circumstances, to the weakness of self, or to the power of temptation, but to the power of God’s word. All its strength is ours. “Thy word,” says the psalmist, “have I hid in mine heart, that I might not sin against Thee.” “By the word of Thy lips I have kept me from the paths of the destroyer.” Psalm 119:11; 17:4. {MH 181.2}

จงบอกกล่าวแก่ผู้ที่ถูกทดลองว่าอย่าได้สนใจในเหตุการณ์ที่อยู่รายล้อม อย่ามองดูความอ่อนแอของตัวเองหรืออำนาจของการทดลอง แต่ให้พึ่งพาฤทธิ์อำนาจในพระวจนะของพระเจ้า กำลังอำนาจทั้งหมดในพระวจนะเป็นของเรา ผู้ประพันธ์สดุดีได้กล่าวไว้ว่า “ข้าพระองค์ได้สะสมพระดำรัสของพระองค์ไว้ในใจของข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำบาปต่อพระองค์” “โดยพระวจนะจากพระโอษฐ์ของพระองค์ ข้าพระองค์มิได้ข้องเกี่ยวกับทางแห่งคนทารุณโหดร้าย” สดุดี 119:11; 17:4 {MH 181.2}

Talk courage to the people; lift them up to God in prayer. Many who have been overcome by temptation are humiliated by their failures, and they feel that it is in vain for them to approach unto God; but this thought is of the enemy’s suggestion. When they have sinned, and feel that they cannot pray, tell them that it is then the time to pray. Ashamed they may be, and deeply humbled; but as they confess their sins, He who is faithful and just will forgive their sins and cleanse them from all unrighteousness. {MH 181.3}

จงกล่าวถ้อยคำเพื่อหนุนจิตใจแก่คนทั้งหลาย หนุนชูเขาให้เข้าไปหาพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน หลายคนได้พ่ายแพ้ต่อการทดลองจนทำให้เขาเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ และรู้สึกว่าเขาไม่อาจที่จะเข้าไปหาพระเจ้าได้ แต่ความคิดเช่นนี้เป็นความคิดของศัตรู เมื่อเขาได้กระทำความผิดบาปและรู้สึกว่าเขาไม่สามารถอธิษฐานได้ จงบอกเขาว่า นั่นแหละเป็นเวลาที่เขาจะต้องอธิษฐาน เขาอาจจะรู้สึกละอายและรู้สึกตัวว่าต่ำต้อย แต่เมื่อเขาได้สารภาพบาปผิดของเขา พระองค์ผู้ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมก็จะทรงโปรดยกบาปของเขา และชำระพวกเขาให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น {MH 181.3}

Nothing is apparently more helpless, yet really more invincible, than the soul that feels its nothingness and relies wholly on the merits of the Saviour. By prayer, by the study of His word, by faith in His abiding presence, the weakest of human beings may live in contact with the living Christ, and He will hold them by a hand that will never let go. {MH 182.1}

ไม่มีสิ่งใดที่แสดงถึงความสิ้นหวังและความพ่ายแพ้ได้ชัดเจนมากไปกว่าจิตวิญญาณที่รู้สึกว่าตนเองนั้นไม่มีอะไรเลยและขอพึ่งพาในพระคุณของพระผู้ช่วยให้รอดอย่างหมดสิ้น โดยการอธิษฐาน โดยการศึกษาพระวจนะของพระองค์ โดยความเชื่อว่าพระองค์จะสถิตอยู่ด้วย มนุษย์ผู้อ่อนแอที่สุดย่อมจะมีชีวิตที่ได้สัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระคริสต์ผู้ทรงชนม์ได้ และพระองค์จะทรงยึดเขาไว้ด้วยพระหัตถ์ที่ไม่มีวันปล่อยเขาให้หลุดมือไป {MH 182.1}

These precious words every soul that abides in Christ may make his own. He may say: “I will look unto the Lord; I will wait for the God of my salvation: My God will hear me. Rejoice not against me, O mine enemy: When I fall, I shall arise; When I sit in darkness, The Lord shall be a light unto me.” Micah 7:7, 8. “He will again have compassion on us, He will blot out our iniquities; Yea, Thou wilt cast all our sins into the depths of the sea!” Micah 7:19, Noyes. {MH 182.2} God has promised: “I will make a man more precious than fine gold; Even a man than the golden wedge of Ophir.” Isaiah 13:12. “Though ye have lain among the pots, Yet shall ye be as the wings of a dove covered with silver, And her feathers with yellow gold.” Psalm 68:13. {MH 182.3}

พระวาทะอันล้ำค่าเหล่านี้ที่จิตวิญญาณทุกดวงที่พึ่งพิงในพระคริสต์ย่อมจะนำมาเป็นสมบัติของเขาเอง เขาจะกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะมองดูพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเฝ้าคอยพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้าจะทรงฟังข้าพเจ้า ศัตรูของข้าเอ๋ย อย่าเปรมปรีดิ์เย้ยข้าเลย เมื่อข้าล้มลง ข้าจะลุกขึ้นอีก เมื่อข้านั่งอยู่ในความมืด พระเจ้าจะทรงเป็นความสว่างแก่ข้า” มีคาห์ 7:7, 8 “พระองค์ทรงเมตตาเราทั้งหลายอีก พระองค์จะทรงเหยียบความผิดของเราไว้ พระองค์จะทรงเหวี่ยงบาปทั้งหลายของเรา ลงไปในที่ลึกของทะเล” มีคาห์ 7:19 {MH 182.2} [มหัศจรรย์แห่งการรักษา (1905)] พระเจ้าทรงสัญญาไว้แล้วว่า “เราจะกระทำให้คนมีค่ามากกว่าทองคำเนื้อดี และมนุษย์มีค่ามากกว่าทองคำแห่งโอฟีร์” อิสยาห์ 13:12 (THSV) “ถึงแม้ท่านนอนอยู่ท่ามกลางคอกแกะ ท่านก็จะเหมือนปีกนกเขาที่บุด้วยเงิน และขนของมันที่บุด้วยทองคำ” สดุดี 68:13 (THSV) {MH 182.3}

Those whom Christ has forgiven most will love Him most. These are they who in the final day will stand nearest to His throne. {MH 182.4}

คนทั้งหลายที่พระคริสต์ได้ทรงยกบาปให้มากที่สุดย่อมที่จะรักพระองค์มากที่สุด คนเหล่านี้คือผู้ที่ในวันสุดท้ายจะยืนใกล้กับพระที่นั่งของพระองค์มากที่สุด {MH 182.4}

“They shall see His face; and His name shall be in their foreheads.” Revelation 22:4. {MH 182.5}

“เขาเหล่านั้นจะเห็นพระพักตร์พระองค์ และพระนามของพระองค์จะประทับอยู่ที่หน้าผากเขา” วิวรณ์ 22:4 {MH 182.5}