Chapter 28 (บทที่ 28)
” Ministry of the Home”
“การปรนนิบัติรับใช้ภายในครอบครัว”

The restoration and uplifting of humanity begins in the home. The work of parents underlies every other. Society is composed of families, and is what the heads of families make it. Out of the heart are “the issues of life” (Proverbs 4:23); and the heart of the community, of the church, and of the nation is the household. The well-being of society, the success of the church, the prosperity of the nation, depend upon home influences. {MH 349.1}

การฟื้นฟูและยกระดับจิตวิญญาณของมนุษยชาติเริ่มต้นที่ภายในครอบครัว ภาระหน้าที่ของบิดามารดาเป็นรากฐานรองรับกิจการอื่นทั้งหมด สังคมประกอบด้วยครอบครัวหลายๆ ครอบครัวรวมกัน และจะเป็นเช่นไรย่อมสุดแล้วแต่หัวหน้าครอบครัวจะสรรสร้างให้เป็นไป “เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำออกมาจากใจ” สุภาษิต 4:23 (THSV) และหัวใจสำคัญของสังคม ของคริสตจักรและของประเทศชาตินั้นก็คือ ครอบครัว ความผาสุกของสังคม ความสำเร็จของคริสตจักร ความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ ต่างพึ่งพาอิทธิพลที่มาจากครอบครัว {MH 349.1}

The importance and the opportunities of the home life are illustrated in the life of Jesus. He who came from heaven to be our example and teacher spent thirty years as a member of the household at Nazareth. Concerning these years the Bible record is very brief. No mighty miracles attracted the attention of the multitude. No eager throngs followed His steps or listened to His words. Yet during all these years He was fulfilling His divine mission. He lived as one of us, sharing the home life, submitting to its discipline, performing its duties, bearing its burdens. In the sheltering care of a humble home, participating in the experiences of our common lot, He “increased in wisdom and stature, and in favor with God and man.” Luke 2:52. {MH 349.2}

ชีวิตของพระเยซูทรงสำแดงอย่างชัดเจนถึงความสำคัญและโอกาสของชีวิตภายในครอบครัว พระองค์ผู้เสด็จจากสวรรค์มาเป็นแบบอย่างและครูของเราทรงใช้ชีวิตในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวเป็นเวลาสามสิบปีที่เมืองนาซาเร็ธ พระคัมภีร์ได้บันทึกถึงเหตุการณ์ในช่วงเวลานี้ไว้เพียงย่อๆ ทรงไม่เคยสำแดงการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ที่เรียกความสนใจจากประชาชน ไม่มีฝูงชนที่กระตือรือร้นคอยติดตามทุกย่างก้าวหรือสดับฟังพระวจนะของพระองค์ แต่ถึงกระนั้น ตลอดช่วงเวลานี้ พระองค์ทรงกำลังตระเตรียมเพื่อความสำเร็จของพันธกิจแห่งพระเจ้าของพระองค์ พระองค์ทรงดำรงพระชนม์ชีพเหมือนดังเช่นมนุษย์คนหนึ่ง ทรงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันภายในครอบครัว ทรงปฏิบัติตามกฎระเบียบ ทรงปฏิบัติตามหน้าที่รับผิดชอบและทรงแบ่งเบาภาระในบ้าน ภายใต้การคุ้มครองและเอาใจใส่ของครอบครัวที่ต่ำต้อย ทรงมีส่วนร่วมในประสบการณ์ต่างๆ ของชาวบ้านทั่วไป พระองค์ทรง “จำเริญขึ้นในด้านสติปัญญา ในด้านร่างกาย และเป็นที่ชอบจำเพาะพระเจ้า และต่อหน้าคนทั้งปวงด้วย” ลูกา 2:52 {MH 349.2}

During all these secluded years His life flowed out in currents of sympathy and helpfulness. His unselfishness and patient endurance, His courage and faithfulness, His resistance of temptation, His unfailing peace and quiet joyfulness, were a constant inspiration. He brought a pure, sweet atmosphere into the home, and His life was as leaven working amidst the elements of society. None said that He had wrought a miracle; yet virtue–the healing, life-giving power of love–went out from Him to the tempted, the sick, and the disheartened. In an unobtrusive way, from His very childhood, He ministered to others, and because of this, when He began His public ministry, many heard Him gladly. {MH 350.1}

ในช่วงเวลาที่สันโดษนี้ ชีวิตของพระองค์พรั่งพรูด้วยธารน้ำแห่งความเห็นอกเห็นใจและความโอบอ้อมอารี ความอดทนอดกลั้นและปราศจากความเห็นแก่ตัวของพระองค์ ความกล้าหาญและสัตย์ซื่อของพระองค์ การขัดขืนกับการทดลองของพระองค์ ความสันติสุขและความชื่นชมยินดีอย่างเรียบๆ ของพระองค์ล้วนเป็นแรงหนุนชูจิตใจของคนทั้งปวงอยู่ตลอดเวลา พระองค์ทรงนำบรรยากาศที่บริสุทธิ์ อบอุ่นมาสู่ครอบครัว และชีวิตของพระองค์ทรงเป็นเสมือนเชื้อขนมปังที่ดำเนินงานอยู่ท่ามกลางบุคคลต่างๆ ในสังคม ไม่มีใครกล่าวว่าพระองค์ทรงเคยกระทำการอัศจรรย์ แต่กระนั้น พระคุณความดีของพระองค์ การเยียวยารักษาโรค ความรักที่เสริมกำลังชีวิต ถ่ายทอดอย่างไม่โอ้อวดจากพระองค์ไปยังคนทั้งหลายที่ถูกทดลอง ที่เจ็บป่วยและที่ท้อแท้สิ้นหวัง ตั้งแต่พระองค์ยังทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงปรนนิบัติช่วยเหลือผู้อื่น และด้วยเหตุนี้ เมื่อพระองค์ทรงเริ่มพันธกิจของพระองค์ต่อประชาชนอย่างเปิดเผย หลายคนจึงเปิดใจรับฟังพระองค์ด้วยความยินดี {MH 350.1}

The Saviour’s early years are more than an example to the youth. They are a lesson, and should be an encouragement, to every parent. The circle of family and neighborhood duties is the very first field of effort for those who would work for the uplifting of their fellow men. There is no more important field of effort than that committed to the founders and guardians of the home. No work entrusted to human beings involves greater or more far-reaching results than does the work of fathers and mothers. {MH 350.2}

ชีวิตเยาว์วัยของพระผู้ช่วยให้รอดเป็นมากยิ่งกว่าแบบอย่างให้แก่คนหนุ่มสาว เป็นบทเรียนและควรเป็นแรงหนุนใจให้แก่บิดามารดาทุกคน คนทั้งหลายที่ต้องการหนุนชูจิตวิญญาณของเพื่อนมนุษย์ควรเน้นความพยายามไปยังครอบครัวและระแวกบ้านเป็นเป้าหมายแรก ไม่มีความมุมานะใดที่สำคัญกว่าความมุมานะที่มอบหมายให้แก่ผู้ที่สร้างและปกป้องคุ้มครองครอบครัว ไม่มีงานใดที่ทรงโปรดให้มนุษย์รับผิดชอบจะมีผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่และกว้างไกลมากเท่ากับหน้าที่รับผิดชอบของเหล่าผู้ที่เป็นบิดามารดา {MH 350.2}

It is by the youth and children of today that the future of society is to be determined, and what these youth and children shall be depends upon the home. To the lack of right home training may be traced the larger share of the disease and misery and crime that curse humanity. If the home life were pure and true, if the children who went forth from its care were prepared to meet life’s responsibilities and dangers, what a change would be seen in the world! {MH 351.1}

อนาคตของสังคมถูกกำหนดโดยเด็กๆ และคนหนุ่มสาวของวันนี้ แต่เด็กๆ และคนหนุ่มสาวเหล่านี้จะเป็นคนเช่นไรนั้นย่อมขึ้นอยู่กับครอบครัวของเขาทั้งหลาย การที่เด็กๆ มิได้รับการอบรมอย่างถูกต้องจากครอบครัว เป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคภัย ความทุกข์ยาก และอาชญากรรมที่หลอนมนุษย์ชาติ หากครอบครัวมีชีวิตที่บริสุทธิ์และชอบธรรม หากเด็กๆ ที่ก้าวออกไปจากความรับผิดชอบของครอบครัวเหล่านี้ได้รับการเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับหน้าที่ในชีวิตและภัยอันตราย เราจะเห็นโลกที่เปลี่ยนแปลงสักเพียงไร {MH 351.1}

Great efforts are put forth, time and money and labor almost without limit are expended, in enterprises and institutions for reforming the victims of evil habits. And even these efforts are inadequate to meet the great necessity. Yet how small is the result! How few are permanently reclaimed! {MH 351.2}

มนุษย์พยายามลงทุนลงแรงและเวลาจำนวนมหาศาลเพื่อจัดตั้งสถาบันและหน่วยงานสำหรับบำบัดฟื้นฟูเหยื่อของสิ่งเสพติดมึนเมา แต่กระนั้นความพยายามเหล่านี้ก็ยังไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการ ผลที่ได้รับก็ช่างน้อยเพียงใด มีสักกี่คนที่สามารถฟื้นฟูได้อย่างถาวร {MH 351.2}

Multitudes long for a better life, but they lack courage and resolution to break away from the power of habit. They shrink from the effort and struggle and sacrifice demanded, and their lives are wrecked and ruined. Thus even men of the brightest minds, men of high aspirations and noble powers, otherwise fitted by nature and education to fill positions of trust and responsibility, are degraded and lost for this life and for the life to come. {MH 351.3}

คนมากมายต่างปรารถนาจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่เขาทั้งหลายขาดจิตใจที่เข้มแข็งและขาดความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะตัดขาดจากอำนาจของอุปนิสัย เขาทั้งหลายถดถอยจากความพยายาม การดิ้นรนและการยอมเสียสละที่จำเป็นต้องมี ชีวิตของเขาทั้งหลายจึงตกสู่ความหายนะและความพินาศ ด้วยเหตุนี้ แม้กระทั่งเหล่าคนที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดที่สุด คนที่มีแรงดลใจอันสูงส่งและมีความตั้งใจอันดีงาม หรือมิฉะนั้นก็มีอุปนิสัยและการศึกษาเหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งความรับผิดชอบสูง แต่ปรากฏว่า เขาทั้งหลายกลับเสื่อมในศีลธรรมจนต้องสูญเสียทั้งชีวิตในปัจจุบันและอนาคต {MH 351.3}

For those who do reform, how bitter the struggle to regain their manhood! And all their life long, in a shattered constitution, a wavering will, impaired intellect, and weakened soul power, many reap the harvest of their evil sowing. How much more might be accomplished if the evil were dealt with at the beginning! {MH 351.4}

สำหรับผู้ที่ปฏิรูปได้สำเร็จ การดิ้นรนต่อสู้เพื่อได้ความเป็นมนุษย์กลับมาช่างน่าขื่นขมเพียงใด และตลอดชีวิต ในสภาพร่างกายที่ทรุดโทรม จิตใจไม่เป็นปกติ สติปัญญาที่ถูกกระทบกระเทือนและจิตวิญญาณที่อ่อนแอ หลายคนต้องเก็บเกี่ยวผลแห่งความชั่วร้ายที่เขาทั้งหลายได้หว่านไว้ หากเขาทั้งหลายจัดการกับความเลวร้ายนี้เสียตั้งแต่ต้น จะประสบความสำเร็จมากกว่านี้สักเพียงใด {MH 351.4}

This work rests, in a great degree, with parents. In the efforts put forth to stay the progress of intemperance and of other evils that are eating like a cancer in the social body, if more attention were given to teaching parents how to form the habits and character of their children, a hundredfold more good would result. Habit, which is so terrible a force for evil, it is in their power to make a force for good. They have to do with the stream at its source, and it rests with them to direct it rightly. {MH 352.1}

หน้าที่นี้ส่วนใหญ่ตกอยู่กับบิดามารดา ความพยายามที่ใช้ไปเพื่อหยุดยั้งการเสพสิ่งมึนเมาหรือความชั่วร้ายอื่นๆ ที่กำลังกัดกร่อนสังคมเหมือนดั่งมะเร็งร้ายที่กำลังกินลึกเข้าไปในร่างกายนั้น หากเราให้ความสนใจมากกว่านี้ในการอบรมบิดามารดาให้รู้จักวิธีปลูกฝังนิสัยและหลักความประพฤติของลูกๆ ก็จะบังเกิดผลมากกว่านี้หลายร้อยเท่า นิสัยซึ่งเป็นพลังแห่งความชั่วร้ายที่โหดเหี้ยม ก็ไม่เหนือความสามารถของบิดามารดาที่จะปลูกฝังมันให้กลายเป็นพลังแห่งความดีงามได้ บิดามารดาต้องจัดการที่ต้นตอของปัญหา และขึ้นอยู่กับเขาทั้งสองที่ต้องดำเนินการอย่างถูกต้อง {MH 352.1}

Parents may lay for their children the foundation for a healthy, happy life. They may send them forth from their homes with moral stamina to resist temptation, and courage and strength to wrestle successfully with life’s problems. They may inspire in them the purpose and develop the power to make their lives an honor to God and a blessing to the world. They may make straight paths for their feet, through sunshine and shadow, to the glorious heights above. {MH 352.2}

บิดามารดาอาจวางรากฐานให้บุตรธิดามีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขและมีสุขภาพที่สมบูรณ์ เขาทั้งสองอาจส่งบุตรธิดาออกจากครอบครัวพร้อมกับความอดกลั้นที่สามารถต่อสู้กับการทดลองและพร้อมกับจิตใจที่เข้มแข็งและมีพลังที่จะต่อสู่กับอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตได้ เขาทั้งสองอาจหนุนใจบุตรธิดาให้มีจุดมุ่งหมายและพัฒนาแรงดลใจที่จะดำเนินชีวิตเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าและเป็นพระพรแก่ชาวโลก เขาทั้งสองอาจเตรียมเส้นทางที่ถูกต้องเพื่อนำบุตรธิดาเดินฝ่าความทุกข์ยากหรือความสงบสุข จนกว่าจะถึงแผ่นดินเบื้องบนที่เต็มไปด้วยสง่าราศี {MH 352.2}

The mission of the home extends beyond its own members. The Christian home is to be an object lesson, illustrating the excellence of the true principles of life. Such an illustration will be a power for good in the world. Far more powerful than any sermon that can be preached is the influence of a true home upon human hearts and lives. As the youth go out from such a home, the lessons they have learned are imparted. Nobler principles of life are introduced into other households, and an uplifting influence works in the community. {MH 352.3}

หน้าที่ๆ ต้องปฏิบัติในครอบครัวไม่ได้มีไว้เฉพาะสมาชิกในครอบครัวเท่านั้น ครอบครัวของคริสเตียนเป็นบทเรียนที่เปิดเผยให้ผู้อื่นเห็นถึงหลักของการดำเนินชีวิตที่ดีงาม แบบอย่างเช่นนี้จะเป็นพลังแห่งความดีงามในโลก อิทธิพลของครอบครัวที่มีความชอบธรรมมีพลังเหนือจิตใจและชีวิตของมนุษย์มากยิ่งกว่าคำเทศนาใดๆ เมื่อคนหนุ่มสาวก้าวออกจากครอบครัวที่มีลักษณะเช่นนี้ บทเรียนที่เขาทั้งหลายได้เรียนรู้มาจะถูกถ่ายทอดออกไป หลักการดำเนินชีวิตที่ดีงามจะถูกแนะนำไปสู่ครอบครัวอื่นๆ จนเกิดเป็นอิทธิพลหนุนชูจิตใจต่อชุมชนนั้น {MH 352.3}

There are many others to whom we might make our homes a blessing. Our social entertainments should not be governed by the dictates of worldly custom, but by the Spirit of Christ and the teaching of His word. The Israelites, in all their festivities, included the poor, the stranger, and the Levite, who was both the assistant of the priest in the sanctuary, and a religious teacher and missionary. These were regarded as the guests of the people, to share their hospitality on all occasions of social and religious rejoicing, and to be tenderly cared for in sickness or in need. It is such as these whom we should make welcome to our homes. How much such a welcome might do to cheer and encourage the missionary nurse or the teacher, the care-burdened, hard-working mother, or the feeble and aged, so often without a home, and struggling with poverty and many discouragements. {MH 352.4}

เราทำให้ครอบครัวของเราเป็นพระพรแก่คนอื่นอีกมากมาย งานรื่นเริงของเราไม่ควรจัดตามจารีตของทางโลกแต่ควรอยู่ภายใต้พระวิญญาณของพระคริสต์และคำสั่งสอนตามพระวจนะของพระองค์ ในเทศกาลฉลองทั้งหลาย ชาวอิสราเอลเชิญทั้งคนยากจน คนแปลกหน้าและคนเผ่าเลวีซึ่งเป็นทั้งผู้ช่วยปุโรหิตในสถานบริสุทธิ์ เป็นครูสอนศาสนาและเป็นผู้เผยแพร่ศาสนามาร่วมด้วย คนเหล่านี้ถือว่าเป็นแขกของประชาชนมาร่วมแบ่งปันไมตรีจิตในงานฉลองรื่นเริงต่างๆ และงานที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมทางศาสนา รวมทั้งรับการดูแลเอาใจใส่ด้วยความอ่อนโยนในยามเจ็บป่วยหรือขัดสน คนเหล่านี้แหละเป็นผู้ที่เราควรจะเชื้อเชิญมายังบ้านของเรา การต้อนรับในลักษณะเช่นนี้ย่อมจะช่วยปลุกปลอบและหนุนใจมากยิ่งเพียงไรแก่เหล่าพยาบาลและครูอาจารย์ที่ทำงานในการเผยแพร่ศาสนา แก่มารดาผู้ต้องแบกรับภาระอันหนักที่ทำให้ต้องทุกข์ใจ หรือแก่คนชราที่อ่อนกำลัง ซึ่งมักจะไม่มีแม้แต่บ้านให้อยู่อาศัยและต้องต่อสู้ดิ้นรนกับความยากจนและความท้อแท้สิ้นหวังในหลายๆสิ่ง {MH 352.4}

“When thou makest a dinner or a supper,” Christ says, “call not thy friends, nor thy brethren, neither thy kinsmen, nor thy rich neighbors; lest they also bid thee again, and a recompense be made thee. But when thou makest a feast, call the poor, the maimed, the lame, the blind: and thou shalt be blessed; for they cannot recompense thee: for thou shalt be recompensed at the resurrection of the just.” Luke 14:12-14. {MH 353.1}

พระคริสต์ตรัสว่า “เมื่อท่านจะทำการเลี้ยงจะเป็นกลางวันหรือเวลาเย็นก็ตาม อย่าเชิญเฉพาะเหล่ามิตรสหายหรือพี่น้องหรือญาติหรือเพื่อนบ้านที่มั่งมี เกลือกว่าเขาจะเชิญท่านอีก และท่านจะได้รับการตอบแทน แต่เมื่อท่านทำการเลี้ยง จงเชิญคนจน คนพิการ คนเขยก คนตาบอด แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะว่าเขาไม่มีอะไรจะตอบแทนท่าน ด้วยว่าท่านจะได้รับตอบแทนเมื่อคนชอบธรรมเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว” ลูกา 14:12-14 {MH 353.1}

These are guests whom it will lay on you no great burden to receive. You will not need to provide for them elaborate or expensive entertainment. You will need to make no effort at display. The warmth of a genial welcome, a place at your fireside, a seat at your home table, the privilege of sharing the blessing of the hour of prayer, would to many of these be like a glimpse of heaven. {MH 354.1}

คนเหล่านี้เป็นแขกซึ่งท่านจะรับรองได้โดยไม่เป็นภาระมากมาย ท่านไม่จำเป็นต้องเสียเงินเสียทองซื้ออาหารราคาแพงๆ ในการต้อนรับจัดเลี้ยงเขาทั้งหลาย ไม่จำเป็นต้องจัดเตรียมให้งดงามหรูหราเพื่อโอ้อวด การต้อนรับที่อบอุ่นและมีไมตรีจิต เช่น ที่นั่งข้างเตาผิง ที่โต๊ะอาหารของท่าน รวมทั้งมีโอกาสพิเศษในการแบ่งปันพระพรในระหว่างการอธิษฐาน ย่อมทำให้หลายคนรู้สึกราวกับว่าได้เห็นแผ่นดินสวรรค์ชั่วแวบหนึ่ง {MH 354.1}

Our sympathies are to overflow the boundaries of self and the enclosure of family walls. There are precious opportunities for those who will make their homes a blessing to others. Social influence is a wonderful power. We can use it if we will as a means of helping those about us. {MH 354.2}

ความเห็นอกเห็นใจของเราต้องหลั่งไหลข้ามเส้นแบ่งคั่นผลประโยชน์ส่วนตัวและกำแพงที่ห้อมล้อมครอบครัว มีโอกาสล้ำค่ามากมายที่จะทำให้บ้านของเราเป็นพระพรแก่คนอื่น อิทธิพลของสังคมเป็นพลังที่น่ามหัศจรรย์ เรานำมันมาใช้ได้หากเราต้องการเพื่อเป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือคนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวเรา {MH 354.2}

Our homes should be a place of refuge for the tempted youth. Many there are who stand at the parting of the ways. Every influence, every impression, is determining the choice that shapes their destiny both here and hereafter. Evil invites them. Its resorts are made bright and attractive. They have a welcome for every comer. All about us are youth who have no home, and many whose homes have no helpful, uplifting power, and the youth drift into evil. They are going down to ruin within the very shadow of our own doors. {MH 354.3}

บ้านของเราควรเป็นที่พักพิงของคนหนุ่มสาวที่ถูกทดลอง มีหลายคนที่กำลังยืนอยู่ตรงทางแยก อิทธิพลและความประทับใจทุกรูปแบบเป็นตัวกำหนดทางเลือกซึ่งมีผลต่อชะตาชีวิตทั้งในโลกนี้และในโลกหน้าของเขาเหล่านั้น ความชั่วร้ายเชื้อเชิญเขาทั้งหลาย แหล่งมั่วสุมของมันเต็มไปด้วยแสงสีและน่าเย้ายวนใจ มีคำเชิญชวนอยู่ทั่วทุกมุมถนน รอบๆ ตัวเรามีคนหนุ่มสาวที่ไร้ที่พักและยังมีอีกหลายคนที่ครอบครัวไม่สามารถให้ความช่วยเหลือและหนุนชูใจของเขาทั้งหลาย คนหนุ่มสาวเหล่านี้จมดิ่งลงสู่ความพินาศตรงเงาประตูบ้านของเราเอง {MH 354.3}

These youth need a hand stretched out to them in sympathy. Kind words simply spoken, little attentions simply bestowed, will sweep away the clouds of temptation which gather over the soul. The true expression of heaven-born sympathy has power to open the door of hearts that need the fragrance of Christlike words, and the simple, delicate touch of the spirit of Christ’s love. If we would show an interest in the youth, invite them to our homes, and surround them with cheering, helpful influences, there are many who would gladly turn their steps into the upward path. {MH 354.4}

คนหนุ่มสาวเหล่านี้ต้องการมือที่ยื่นออกไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ถ้อยคำปรานีที่กล่าวอย่างเรียบๆ ความเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ ที่หยิบยื่นให้อย่างปกติธรรมดา จะช่วยขจัดเงามืดแห่งการทดลองที่ล้อมรอบจิตวิญญาณให้ออกไป การแสดงความเห็นอกเห็นใจอย่างจริงใจ มีพลังเปิดประตูหัวใจที่ต้องการถ้อยคำอันไพเราะอ่อนหวานเหมือนอย่างพระคริสต์และสัมผัสอันบริสุทธิ์อ่อนโยนจากพระวิญญาณแห่งความรักของพระคริสต์ ถ้าเราต้องการจะแสดงความเอาใจใส่ต่อเขาทั้งหลาย จงเชิญเขาเหล่านั้นมายังบ้านของเราและห้อมล้อมเขาด้วยบรรยากาศของความเอื้ออาทรและความชื่นชมยินดี มีคนมากมายที่ยินดีหันย่างก้าวของตนไปสู่เส้นทางที่สูงขึ้น {MH 354.4}

Life’s Opportunities Our time here is short. We can pass through this world but once; as we pass along, let us make the most of life. The work to which we are called does not require wealth or social position or great ability. It requires a kindly, self-sacrificing spirit and a steadfast purpose. A lamp, however small, if kept steadily burning, may be the means of lighting many other lamps. Our sphere of influence may seem narrow, our ability small, our opportunities few, our acquirements limited; yet wonderful possibilities are ours through a faithful use of the opportunities of our own homes. If we will open our hearts and homes to the divine principles of life we shall become channels for currents of life-giving power. From our homes will flow streams of healing, bringing life and beauty and fruitfulness where now are barrenness and dearth. {MH 355.1}

โอกาสในชีวิต เวลาของเราในโลกนี้ช่างแสนสั้นนัก เราเดินผ่านโลกนี้ไปได้เพียงครั้งเดียว ขณะที่เราเดินผ่านไป ขอให้เราใช้ชีวิตให้เกิดประโยชน์มากที่สุด งานที่เราได้รับการทรงเรียก ไม่ต้องการทรัพย์สินเงินทองหรือตำแหน่งทางสังคมหรือความสามารถที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่ต้องการวิญญาณแห่งการเสียสละส่วนตนด้วยจิตใจที่เมตตาและมีเป้าหมายที่มุ่งมั่น ตะเกียงดวงหนึ่งไม่ว่าจะเล็กเพียงใด หากจุดไว้ตลอดเวลาก็อาจเป็นเครื่องมือจุดตะเกียงดวงอื่นๆ อีกมากมาย แวดวงอิทธิพลของเราอาจดูเสมือนว่าจะแคบ ความสามารถของเราอาจมีเพียงเล็กน้อย โอกาสของเราอาจมีไม่มาก สิ่งที่เราเรียนรู้อาจมีจำกัด แต่กระนั้น ความเป็นไปได้ที่เหลือเชื่อยังเป็นของเราโดยการใช้โอกาสอย่างสัตย์ซื่อของบ้านของเราเอง หากเราเปิดใจและครอบครัวของเราแก่หลักการชีวิตตามวิถีทางของพระเจ้า เราก็จะเป็นเสมือนดังเส้นทางลำเลียงธารน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต ธาราทิพย์แห่งการบำบัดรักษา ที่หล่อเลี้ยงชีวิต ความงดงามและการบังเกิดผลจะพรั่งพรูจากครอบครัวของเราไปสู่ที่ซึ่งในเวลานี้เต็มไปด้วยความแห้งแล้งและอัตคัดขาดแคลน {MH 355.1}