Chapter 8 (บทที่ 8)
The Physician, an Educator
แพทย์เป็นผู้ให้ความรู้

The true physician is an educator. He recognizes his responsibility, not only to the sick who are under his direct care, but also to the community in which he lives. He stands as a guardian of both physical and moral health. It is his endeavor not only to teach right methods for the treatment of the sick, but to encourage right habits of living, and to spread a knowledge of right principles. {MH 125.1}

แพทย์ที่ซื่อสัตย์อย่างจริงใจจะต้องเป็นผู้ที่ให้ความรู้ เขารู้ดีถึงความรับผิดชอบของเขาซึ่งมิใช่มีเพียงแต่ต่อคนไข้ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขาโดยตรงเท่านั้น แต่ยังนับรวมถึงสังคมที่เขาอาศัยอยู่ด้วย เขาอยู่ในฐานะของผู้ที่คอยดูแลรักษาสุขภาพทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ความพยายามของเขามิมีเพียงแต่คอยแนะนำสั่งสอนถึงวิธีการที่ถูกต้องในการเยียวยารักษาคนที่เจ็บป่วยเท่านั้น แต่ยังจะต้องส่งเสริมสนับสนุนให้รู้จักบ่มเพาะอุปนิสัยอันดีงามในการดำเนินชีวิตและเผยแพร่ความรู้ของหลักการที่ถูกต้องออกไป {MH 125.1}

Need of Education in Health Principles

ความจำเป็นของการศึกษาเกี่ยวกับหลักการในด้านสุขภาพ

Education in health principles was never more needed than now. Notwithstanding the wonderful progress in so many lines relating to the comforts and conveniences of life, even to sanitary matters and to the treatment of disease, the decline in physical vigor and power of endurance is alarming. It demands the attention of all who have at heart the well-being of their fellow men. {MH 125.2}

ไม่มีเวลาใดที่การศึกษาเกี่ยวกับหลักการในด้านของสุขภาพมีความจำเป็นเท่ากับในเวลานี้ แม้ว่าจะมีความเจริญก้าวหน้าอย่างน่าอัศจรรย์ในศาสตร์หลายๆ แขนงที่ช่วยอำนวยความสะดวกและให้ความสุขสบายแก่ชีวิต แม้แต่ในเรื่องของสุขอนามัยและการรักษาโรคภัยไข้เจ็บก็ตาม แต่ความแข็งแรงของร่างกายและกำลังความทนทานของมนุษย์ กลับเสื่อมถอยลงจนน่าวิตก สิ่งนี้ได้เรียกร้องความสนใจจากทุกคนที่มีจิตใจที่เป็นห่วงเป็นใยในความผาสุกของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน {MH 125.2}

Our artificial civilization is encouraging evils destructive of sound principles. Custom and fashion are at war with nature. The practices they enjoin, and the indulgences they foster, are steadily lessening both physical and mental strength, and bringing upon the race an intolerable burden. Intemperance and crime, disease and wretchedness, are everywhere. {MH 125.3}

อารยธรรมจอมปลอมของเรากำลังสนับสนุนให้ความชั่วร้ายทำลายกฎเกณฑ์หลักๆ ไป ธรรมเนียมปฏิบัติและยุคสมัยนิยมกำลังขัดแย้งกับธรรมชาติ การปฏิบัติในสิ่งที่ต้องห้ามและการหลงระเริงปล่อยตัวตามใจตนเองกำลังบั่นทอนทั้งกำลังกายและกำลังความคิด และนำภาระเกินกำลังรับมือมาสู่มวลมนุษยชาติ เราจึงพบเห็นการขาดซึ่งการยับยั้งชั่งใจและอาชญากรรม โรคภัยไข้เจ็บและความทุกขเวทนาปรากฏในทั่วทุกแห่งหน {MH 125.3}

Many transgress the laws of health through ignorance, and they need instruction. But the greater number know better than they do. They need to be impressed with the importance of making their knowledge a guide of life. The physician has many opportunities both of imparting a knowledge of health principles and of showing the importance of putting them in practice. By right instruction he can do much to correct evils that are working untold harm. {MH 126.1}

หลายคนล่วงละเมิดกฎของสุขภาพโดยการรู้เท่าไม่ถึงการณ์และคนเหล่านี้จำต้องได้รับคำแนะนำสั่งสอน แต่คนจำนวนมากรู้ดีแต่ไม่ยอมปฏิบัติตาม เขาทั้งหลายจึงจำเป็นต้องได้รับการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการนำความรู้มาใช้เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต แพทย์มีโอกาสมากมายที่จะให้ทั้งความรู้ของหลักการเกี่ยวกับสุขภาพและยังสามารถสาธิตถึงความสำคัญของการนำความรู้นั้นไปปฏิบัติ ด้วยการแนะนำสั่งสอนที่ถูกต้อง เขาสามารถแก้ไขสิ่งชั่วร้ายซึ่งกำลังสร้างความหายนะที่ไม่อาจพรรณนาได้ {MH 126.1}

A practice that is laying the foundation of a vast amount of disease and of even more serious evils is the free use of poisonous drugs. When attacked by disease, many will not take the trouble to search out the cause of their illness. Their chief anxiety is to rid themselves of pain and inconvenience. So they resort to patent nostrums, of whose real properties they know little, or they apply to a physician for some remedy to counteract the result of their misdoing, but with no thought of making a change in their unhealthful habits. If immediate benefit is not realized, another medicine is tried, and then another. Thus the evil continues. {MH 126.2}

วิธีการปฏิบัติอย่างหนึ่งซึ่งกำลังก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บอย่างมากมายและความเลวร้ายที่รุนแรงยิ่งขึ้นคือการใช้ยาอันตรายกันอย่างเสรี เมื่อเกิดความเจ็บป่วยขึ้น คนจำนวนมากมักไม่พยายามที่จะค้นหาสาเหตุที่ทำให้ต้องเจ็บป่วย ความกังวลที่สำคัญที่สุดของคนเหล่านี้ก็คือ เขาทั้งหลายต้องการขจัดความเจ็บปวดและความไม่สบายให้พ้นไปเสียจากตัว ดังนั้น จึงหันไปใช้ยาที่สามารถซื้อหาได้โดยที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ โดยที่คนเหล่านี้แทบไม่รู้คุณสมบัติที่แท้จริงของยาเหล่านั้นเลย หรือไม่ก็ขอให้แพทย์ขจัดผลอันเกิดจากการกระทำผิดของตนเอง แต่คนเหล่านี้ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงนิสัยที่ทำลายสุขภาพของตนเองเลย หากไม่เห็นผลในแบบทันทีทันใด คนเหล่านี้ก็จะลองใช้ยาตัวอื่นๆ ต่อไปเรื่อย โดยประการฉะนี้ ความชั่วร้ายจึงยังคงดำเนินอยู่ต่อไป {MH 126.2}

People need to be taught that drugs do not cure disease. It is true that they sometimes afford present relief, and the patient appears to recover as the result of their use; this is because nature has sufficient vital force to expel the poison and to correct the conditions that caused the disease. Health is recovered in spite of the drug. But in most cases the drug only changes the form and location of the disease. Often the effect of the poison seems to be overcome for a time, but the results remain in the system and work great harm at some later period. {MH 126.3}

ประชาชนจำเป็นต้องได้รับการสอนแนะว่ายามิได้รักษาโรค จริงอยู่ในบางครั้งยาช่วยบรรเทาอาการที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและดูเสมือนว่าผู้ป่วยหายกลับมาเป็นปกติอันเป็นผลมาจากยาที่ใช้ ทั้งนี้เป็นเพราะว่าธรรมชาติมีกำลังเพียงพอที่จะขจัดพิษให้ออกไปจากร่างกายและแก้ไขสภาพที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคได้ สุขภาพจึงฟื้นกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้งแม้ว่าจะมีการใช้ยาอยู่ก็ตาม แต่โดยกรณีส่วนใหญ่ ยาเพียงแต่เข้าไปเปลี่ยนแปลงรูปแบบและตำแหน่งของโรคเท่านั้น บ่อยครั้งจึงดูเสมือนว่าผลของพิษร้ายถูกทำลายได้ในระยะเวลาหนึ่ง แต่ผลนั้นยังคงอยู่ในระบบของร่างกายและจะ ก่อให้เกิดผลร้ายแรงในเวลาต่อมา {MH 126.3}

By the use of poisonous drugs, many bring upon themselves lifelong illness, and many lives are lost that might be saved by the use of natural methods of healing. The poisons contained in many so-called remedies create habits and appetites that mean ruin to both soul and body. Many of the popular nostrums called patent medicines, and even some of the drugs dispensed by physicians, act a part in laying the foundation of the liquor habit, the opium habit, the morphine habit, that are so terrible a curse to society. {MH 126.4}

การใช้ยาอันตรายทำให้คนเป็นอันมากได้นำความเจ็บป่วยตลอดชีวิตมาสู่ตนเอง และหลายชีวิตต้องดับสูญไปทั้งๆ ที่น่าจะคงมีชิวิตอยู่ต่อไปหากได้นำการบำบัดรักษาโดยวิธีทางธรรมชาติ พิษภัยที่มีอยู่ในสิ่งที่เรียกกันว่ายาบำบัดรักษาโรคได้ก่อให้เกิดนิสัยความเคยชิน และทำให้ร่างกายเกิดความต้องการในสิ่งที่นำความพินาศมาสู่ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ ยาสามัญประจำบ้านที่นิยมหลายขนานที่สามารถซื้อหาได้โดยที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ และแม้แต่ยาบางตัวที่แพทย์จ่ายให้แก่คนไข้ มีส่วนก่อให้เกิดการเสพติดสุรา ฝิ่น หรือมอร์ฟีน อันเป็นต้นเหตุที่นำความหายนะมาสู่ผู้คนในสังคม {MH 126.4}

The only hope of better things is in the education of the people in right principles. Let physicians teach the people that restorative power is not in drugs, but in nature. Disease is an effort of nature to free the system from conditions that result from a violation of the laws of health. In case of sickness, the cause should be ascertained. Unhealthful conditions should be changed, wrong habits corrected. Then nature is to be assisted in her effort to expel impurities and to re-establish right conditions in the system. {MH 127.1}

ความหวังเดียวที่จะนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่าคือการให้ความรู้แก่ผู้คนถึงหลักการที่ถูกต้อง ให้แพทย์ได้สอนประชาชนว่าอำนาจในการรักษาโรคนั้นหาได้อยู่ที่ตัวยาไม่ แต่อยู่ที่ธรรมชาติ ความเจ็บป่วยเป็นความพยายามของธรรมชาติที่จะขจัดสภาวะที่เกิดจากการละเมิดกฎของสุขภาพให้ออกไปจากระบบในร่างกาย เมื่อเกิดความเจ็บป่วยขึ้น เราควรสืบหาสาเหตุของโรคนั้น สภาวะที่ขาดสุขอนามัยก็ควรจะได้รับการเปลี่ยนแปลง นิสัยที่ผิดๆ จะต้องได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง แล้วธรรมชาติจึงจะช่วยให้เราได้กำจัดสิ่งที่ไม่สะอาดออกไปจากร่างกายและจะช่วยฟื้นฟูสภาวะที่เหมาะสมให้กลับคืนสู่ระบบในร่างกาย {MH 127.1}

Natural Remedies

ธรรมชาติบำบัด

Pure air, sunlight, abstemiousness, rest, exercise, proper diet, the use of water, trust in divine power–these are the true remedies. Every person should have a knowledge of nature’s remedial agencies and how to apply them. It is essential both to understand the principles involved in the treatment of the sick and to have a practical training that will enable one rightly to use this knowledge. {MH 127.2}

อากาศบริสุทธิ์ แสงแดด การรู้จักประมาณตน การพักผ่อน การออกกำลังกาย อาหารที่เหมาะสม การใช้น้ำและการไว้วางใจในฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีการที่ใช้ในการบำบัดรักษาโรคได้อย่างแท้จริง ทุกคนควรมีความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติบำบัดและวิธีการใช้ เรามีความจำเป็นที่จะต้องมีทั้งความเข้าใจในหลักการที่เกี่ยวกับการเยียวยารักษาคนที่เจ็บป่วยและได้รับการฝึกฝนทางภาคปฏิบัติเพื่อจะสามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง {MH 127.2}

The use of natural remedies requires an amount of care and effort that many are not willing to give. Nature’s process of healing and upbuilding is gradual, and to the impatient it seems slow. The surrender of hurtful indulgences requires sacrifice. But in the end it will be found that nature, untrammeled, does her work wisely and well. Those who persevere in obedience to her laws will reap the reward in health of body and health of mind. {MH 127.3}

การใช้ธรรมชาติบำบัดต้องการการเอาใจใส่ดูแลและความพากเพียรพยายามซึ่งหลายคนไม่เต็มใจที่จะกระทำ กระบวนการของการรักษาตามธรรมชาติและการเสริมสร้างซ่อมแซมนั้น เป็นวิธีการที่ค่อยเป็นค่อยไป และสำหรับผู้ที่ขาดความอดทนนั้นจึงดูเสมือนว่าเป็นวิธีการที่แสนเชื่องช้า การละทิ้งนิสัยไม่ดีที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเองนั้นย่อมต้องการความเสียสละ แต่ในที่สุดแล้ว ก็จะเห็นว่าธรรมชาติหากไม่ถูกจำกัดขัดขวางก็จะดำเนินงานได้อย่างชาญฉลาดและลงตัว คนทั้งหลายที่มีความอดทนประพฤติตนตามกฎของธรรมชาติก็จะได้เก็บเกี่ยวผลตอบแทนอันล้ำค่าในรูปของสุขภาพที่ดีของทั้งร่างกายและจิตใจ {MH 127.3}

Too little attention is generally given to the preservation of health. It is far better to prevent disease than to know how to treat it when contracted. It is the duty of every person, for his own sake, and for the sake of humanity, to inform himself in regard to the laws of life and conscientiously to obey them. All need to become acquainted with that most wonderful of all organisms, the human body. They should understand the functions of the various organs and the dependence of one upon another for the healthy action of all. They should study the influence of the mind upon the body, and of the body upon the mind, and the laws by which they are governed. {MH 128.1}

โดยทั่วไปแล้ว คนเรามักให้ความสนใจต่อการดูแลรักษาสุขภาพกันน้อยเกินไป การป้องกันโรคย่อมดีกว่าการรู้วิธีการบำบัดรักษาโรคเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เพื่อประโยชน์ต่อตนเองและเพื่อประโยชน์ต่อมนุษยชาติ ทุกคนล้วนมีหน้าที่ต้องแสวงหาความรู้อันเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ต่างๆ ของชีวิตและปฏิบัติตามอย่างมีสติ ทุกคนจำเป็นต้องรู้จักคุ้นเคยถึงระบบของสิ่งมีชีวิตที่มีความมหัศจรรย์มากที่สุดซึ่งก็คือร่างกายของมนุษย์ ทุกคนควรเข้าใจถึงการทำงานของอวัยวะต่างๆ และการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเพื่อการทำงานอย่างแข็งแรงของอวัยวะทั้งหมด ทุกคนควรศึกษาถึงอิทธิพลของจิตใจที่มีต่อร่างกายและของร่างกายที่มีต่อจิตใจรวมทั้งกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่คอยควบคุมการทำงานของทั้งสองสิ่ง {MH 128.1}

Training for Life’s Conflict

การฝึกอบรมตนเองเพื่อรับมือกับการต่อสู้ในชีวิต

We cannot be too often reminded that health does not depend on chance. It is a result of obedience to law. This is recognized by the contestants in athletic games and trials of strength. These men make the most careful preparation. They submit to thorough training and strict discipline. Every physical habit is carefully regulated. They know that neglect, excess, or carelessness, which weakens or cripples any organ or function of the body, would ensure defeat. {MH 128.2}

เราจะต้องคอยย้ำเตือนอยู่เสมอว่า การมีสุขภาพที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ สุขภาพที่ดีเป็นผลจากการที่เราเชื่อฟังกฎ เรื่องนี้เป็นที่ยอมรับกันของนักกีฬาที่ลงแข่งขันและประลองกำลัง คนเหล่านี้ต้องเตรียมตัวอย่างดีที่สุด เขาทั้งหลายต่างทุ่มเทให้กับการฝึกฝนอย่างจริงจังและปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด อุปนิสัยในการเคลื่อนไหวทางร่างกายถูกควบคุมอย่างละเอียด พวกเขารู้ดีว่าการปล่อยปละละเลย การกระทำที่เกินพอดีหรือความสะเพร่าขาดความเอาใจใส่ซึ่งทำให้อวัยวะใดอวัยวะหนึ่งหรือการทำงานของร่างกายอ่อนแอลงหรือใช้การไม่ได้ย่อมจะเป็นสิ่งที่รับประกันได้ถึงความพ่ายแพ้ {MH 128.2}

How much more important is such carefulness to ensure success in the conflict of life. It is not mimic battles in which we are engaged. We are waging a warfare upon which hang eternal results. We have unseen enemies to meet. Evil angels are striving for the dominion of every human being. Whatever injures the health, not only lessens physical vigor, but tends to weaken the mental and moral powers. Indulgence in any unhealthful practice makes it more difficult for one to discriminate between right and wrong, and hence more difficult to resist evil. It increases the danger of failure and defeat. {MH 128.3}

แล้วการดูแลเอาใจใส่สุขภาพเพื่อเป็นการรับรองถึงความสำเร็จของการต่อสู้ในชีวิตมิต้องมีความสำคัญมากยิ่งกว่าสักเท่าใด การต่อสู้ที่เราต้องเข้าร่วมนี้มิใช่เป็นเพียงแค่สนามจำลอง เรากำลังเข้าร่วมในสงครามที่มีชีวิตนิรันดร์เป็นเดิมพัน เราต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่สายตามิอาจแลเห็น ทูตสวรรค์ที่ชั่วร้ายกำลังพยายามควบคุมเหนือมนุษย์ทุกคน สิ่งใดก็ตามที่ทำลายสุขภาพ ไม่เพียงแต่บั่นทอนกำลังของร่างกายเท่านั้น แต่ยังทำให้กำลังสติปัญญาและศีลธรรมเสื่อมทรามตามลงไปด้วย การทำตามใจตัวเองในสิ่งที่ทำลายสุขภาพ ส่งผลให้เราแยกแยะความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ถูกและสิ่งที่ผิดได้ยากยิ่งขึ้น และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ความสามารถในการขัดขืนความชั่วร้ายลำบากยิ่งขึ้น อันตรายจากความล้มเหลวและความพ่ายแพ้จึงมีโอกาสสูงขึ้น {MH 128.3}

“They which run in a race run all, but one receiveth the prize.” 1 Corinthians 9:24. In the warfare in which we are engaged, all may win who will discipline themselves by obedience to right principles. The practice of these principles in the details of life is too often looked upon as unimportant –a matter too trivial to demand attention. But in view of the issues at stake, nothing with which we have to do is small. Every act casts its weight into the scale that determines life’s victory or defeat. The scripture bids us, “So run, that ye may obtain.” Verse 24. {MH 129.1}

“คนเหล่านั้นที่วิ่งแข่งกันก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รับรางวัลมีคนเดียว” 1 โครินธ์ 9:24 ในสงครามที่เรามีส่วนร่วมอยู่นั้น คนที่จะได้รับชัยชนะจะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในระเบียบวินัยด้วยการเชื่อฟังในหลักการที่ถูกต้อง บ่อยครั้งที่การปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้อย่างละเอียดลออกลับถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ และเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินกว่าที่จะต้องใส่ใจ แต่เมื่อพิจารณาถึงประเด็นที่เดิมพันอยู่นั้น ไม่มีสิ่งใดที่เราต้องใช้ในการทำเป็นเรื่องเล็ก การกระทำทุกอย่างมีน้ำหนักที่จะตัดสินชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ของชีวิต พระคัมภีร์ได้บอกแก่เราว่า “เหตุฉะนั้นจงวิ่งเพื่อชิงรางวัลให้ได้” 1 โครินธ์ 9:24 {MH 129.1}

With our first parents, intemperate desire resulted in the loss of Eden. Temperance in all things has more to do with our restoration to Eden than men realize. {MH 129.2}

การที่บรรพบุรุษคู่แรกของเราต้องสูญเสียสวนเอเดนไปนั้น ก็เพราะว่าเกิดความอยากที่ปราศจากการยั้งคิด การรู้จักการประมาณตนในทุกสิ่งมีความสำคัญกับการที่เราจะได้สวนเอเดนกลับคืนมามากยิ่งกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจเสียอีก {MH 129.2}

Pointing to the self-denial practiced by the contestants in the ancient Greek games, the apostle Paul writes: “Every man that striveth for the mastery is temperate in all things. Now they do it to obtain a corruptible crown; but we an incorruptible. I therefore so run, not as uncertainly; so fight I, not as one that beateth the air: but I keep under my body, and bring it into subjection: lest that by any means, when I have preached to others, I myself should be a castaway.” Verses 25-27. {MH 129.3}

เมื่อกล่าวถึงการควบคุมตัวเองของผู้เข้าแข่งขันกีฬาในสมัยกรีกโบราณปฏิบัติกัน อัครทูตเปาโลได้เขียนไว้ว่า “ฝ่ายนักกีฬาทุกคนก็เคร่งครัดในระเบียบทุกอย่าง เขากระทำอย่างนั้นเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ซึ่งร่วงโรยได้ แต่เรากระทำเพื่อจะได้มงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย ส่วนข้าพเจ้าวิ่งแข่งโดยมีเป้าหมาย ข้าพเจ้ามิได้ต่อสู้อย่างนักมวยที่ชกลม แต่ข้าพเจ้าก็ทุบตีร่างกายให้มันแข็งจนอยู่มือ เพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้ว ตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้” 1 โครินธ์ 9:25-27 (THSV) {MH 129.3}

The progress of reform depends upon a clear recognition of fundamental truth. While, on the one hand, danger lurks in a narrow philosophy and a hard, cold orthodoxy, on the other hand there is great danger in a careless liberalism. The foundation of all enduring reform is the law of God. We are to present in clear, distinct lines the need of obeying this law. Its principles must be kept before the people. They are as everlasting and inexorable as God Himself. {MH 129.4}

ความก้าวหน้าของการปฏิรูปขึ้นอยู่กับการยอมรับอย่างแจ่มชัดในรากฐานของความจริง ในแง่หนึ่ง ภัยอันตรายแอบแฝงอยู่ในหลักการที่คับแคบและในความเชื่อหรือหลักปฏิบัติทางศาสนาที่เข้มงวดและเย็นชา ส่วนในอีกแง่หนึ่งยังมีภัยอันใหญ่หลวงของลัทธิเสรีนิยมที่ขาดการยั้งคิด รากฐานของการปฏิรูปที่ยั่งยืนนั้นอยู่ที่พระบัญญัติของพระเจ้า เราจะต้องแสดงให้คนทั่วไปเข้าใจอย่างชัดเจนและกระจ่างแจ้งถึงความจำเป็นในการปฏิบัติตามพระบัญญัตินี้ หลักการของพระบัญญัติจะต้องเผยแพร่ต่อหน้าประชาชนเพราะเป็นบทบัญญัติของพระเจ้าที่จีรังยั่งยืนและไม่แปรเปลี่ยนเช่นเดียวกับพระองค์ {MH 129.4}

One of the most deplorable effects of the original apostasy was the loss of man’s power of self-control. Only as this power is regained can there be real progress. {MH 129.5}

หนึ่งในผลที่น่าเศร้าใจที่สุดของการที่มนุษย์ได้หลงไปจากทางของพระเจ้าในครั้งแรกนั้นก็คือการสูญเสียพลังในการควบคุมตนเองของมนุษย์ การนำอำนาจนี้กลับคืนมาเท่านั้นจึงจะทำให้เกิดความก้าวหน้าในการปฏิรูปได้อย่างแท้จริง {MH 129.5}

The body is the only medium through which the mind and the soul are developed for the upbuilding of character. Hence it is that the adversary of souls directs his temptations to the enfeebling and degrading of the physical powers. His success here means the surrender to evil of the whole being. The tendencies of our physical nature, unless under the dominion of a higher power, will surely work ruin and death. {MH 130.1}

ร่างกายเป็นเพียงเครื่องมือเดียวที่ใช้เพื่อการพัฒนาจิตใจและจิตวิญญาณในการปลูกสร้างอุปนิสัย ดังนั้น ศัตรูของจิตวิญญาณจึงมุ่งการทดลองไปที่การทำให้กำลังของร่างกายอ่อนแอและเสื่อมถอยลง ความสำเร็จของศัตรูในที่นี้หมายถึงการที่ทั้งร่างกายและจิตใจของเราได้ยอมจำนนต่อความชั่วร้าย การฝักใฝ่ตามธรรมชาติฝ่ายร่างกายของเรา หากไม่ได้รับการคุ้มครองจากอำนาจที่เหนือกว่าย่อมนำมาซึ่งความหายนะและความตายอย่างแน่นอน {MH 130.1}

The body is to be brought into subjection. The higher powers of the being are to rule. The passions are to be controlled by the will, which is itself to be under the control of God. The kingly power of reason, sanctified by divine grace, is to bear sway in our lives. {MH 130.2}

ร่างกายนั้นต้องถูกชักนำมาให้ยอมจำนน ฤทธิ์อำนาจที่เหนือขึ้นไปต้องเป็นฝ่ายควบคุมดูแล กิเลศและตัณหาต้องถูกบังคับโดยความตั้งใจซึ่งในตัวมันเองอยู่ภายใต้การควบคุมของพระเจ้า อำนาจอันยิ่งใหญ่ในการใช้เหตุผลซึ่งได้รับการเจิมด้วยพระคุณของพระเจ้าจะเป็นอำนาจที่สามารถบังคับทิศทางในชีวิตของเรา {MH 130.2}

The requirements of God must be brought home to the conscience. Men and women must be awakened to the duty of self-mastery, the need of purity, freedom from every depraving appetite and defiling habit. They need to be impressed with the fact that all their powers of mind and body are the gift of God, and are to be preserved in the best possible condition for His service. {MH 130.3}

ข้อกำหนดต่าง ๆ ของพระเจ้าจะต้องนำกลับมาให้อยู่ในจิตสำนึก มนุษย์ชายหญิงจะต้องได้รับการกระตุ้นเตือนให้ตระหนักถึงหน้าที่ในการควบคุมตัวเอง ความปรารถนาในสิ่งที่บริสุทธิ์ การหลุดพ้นจากความปรารถนาในสิ่งที่ผิดศีลธรรมและอุปนิสัยอันเสื่อมทราม คนทั้งหลายจำเป็นจะต้องรู้ซึ้งถึงความจริงที่ว่า กำลังกายและกำลังความคิดทั้งหมดของตนนั้นเป็นของประทานที่ได้รับจากพระเจ้า และจะต้องได้รับการถนอมรักษาไว้ในสภาพที่ดีที่สุดเพื่อการปรนนิบัติรับใช้ในกิจการของพระองค์ {MH 130.3}

In that ancient ritual which was the gospel in symbol, no blemished offering could be brought to God’s altar. The sacrifice that was to represent Christ must be spotless. The word of God points to this as an illustration of what His children are to be–“a living sacrifice,” “holy and without blemish,” “well-pleasing to God.” Romans 12:1, R.V., margin; Ephesians 5:27. {MH 130.4}

พิธีกรรมในสมัยโบราณอันเป็นสัญลักษณ์ที่เล็งถึงข่าวประเสริฐนั้น มีการนำเครื่องบูชาที่ไม่มีตำหนิมาถวายยังแท่นเผาบูชาของพระเจ้า เครื่องถวายบูชาที่เป็นสัญลักษณ์แทนพระคริสต์นั้นต้องปราศจากจุดด่างพร้อย พระวจนะของพระเจ้าบ่งบอกว่าเครื่องถวายบูชาซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงถึงบรรดาบุตรของพระเจ้านั้นจะต้องเป็น “เครื่องถวายบูชาที่มีชีวิต” “ไม่มีตำหนิริ้วรอย หรือมลทินใด ๆ” “เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า” โรม 12:1; เอเฟซัส 5:27 {MH 130.4}

Apart from divine power, no genuine reform can be effected. Human barriers against natural and cultivated tendencies are but as the sandbank against the torrent. Not until the life of Christ becomes a vitalizing power in our lives can we resist the temptations that assail us from within and from without. {MH 130.5}

ถ้าปราศจากฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า การปฏิรูปที่แท้จริงก็มิอาจสัมฤทธิ์ผล เครื่องกีดขวางของมนุษย์ที่ต่อต้านแรงจูงใจทั้งจากทางธรรมชาติและจากการบ่มเพาะให้กระทำผิดก็เป็นเพียงแค่สันดอนทรายที่ขวางกั้น กระแสน้ำที่เชี่ยวกราก จนกว่าลักษณะชีวิตของพระคริสต์ได้กลายมาเป็นอำนาจเสริมสร้างในชีวิตของเราแล้วเท่านั้นที่เราจึงจะสามารถต้านทานการทดลองที่ถาโถมเข้ามาทั้งจากภายในและภายนอกได้ {MH 130.5}

Christ came to this world and lived the law of God, that man might have perfect mastery over the natural inclinations which corrupt the soul. The Physician of soul and body, He gives victory over warring lusts. He has provided every facility, that man may possess completeness of character. {MH 130.6}

พระคริสต์เสด็จมายังโลกนี้และทรงใช้ชีวิตตามพระบัญญัติของพระเจ้า ทรงเป็นแพทย์ทั้งทางฝ่ายจิตวิญญาณและฝ่ายร่างกาย พระองค์ทรงมีชัยเหนือการทดสอบทั้งมวล พระองค์ทรงจัดเตรียมทุกองคาพยพเพื่อมนุษย์จะได้ก้าวถึงความไพบูลย์ของความประพฤติ {MH 130.6}

When one surrenders to Christ, the mind is brought under the control of the law; but it is the royal law, which proclaims liberty to every captive. By becoming one with Christ, man is made free. Subjection to the will of Christ means restoration to perfect manhood. {MH 131.1}

เมื่อมีผู้ใดยอมจำนนต่อพระคริสต์ จิตใจของเขาก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมของพระบัญญัติ แต่เป็นพระบัญญัติแห่งพระมหากษัตริย์ที่ทรงประกาศอิสรภาพให้แก่เชลยทุกคน ด้วยการร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์ มนุษย์จะเป็นไท การยอมจำนนตามน้ำพระทัยของพระคริสต์หมายถึงการกลับคืนสู่สภาพความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ {MH 131.1}

Obedience to God is liberty from the thralldom of sin, deliverance from human passion and impulse. Man may stand conqueror of himself, conqueror of his own inclinations, conqueror of principalities and powers, and of “the rulers of the darkness of this world,” and of “spiritual wickedness in high places.” Ephesians 6:12. {MH 131.2}

การเชื่อฟังพระเจ้าย่อมนำมาซึ่งอิสรภาพจากการตกเป็นทาสของความผิดบาปและการปลดเปลื้องให้พ้นจากกิเลสและราคะตัณหาของมนุษย์ มนุษย์จะเป็นผู้มีชัยเหนือตนเอง ผู้มีชัยเหนือแรงจูงใจในทางที่ชั่วร้ายของตนเอง ผู้มีชัยเหนือเทพผู้ครอบครองและศักดิเทพและ “เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้” และกับ “วิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ” เอเฟซัส 6:12 {MH 131.2}

In no place is such instruction as this more needed, and nowhere will it be productive of greater good, than in the home. Parents have to do with the very foundation of habit and character. The reformatory movement must begin in presenting to them the principles of the law of God as bearing upon both physical and moral health. Show that obedience to God’s word is our only safeguard against the evils that are sweeping the world to destruction. Make plain the responsibility of parents, not only for themselves, but for their children. They are giving to their children an example either of obedience or of transgression. By their example and teaching, the destiny of their households is decided. The children will be what their parents make them. {MH 131.3}

ไม่มีสถานที่ใดที่คำแนะนำสั่งสอนเช่นนี้มีความจำเป็นเท่าและไม่มีที่แห่งใดที่การอบรมสั่งสอนนี้จะเกิดผลงอกงามได้มากไปกว่าที่ได้รับจากบ้าน บิดามารดาเป็นผู้วางรากฐานของอุปนิสัยและความประพฤติ ขบวนการปฏิรูปนั้นจะต้องเริ่มด้วยการชี้แจงให้บิดามารดาเห็นถึงกฎเกณฑ์ในพระบัญญัติของพระเจ้าที่มีผลต่อสุขภาพทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ จงแสดงให้เห็นว่าการเชื่อฟังต่อพระวจนะของพระเจ้าเป็นเกราะกำบังเดียวของเราในการต่อต้านความชั่วร้ายที่กำลังพัดกระหน่ำทั้งโลกไปสู่ความหายนะ จงชี้แจงอย่างแจ่มชัดถึงความรับผิดชอบของบิดามารดา ทั้งนี้มิใช่เพียงเพื่อตนเองเท่านั้นแต่เพื่อบุตรธิดาของเขาทั้งหลายด้วย เขาทั้งหลายกำลังแสดงตัวอย่างของการเชื่อฟังหรือของการกระทำบาปไม่อย่างไรอย่างหนึ่งแก่ลูก ๆ ของตนเอง จากตัวอย่างและการสั่งสอนของเขาทั้งหลายจะเป็นเครื่องกำหนดทิศทางของครอบครัวของตนเอง ลูก ๆ จะถูกหล่อหลอมตามแบบอย่างที่บิดามารดาได้กระทำ {MH 131.3}

If parents could be led to trace the result of their action, and could see how, by their example and teaching, they perpetuate and increase the power of sin or the power of righteousness, a change would certainly be made. Many would turn away from tradition and custom, and accept the divine principles of life. {MH 131.4}

หากสามารถนำบิดามารดาไปติดตามถึงผลแห่งการกระทำของเขาเองและมองเห็นว่า ด้วยตัวอย่างและการสั่งสอนของตนเอง พวกเขามีส่วนในการขยายอิทธิพลของความผิดบาปหรือเพิ่มอำนาจแห่งความชอบธรรมได้อย่างไร ก็จะก่อให้เกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน หลายคนคงจะเลิกประพฤติตามขนบธรรมเนียมและประเพณีนิยม แล้วหันมารับไว้ซึ่งหลักการในการดำเนินชีวิตตามวิถีทางของพระเจ้า {MH 131.4}

Power of Example

อิทธิพลของแบบอย่าง

The physician who ministers in the homes of the people, watching at the bedside of the sick, relieving their distress, bringing them back from the borders of the grave, speaking hope to the dying, wins a place in their confidence and affection, such as is granted to few others. Not even to the minister of the gospel are committed possibilities so great or an influence so far-reaching. {MH 132.1}

แพทย์ผู้ให้การรักษาพยาบาลที่บ้านของคนไข้ทั้งหลาย คอยเฝ้าอยู่ข้างเตียงของผู้ป่วย ช่วยบรรเทาความทุกข์ยากของผู้ป่วย นำพาคนเหล่านี้ให้รอดพ้นจากความตายและกล่าวหนุนความหวังให้แก่ผู้ที่กำลังจะตาย เขาย่อมจะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจและความรักใคร่จากผู้ที่อยู่ในครอบครัวอย่างที่น้อยคนจะพึงได้รับ แม้แต่ผู้สอนศาสนาที่มีหน้าที่ในการเผยแพร่ข่าวประเสริฐก็ยังไม่มีโอกาสอันยิ่งใหญ่หรือมีอำนาจชักจูงจิตใจได้มากมายถึงเพียงนี้ {MH 132.1}

The physician’s example, no less than his teaching, should be a positive power on the right side. The cause of reform calls for men and women whose life practice is an illustration of self-control. It is our practice of the principles we inculcate that gives them weight. The world needs a practical demonstration of what the grace of God can do in restoring to human beings their lost kingship, giving them mastery of themselves. There is nothing that the world needs so much as a knowledge of the gospel’s saving power revealed in Christlike lives. {MH 132.2}

แบบอย่างการดำเนินชีวิตของแพทย์ไม่ด้อยไปกว่าคำสอนของเขา ควรจะมีอิทธิพลส่งเสริมในด้านที่ถูกต้อง การปฏิรูปเรียกร้องชายหญิงให้มีแนวทางการดำเนินชีวิตของการบังคับตนเอง คำสั่งสอนของเราจะมีน้ำหนักมากขึ้นเมื่อเราได้ปฏิบัติตามหลักการที่เราได้พร่ำสอนอยู่นั้น โลกต้องการเห็นแบบอย่างในภาคปฏิบัติที่แสดงถึงพระคุณของพระเจ้าว่าสามารถช่วยมนุษย์ฟื้นฟูอำนาจที่สูญเสียไปนั้นกลับคืนมา อันจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมตัวเองได้ ไม่มีสิ่งใดที่โลกต้องการมากไปกว่าการเข้าใจถึงฤทธิ์อำนาจในการช่วยให้รอดของข่าวประเสริฐที่แสดงออกมาในชีวิตที่เหมือนพระคริสต์ {MH 132.2}

The physician is continually brought into contact with those who need the strength and encouragement of a right example. Many are weak in moral power. They lack self-control and are easily overcome by temptation. The physician can help these souls only as he reveals in his own life a strength of principle that enables him to triumph over every injurious habit and defiling lust. In his life must be seen the working of a power that is divine. If he fails here, however forcible or persuasive his words may be, his influence will tell for evil. {MH 133.1}

แพทย์ต้องติดต่อเกี่ยวข้องอยู่เสมอกับคนทั้งหลายที่ต้องการซึ่งกำลังและการหนุนใจจากแบบอย่างที่ถูกต้อง หลายคนมีความอ่อนแอในอำนาจฝ่ายศีลธรรม คนเหล่านี้ขาดซึ่งการควบคุมตนเอง ดังนั้นจึงพ่ายแพ้ต่อการทดลองได้อย่างง่ายดาย แพทย์ช่วยจิตวิญญาณเหล่านี้ได้ก็ต่อเมื่อตัวเขาได้แสดงออกให้เห็นในชีวิตของเขาเองถึงความเข้มแข็งของหลักการที่มีชัยชนะเหนืออุปนิสัยอันชั่วร้ายและราคะตัณหาอันเสื่อมทราม เขาจะต้องแสดงให้เห็นถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่ทรงประกอบกิจอยู่ภายในชีวิตของเขา หากเขาล้มเหลวในสิ่งเหล่านี้ ไม่ว่าคำพูดของเขาจะมีกำลังอำนาจหรือสามารถโน้มน้าวจิตใจได้มากเพียงไร อิทธิพลของเขามีแต่จะส่งเสริมอยู่ฝ่ายความชั่วร้าย {MH 133.1}

Many seek medical advice and treatment who have become moral wrecks through their own wrong habits. They are bruised and weak and wounded, feeling their folly and their inability to overcome. Such ones should have nothing in their surroundings to encourage a continuance of the thoughts and feelings that have made them what they are. They need to breathe an atmosphere of purity, of high and noble thought. How terrible the responsibility when those who should give them a right example are themselves enthralled by hurtful habits, their influence affording to temptation an added strength! {MH 133.2}

หลายคนที่มีศีลธรรมจรรยาเสื่อมทรามอันเกิดจากนิสัยที่ผิดๆ ของตัวเองมาขอคำแนะนำและการรักษาพยาบาลจากแพทย์ คนเหล่านี้ต่างฟกช้ำ อ่อนแอและบาดเจ็บ ตระหนักดีถึงความโง่เขลาของตนเองและการไร้ซึ่งกำลังที่จะเอาชนะเหนือความชั่วร้ายได้ บุคคลเช่นนี้ไม่ควรตกอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างต่อเนื่องที่จะคอยส่งเสริมให้เขาเกิดมีความคิดและความรู้สึกที่ทำให้พวกเขาเป็นอย่างเช่นที่พวกเขาเป็น พวกเขาจำเป็นต้องอยู่ในบรรยากาศที่บริสุทธิ์ ในความคิดอันสูงส่งและดีงาม ช่างเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากเพียงไร เมื่อแพทย์ผู้ที่ควรจะแสดงออกถึงแบบอย่างที่ถูกต้องแก่คนเหล่านี้ กลับตกเป็นทาสของนิสัยที่ชั่วร้ายเสียเอง อิทธิพลของแพทย์เหล่านี้จึงนำไปสู่การทดลองและส่งเสริมนิสัยผิด ๆ ให้รุนแรงยิ่งขึ้น {MH 133.2}

The Physician and the Temperance Work

แพทย์และงานด้านการละเว้นจากสิ่งที่เป็นอันตราย

Many come under the physician’s care who are ruining soul and body by the use of tobacco or intoxicating drink. The physician who is true to his responsibility must point out to these patients the cause of their suffering. But if he himself is a user of tobacco or intoxicants, what weight will be given to his words? With the consciousness of his own indulgence before him, will he not hesitate to point out the plague spot in the life of his patient? While using these things himself, how can he convince the youth of their injurious effects? {MH 133.3}

หลายคนที่เข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ได้ทำลายจิตวิญญาณและร่างกายจนเสื่อมโทรมมากแล้วด้วยการบริโภคยาสูบหรือเครื่องดื่มมึนเมา แพทย์ที่ซื่อสัตย์ต่อความรับผิดชอบของตนเองต้องชี้ให้ผู้ป่วยเหล่านี้เห็นถึงต้นเหตุความเจ็บป่วยของเขา แต่หากตัวเขาเองก็ยังสูบบุหรี่หรือดื่มสิ่งมึนเมาแล้ว คำพูดของเขาจะมีน้ำหนักอะไร โดยเหตุที่เขาก็รู้ว่าตัวเองได้ปล่อยตัวมัวเมาในสิ่งที่ชั่วร้าย เขาจะไม่ลังเลใจที่จะชี้ให้คนไข้ได้เห็นถึงสิ่งที่เป็นอันตรายในชีวิตของพวกเขาหรือ ถ้าหากแพทย์เองยังเสพสิ่งเหล่านี้แล้ว เขาจะชักนำให้คนหนุ่มสาวเห็นถึงผลร้ายของมันได้อย่างไร {MH 133.3}

How can a physician stand in the community as an example of purity and self-control, how can he be an effectual worker in the temperance cause, while he himself is indulging a vile habit? How can he minister acceptably at the bedside of the sick and the dying, when his very breath is offensive, laden with the odor of liquor or tobacco? {MH 134.1}

แพทย์จะยืนอยู่ในสังคมเป็นแบบอย่างของความบริสุทธิ์และการควบคุมตนเองได้อย่างไร เขาจะเป็นคนที่ทำงานให้บังเกิดผลในการละเว้นจากสิ่งที่เป็นอันตรายได้อย่างไร ในเมื่อตัวเขาเองก็ยังปล่อยตัวตามใจอยู่กับนิสัยที่ชั่วร้ายอยู่ เขาจะให้การรักษาพยาบาลอยู่ที่ข้างเตียงของคนไข้และผู้ที่กำลังจะตายโดยเป็นที่ยอมรับได้อย่างนั้นหรือ ในเมื่อลมหายใจของเขาก็ยังเป็นที่น่ารังเกียจด้วยกลิ่นของสุราหรือบุหรี่ {MH 134.1}

While disordering his nerves and clouding his brain by the use of narcotic poisons, how can one be true to the trust reposed in him as a skillful physician? How impossible for him to discern quickly or to execute with precision! {MH 134.2}

ตราบใดที่แพทย์ยังทำให้ระบบประสาทและสมองของตัวเองต้องขุ่นมัวและผิดปกติด้วยการใช้สารเสพติด เขาจะยังคงซื่อสัตย์ต่อการได้รับความไว้วางใจในฐานะแพทย์ผู้มีความสามารถได้อย่างไร เขาคงจะไม่อยู่ในสภาพที่จะวินิจฉัยไข้ได้อย่างรวดเร็วและทำการดำเนินการได้อย่างถูกต้องแม่นยำ {MH 134.2}

If he does not observe the laws that govern his own being, if he chooses selfish gratification above soundness of mind and body, does he not thereby declare himself unfit to be entrusted with the responsibility of human lives? {MH 134.3}

หากเขามิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติต่างๆ ที่ควบคุมตัวของเขาเอง หากเขาเลือกที่จะสนองความอยากของตนเองเหนือสุขภาพของร่างกายและจิตใจเช่นนี้แล้ว เขามิได้ประกาศตัวเองหรอกหรือว่าเป็นผู้ที่ไม่สมควรได้รับความไว้วางใจในหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลต่อชีวิตของมนุษย์ {MH 134.3}

However skilled and faithful a physician may be, there is in his experience much of apparent discouragement and defeat. Often his work fails of accomplishing that which he longs to see accomplished. Though health is restored to his patients, it may be no real benefit to them or to the world. Many recover health, only to repeat the indulgences that invited disease. With the same eagerness as before, they plunge again into the round of self-indulgence and folly. The physician’s work for them seems like effort thrown away. {MH 134.4}

ไม่ว่าแพทย์จะมีความสามารถหรือมีความซื่อสัตย์ในหน้าที่มากสักเท่าใด ประสบการณ์ของเขา ยังมีเหตุการณ์ท้อแท้ใจและความล้มเหลวมากมายในอดีตให้เห็นได้อยู่ บ่อยครั้งผลงานของเขาบรรลุผลไม่ได้ตามที่เขาคาดหวัง ถึงแม้ว่าคนไข้ของเขาจะกลับมีสุขภาพหายเป็นปกติแล้วก็ตาม แต่สิ่งนี้ก็อาจจะมิได้เป็นประโยชน์ต่อตัวคนไข้เองหรือต่อโลกได้อย่างแท้จริง หลายคนที่หายจากความเจ็บป่วยเพียงเพื่อจะหวนกลับไปปล่อยตัวมัวเมาในสิ่งชั่วร้ายซึ่งทำให้เกิดโรคภัยขึ้นมาอีก ด้วยความกระหายอยากแบบเดิมๆ พวกเขาถลำลึกลงสู่วงจรของความโง่เขลาและการปล่อยตัวตามใจตนเองอีกครั้ง งานที่แพทย์ได้ทำเพื่อคนเหล่านี้จึงดูเสมือนว่าเป็นความพยายามที่สูญเปล่า {MH 134.4}

Christ had the same experience, yet He did not cease His efforts for one suffering soul. Of the ten lepers who were cleansed, only one appreciated the gift, and he was a stranger and a Samaritan. For the sake of that one, Christ healed the ten. If the physician meets with no better success than the Saviour had, let him learn a lesson from the Chief Physician. Of Christ it is written, “He shall not fail nor be discouraged.” “He shall see of the travail of His soul, and shall be satisfied.” Isaiah 42:4; 53:11. {MH 134.5}

พระคริสต์ก็ทรงประสบเหตุการณ์อย่างเดียวกัน แต่กระนั้นพระองค์ก็มิได้ทรงละความพากเพียรเพื่อจิตวิญญาณที่ต้องทนทุกข์ทรมานแม้แต่ดวงเดียว ในจำนวนคนโรคเรื้อนสิบคนที่ได้รับการรักษาให้หายมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณจากของประทานที่ได้รับ เขาเป็นคนต่างชาติและเป็นชาวสะมาเรีย เพื่อเห็นแก่คนโรคเรื้อนนั้น พระคริสต์ทรงรักษาคนโรคเรื้อนทั้งสิบคนให้หาย หากแพทย์มิได้รับความสำเร็จมากไปกว่าพระผู้ช่วยให้รอดแล้ว ก็ขอให้เขาได้เรียนบทเรียนจากพระเจ้าผู้ทรงเป็นนายแพทย์ใหญ่ มีคำเขียนถึงพระคริสต์ไว้ว่า “ท่านจะไม่ล้มเหลวหรือท้อแท้” ”ท่านจะเห็นผลแห่งความทุกข์ลำบากแห่งวิญญาณจิตของท่านและพอใจ” อิสยาห์ 42:4; 53:11 (TKJV) {MH 134.5}

If but one soul would have accepted the gospel of His grace, Christ would, to save that one, have chosen His life of toil and humiliation and His death of shame. If through our efforts one human being shall be uplifted and ennobled, fitted to shine in the courts of the Lord, have we not cause for rejoicing? {MH 135.1}

หากมีจิตวิญญาณเพียงแค่ดวงเดียวที่ยอมรับข่าวประเสริฐแห่งพระคุณ พระคริสต์ก็จะทรงยอมสมัครพระทัยที่จะดำรงพระชนม์ด้วยความทนทุกข์ทรมานและอัปยศอดสูจนถึงความมรณาอย่างน่าอับอายเพื่อจิตวิญญาณดวงนั้น หากโดยอาศัยความพากเพียรของเรา แล้วทำให้จิตวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้รับการยกระดับไปสู่ความบริสุทธิ์ชอบธรรมเพื่อจะได้เป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะได้ส่องสว่างอยู่ ณ บัลลังก์ของพระเจ้า สิ่งนี้จะไม่ทำให้เรามีความชื่นชมยินดีกระนั้นหรือ {MH 135.1}

The duties of the physician are arduous and trying. In order to perform them most successfully he needs to have a strong constitution and vigorous health. A man that is feeble or diseased cannot endure the wearing labor incident to the physician’s calling. One who lacks perfect self-control cannot become qualified to deal with all classes of disease. {MH 135.2}

แพทย์มีหน้าที่ๆ เหน็ดเหนื่อยและยากลำบาก เพื่อที่จะปฏิบัติหน้าที่เหล่านี้ให้ได้รับผลสำเร็จมากที่สุด เขาจำเป็นจะต้องมีสุขภาพที่ดีและมีกำลังกายที่แข็งแรง คนที่อ่อนแอหรือป่วยเป็นโรคย่อมไม่สามารถที่จะทนทำงานที่เหน็ดเหนื่อยอันเป็นสิ่งปกติของอาชีพแพทย์ได้ คนที่ขาดซึ่งการควบคุมตนเองอย่างครบถ้วนย่อมจะไม่มีคุณสมบัติอันเหมาะสมที่จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่มีอยู่ทั้งปวงได้ {MH 135.2}

Often deprived of sleep, neglecting even to take food, cut off in great degree from social enjoyment and religious privileges, the physician’s life seems to lie under a continual shadow. The affliction he beholds, the dependent mortals longing for help, his contact with the depraved, make the heart sick, and well-nigh destroy confidence in humanity. {MH 135.3}

บ่อยครั้งการอดหลับอดนอน การละเลยแม้แต่ที่จะรับประทานอาหาร หรือเกือบจะถูกตัดขาดออกไปจากการคบค้าสมาคมในวงสังคมและจากการประกอบศาสนกิจ ชีวิตของแพทย์จึงดูประหนึ่งว่าจะตกอยู่ภายใต้เงามืดอยู่ตลอดเวลา ความทุกข์ทรมานที่เขาเห็นมนุษย์ผู้ไร้ที่พึ่งกำลังรอคอยความช่วยเหลือ คนชั่วร้ายที่เขาจะต้องติดต่อเกี่ยวข้องด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้แพทย์ต้องหดหู่หมดกำลังใจจนอาจทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีต่อมนุษย์ด้วยกัน {MH 135.3}

In the battle with disease and death every energy is taxed to the limit of endurance. The reaction from this terrible strain tests the character to the utmost. Then it is that temptation has greatest power. More than men in any other calling, is the physician in need of self-control, purity of spirit, and that faith which takes hold on heaven. For the sake of others and for his own sake, he cannot afford to disregard physical law. Recklessness in physical habits tends to recklessness in morals. {MH 135.4}

ในการต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บและความตาย ทุกพลังงานจะถูกใช้จนถึงสุดขีดจำกัดของความอดทน การตอบสนองจากงานที่เคร่งเครียดมหาโหดเช่นนี้ เป็นบททดสอบอุปนิสัยจนถึงขีดสุด เพราะในขณะนั้น การทดลองจะมีกำลังแก่กล้ามากที่สุด แพทย์จึงจำเป็นต้องมีการควบคุมตนเอง มีจิตใจอันบริสุทธิ์และมีความเชื่อที่ได้ยึดสวรรค์ไว้อย่างมั่นคงมากยิ่งกว่าผู้ที่ทำงานในอาชีพด้านอื่นๆ เพื่อเห็นแก่ผู้อื่นและเพื่อเห็นแก่ตัวของเขาเอง เขาไม่อาจที่จะละเลยต่อกฎสุขภาพที่มีผลต่อร่างกาย การมีนิสัยที่ขาดความยั้งคิดในด้านร่างกายย่อมจะมีแนวโน้มที่จะกระทำให้ขาดความเอาใจใส่ในเรื่องของศีลธรรมด้วย {MH 135.4}

The physician’s only safety is, under all circumstances, to act from principle, strengthened and ennobled by a firmness of purpose found only in God. He is to stand in the moral excellence of His character. Day by day, hour by hour, moment by moment, he is to live as in the sight of the unseen world. As did Moses, he must endure “as seeing Him who is invisible.” {MH 135.5}

ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ความปลอดภัยเดียวของแพทย์คือ การทำทุกสิ่งตามหลักการ มีกำลังใจที่เข้มแข็งและและมีศีลธรรมที่สูงส่งโดยอาศัยความตั้งใจที่แน่วแน่ซึ่งจะพบได้ในพระเจ้าเท่านั้น เขาจะต้องตั้งมั่นอยู่ในคุณงามความดีอันบริสุทธิ์ของพระลักษณะของพระเจ้าในทุกวัน ในทุกชั่วโมง และในทุกเสี้ยวเวลานาที เขาจะต้องดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้สายตาของโลกที่ไม่มีผู้ใดแลเห็น เหมือนดังเช่นโมเสส เขาจะต้องยอมทนอยู่ “ประหนึ่งได้เห็นพระองค์ผู้ไม่ทรงปรากฏแก่ตา” ฮีบรู 11:27 (THSV) {MH 135.5}

Righteousness has its root in godliness. No man can steadily maintain before his fellow men a pure, forceful life unless his life is hid with Christ in God. The greater the activity among men, the closer must be the communion of the heart with heaven. {MH 136.1}

ความชอบธรรมนั้นมีรากฐานอยู่ที่ความเลื่อมไสและยำเกรงในพระเจ้า ไม่มีมนุษย์คนใดที่จะธำรงรักษาไว้ได้อย่างมั่นคงซึ่งชีวิตที่บริสุทธิ์และมีพลังอันเข้มแข็งต่อหน้าเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน นอกเสียจากว่าชีวิตของเขาจะซ่อนไว้กับพระคริสต์ในพระเจ้า ยิ่งเขามีหน้าที่รับผิดชอบที่จะต้องกระทำท่ามกลางมนุษย์มากเท่าใด จิตใจก็ยิ่งจะต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสวรรค์มากเท่านั้น {MH 136.1}

The more urgent his duties and the greater his responsibilities, the greater the physician’s need of divine power. Time must be redeemed from things temporal, for meditation upon things eternal. He must resist an encroaching world, which would so press upon him as to separate him from the Source of strength. Above all other men should he, by prayer and the study of the Scriptures, place himself under the protecting shield of God. He is to live in hourly contact and conscious communion with the principles of truth, righteousness, and mercy that reveal God’s attributes within the soul. {MH 136.2}

เมื่อหน้าที่ของเขายิ่งเร่งด่วนและมีความรับผิดชอบมากขึ้นเท่าใด แพทย์ก็ยิ่งจะต้องมีความต้องการถึงฤทธิ์อำนาจจากพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น เวลาที่อาจจะหมดเปลืองไปกับสิ่งต่างๆ ทางฝ่ายโลกจะต้องนำกลับมาใช้เพื่อการใคร่ครวญถึงสิ่งที่เป็นนิรันดร์ เขาจะต้องต้านทานกับกระแสของโลกที่กำลังรุกล้ำเข้ามา ซึ่งพยายามที่จะผลักดันให้เขาแยกไปจากพระองค์ผู้ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งกำลัง เขาจะต้องมอบตัวเองไว้อยู่ภายใต้โล่ของพระเจ้าด้วยการอธิษฐานและการศึกษาพระคัมภีร์มากยิ่งกว่าคนอื่น เขาต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลากับหลักการแห่งความจริง หลักการแห่งความชอบธรรมและหลักการแห่งความเมตตากรุณาซึ่งสำแดงถึงพระลักษณะของพระเจ้าภายในจิตวิญญาณ {MH 136.2}

Just to the degree in which the word of God is received and obeyed will it impress with its potency and touch with its life every spring of action, every phase of character. It will purify every thought, regulate every desire. Those who make God’s word their trust will quit themselves like men and be strong. They will rise above all baser things into an atmosphere free from defilement. {MH 136.3}

ความมากน้อยของการยอมรับและเชื่อฟังตามพระวจนะของพระเจ้าในแต่ละคนจะแสดงออกให้เห็นถึงพลังอำนาจและรับการสัมผัสได้ในทุกความประพฤติและอุปนิสัยในทุกด้านของคนนั้น พระวจนะของพระเจ้าจะชำระทุกความคิดให้บริสุทธิ์และจะคอยควบคุมทุกความปรารถนา ผู้ที่วางใจในพระวจนะของพระเจ้าจะไม่ทำตัวเป็นคนทั่วไปและจะเป็นคนที่เข้มแข็ง เขาจะอยู่เหนือสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งปวง ขึ้นไปสู่บรรยากาศที่ไร้มลทิน {MH 136.3}

When man is in fellowship with God, that unswerving purpose which preserved Joseph and Daniel amidst the corruption of heathen courts will make his a life of unsullied purity. His robes of character will be spotless. In his life the light of Christ will be undimmed. The bright and morning Star will appear shining steadfastly above him in changeless glory. {MH 136.4}

เมื่อมนุษย์มีสัมพันธภาพร่วมกับพระเจ้า ความตั้งใจอันแน่วแน่แบบเดียวกับที่คุ้มครองโยเซฟและดาเนียลไว้ท่ามกลางความเสื่อมทรามของราชสำนักของคนที่มิได้นับถือพระเจ้า จะทำให้ชีวิตของผู้นั้นมีความบริสุทธิ์ไร้มลทิน เสื้อคลุมแห่งอุปนิสัยจะปราศจากจุดด่างพร้อย แสงสว่างของพระคริสต์ในชีวิตของเขาจะไม่หรี่ลง ดาวประจำรุ่งอันสว่างสุกใสจะส่องรัศมีเจิดจ้าอยู่เหนือเขาโดยไม่โรยรา {MH 136.4}

Such a life will be an element of strength in the community. It will be a barrier against evil, a safeguard to the tempted, a guiding light to those who, amidst difficulties and discouragements, are seeking the right way. {MH 136.5}

ชีวิตเช่นนี้จะเป็นส่วนสำคัญของความเข้มแข็งในชุมชน เป็นสิ่งที่คอยขวางกั้นความชั่วร้าย เป็นเครื่องคุ้มครองป้องกันภัยแก่ผู้ที่ถูกทดลอง และเป็นแสงสว่างนำทางให้แก่คนทั้งหลายที่พยายามแสวงหาหนทางอันชอบธรรมในท่ามกลางความยากลำบากและความท้อแท้สิ้นหวัง {MH 136.5}