Chapter 56 บทที่ 56
True Wisdom
สติปัญญาที่แท้จริง
Young men and young women may obtain the highest earthly education, and yet may be ignorant of the first principles that would make them subjects of the kingdom of God. Human learning cannot qualify any one for the heavenly kingdom. The subjects of Christ’s kingdom are not made thus by forms and ceremonies, or by long study of books. “This is life eternal, that they might know Thee the only true God, and Jesus Christ, whom Thou hast sent.” . . . {MYP 189.1}
เยาวชนหนุ่มสาวอาจรับการศึกษา ทางโลกได้ถึงขั้นสูงสุด แต่ก็อาจไม่ได้รับรู้ ถึงหลักการเบื้องต้นที่พวกเขาทั้งหลาย จำเป็นต้องรู้เพื่อทำให้ตนเองมีคุณสมบัติ เป็นประชากรในแผ่นดินของพระเจ้าได้ การเรียนรู้แบบมนุษย์มิอาจทำให้ผู้ใด เหมาะสมที่จะเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ ประชากรของพระคริสต์มิได้ถูกสร้างจาก รูปแบบและพิธีกรรมต่างๆ เช่นนั้น หรือ จากการศึกษาจากตำราเป็นเวลายาวนาน “นี่แหละคือชีวิตนิรันดร์ คือการที่พวกเขา รู้จักพระองค์ ผู้ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ องค์เดียว และรู้จักพระเยซูคริสต์ที่พระองค์ ทรงใช้มา” โยนาห์ 17:3. . . . {MYP 189.1}
The Old and the New Testament Scriptures need to be studied daily. The knowledge of God and the wisdom of God come to the student who is a constant learner of His ways and works. The Bible is to be our light, our educator. When the youth learn to believe that God sends the dew, the rain, and the sunshine from heaven, causing vegetation to flourish; when they realize that all blessings come from Him, and that thanksgiving and praise are due to Him, they will be led to acknowledge God in all their ways, and discharge with fidelity their duties day by day; God will be in all their thoughts. . . . {MYP 189.2}
The Bible and Science
พระคัมภีร์กับวิทยาศาสตร์
ันธสัญญาเดิมและภาคพันธสัญญา ใหม่ทุกวัน ความรู้และพระปัญญาของ พระเจ้าจะเกิดขึ้นกับผู้ที่หมั่นศึกษาวิธีและ พระหัตถกิจของพระองค์ตลอดเวลา พระคัมภีร์ต้องเป็นความกระจ่างและ ครูสอนของเรา เมื่อเยาวชนเรียนรู้ที่จะ เชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้ประทานน้ำค้าง ฝน แสงแดดจากสวรรค์ เพื่อทำให้พืชผักและ มวลพฤกษชาติงอกงาม เมื่อพวกเขา ตระหนักว่าพระพรทั้งปวงมาจากพระองค์ แล ะเ ร าเป็นหนี้พ ร ะคุณแล ะหนี้ก า ร สรรเสริญตอบแทนพระองค์ พวกเขาจะ ยอมรับพระเจ้าในทุกเรื่องที่ประสบ และ พร้อมที่จะทำหน้าที่แต่ละวันของเขาอย่าง ซื่อสัตย์ พระเจ้าจะอยู่ในความคิดของพวก เขาตลอดเวลา. . . . {MYP 189.2}
Many young men, in talking about science, are wise above that which is written; they seek to explain by something that meets their finite comprehension the ways and work of God; but it is all a miserable failure. True science and Inspiration are in perfect harmony. False science is something independent of God. It is pretentious ignorance. {MYP 189.3}
เยาวชนมากมายมักเข้าใจว่า ตนเองมีความเข้าใจมากกว่าสิ่งที่บันทึกไว้ ในพระคัมภีร์ โดยนำความเข้าใจอันจำกัด ทางวิทยาศาสตร์ของตนมาพิสูจน์แย้งกับ พระราชกิจต่างๆ ของพระองค์ แต่ก็ล้มเหลว อย่างไม่เป็นท่า หลักวิทยาศาสตร์ที่จริงแท้ กับการทรงดลใจของพระเจ้านั้นประสาน และสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์ วิทยาศาสตร์ จอมปลอมเป็นสิ่งที่แยกออกจากพระเจ้า เป็นการไม่ยอมรับรู้ที่เสแสร้งแกล้งโง่ {MYP 189.3}
One of the greatest evils that has attended the quest of knowledge, the investigation of science, is that those who engage in these researches too often lose sight of the divine character of pure and unadulterated religion. The worldly-wise have attempted to explain, on scientific principles, the influence of the Spirit of God upon the heart. The least advance in this direction will lead the mind into the mazes of skepticism. The religion of the Bible is simply the mystery of godliness; no human mind can fully understand it, and it is utterly incomprehensible to the unregenerate heart. {MYP 190.1}
ความเลวร้ายใหญ่หลวงที่สุดอย่าง หนึ่งที่มาข้องแวะกับการแสวงหาความรู้ ในเชิงวิทยาศาสตร์คือการที่ผู้ทำการ ค้นคว้าวิจัยมักจะมองไม่เห็นพระลักษณะ ของพระเจ้าแห่งศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ และไม่มีด่างพร้อย ผู้คงแก่เรียนทางโลก ทั้งหลายต ่างลงแรงอธิบายด้วยหลัก วิทยาศาสตร์ถึงอิทธิพลของพระวิญญาณ ของพระเจ้าที่มีต ่อจิตใจ การเดินไปบน เส้นทางนี้เพียงเล็กน้อยที่สุดก็จะนำสติ ปัญญาของคนนั้นให้เกิดความสงสัยใน ศาสนาขึ้นแล้ว ศาสนาตามพระคัมภีร์นั้นคือความลี้ลับของเทวภาพของพระเจ้า ซึ่ง สติปัญญาของมนุษย์ไม่อาจเข้าใจได้อย่าง ครบถ้วน ยิ่งไปกว่านั้น จิตใจที่ไม่ยอมรับ การฟื้นฟูยิ่งเข้าใจไม่ได้ {MYP 190.1}
The youth will not become weak-minded or inefficient by consecrating themselves to the service of God. To many, education means a knowledge of books; but “the fear of the Lord is the beginning of wisdom.” The youngest child who loves and fears God is greater in His sight than the most talented and learned man who neglects the matter of personal salvation. The youth who consecrate their hearts and lives to God are placing themselves in connection with the Fountain of all wisdom and excellence. {MYP 190.2}
Taught of God
พระเจ้าทรงเป็นผู้สอน
เยาวชนทั้งหลายจะไม่เป็นผู้มีจิตใจ อ่อนแอหรือไร้ประสิทธิภาพด้วยการถวาย ตัวของพวกเขาเองรับใช้พระเจ้า สำหรับ หลายคนแล้ว การศึกษาหมายถึงความรู้ จากตำราเท่านั้น แต่ “ความยำเกรงพระเจ้า เป็นจุดเริ่มต้นของปัญญา” สุภาษิต 9:10 ในสายพระเนตรของพระเจ้า เด็กอายุน้อย ที่สุดผู้ซึ่งรักและยำเกรงพระองค์นั้นยิ่งใหญ่ กว่านักวิชาการที่ฉลาดปราดเปรื่องที่สุด ผู้มองข้ามความรอดของตนเอง เยาวชน ผู้อุทิศจิตใจและชีวิตเพื่อรับใช้พระเจ้ากำลัง วางอนาคตตนเองไว้ที่บ่อน้ำพุแห่งสติปัญญา และความดีเลิศทั้งปวง {MYP 190.2}
If the youth will but learn of the heavenly Teacher, as Daniel did, they will know for themselves that the fear of the Lord is indeed the beginning of wisdom. Having thus laid a sure foundation, they may, like Daniel, turn every privilege and opportunity to the very best account, and may rise to any height in intellectual attainments. Consecrated to God, and having the protection of His grace and the quickening influence of His Holy Spirit, they will manifest deeper intellectual power than the mere worldling. {MYP 190.3}
หากเยาวชนจะเรียนรู้จากพระอาจารย์ แห่งสวรรค์เหมือนดาเนียลแล้ว พวกเขา จะเข้าใจว่าแท้จริงแล้วความยำเกรงพระเจ้า เป็นจุดเริ่มต้นของปัญญา เมื่อพวกเขา วางรากฐานอย่างมั่นคงเช่นนี้แล้ว พวกเขา ก็จะเป็นเหมือนดาเนียลที่เปลี่ยนทุกโอกาส และทุกพระพรให้เกิดผลมากที่สุด และ ไต่เต้าสู่ความสำเร็จทางด้านปัญญาใดก็ได้ ตามต้องการ เมื่อพวกเขายอมอุทิศตน แด่พระเจ้า พร้อมรับการคุ้มครองจากพระคุณ ของพระองค์ และรับแรงดลใจเร่งเร้าจาก พระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาจะสำแดงพลัง ทางสติปัญญาได้ลึกซึ้งกว่าชาวโลกทั่วไป {MYP 190.3}
To learn science through the interpretation that men have placed on it is to obtain a false education. To learn of God, and of Jesus Christ whom He has sent, is to learn the science of the Bible. The pure in heart see God in every providence, in every phase of true education. They recognize the first approach of the light that radiates from God’s throne. Communications from heaven are made to those who will catch the first gleams of spiritual knowledge. {MYP 191.1}
การศึกษาศาสตร์ต่างๆ โดยผ่าน การแปลความหมายที่มนุษย์ตีความหมาย นั้นเป็นการศึกษาที่จอมปลอม การศึกษา เล่าเรียนจากพระเจ้าและจากพระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งพระองค์ประทานมาให้เราเป็นการ ศึกษาศาสตร์ของพระคัมภีร์ ผู้มีใจบริสุทธิ์ จะเข้าใจถึงพระเจ้าในทุกการปกป้องของ พระองค์ ในทุกขั้นตอนของการศึกษา ที่แท้จริง พวกเขาจะตระหนักได้ถึงลำแสง แห่งความกระจ่างตั้งแต่ลำแสงแรกสุดที่ ส่องออกมาจากพระที่นั่งของพระเจ้า การ สื่อสารจากสวรรค์จะเข้าถึงผู้ที่รับรู้ถึงความ กระจ่างแห่งความรู้ทางจิตวิญญาณตั้งแต่ เริ่มต้น {MYP 191.1}
The students in our schools are to regard the knowledge of God as above everything else. Only by searching the Scriptures can this knowledge be attained. “The preaching of the cross is to them that perish foolishness; but unto us which are saved it is the power of God. For it is written, I will destroy the wisdom of the wise, and will bring to nothing the understanding of the prudent. . . . The foolishness of God is wiser than men; and the weakness of God is stronger than men. . . . But of Him are ye in Christ Jesus, who of God is made unto us wisdom, and righteousness, and sanctification, and redemption: that, according as it is written, He that glorieth, let him glory in the Lord.” –The Youth’s Instructor, Nov. 24, 1903. {MYP 191.2}
นักเรียนทั้งหลายในโรงเรียนของเรา จะต้องยึดถือความรู้ของพระเจ้าอยู่เหนือ สิ่งอื่นใด ความรู้นี้จะได้มาโดยการค้นคว้า ศึกษาจากพระคัมภีร์เท่านั้น “เพราะว่า คนทั้งหลายที่กำลังจะพินาศก็เห็นว่า เรื่องกางเขนเป็นเรื่องโง่ แต่เราที่กำลังจะ รอดเห็นว่าเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า เพราะมีคำเขียนไว้ว่า ‘เราจะทำลายสติปัญญา ของคนมีปัญญา และจะทำให้ความฉลาด ของคนฉลาดสูญสิ้นไป’. . . . เพราะ ความเขลาของพระเจ้ายังมีปัญญายิ่งกว่า ปัญญาของมนุษย์และความอ่อนแอของ พระเจ้าก็ยังมีกำลังมากยิ่งกว่ากำลังของ มนุษย์. . . . โดยพระองค์ ท่านทั้งหลายจึง อยู่ในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นพระปัญญา จากพระเจ้าสำหรับเรา ทรงเป็นผู้ทำให้ เราชอบธรรมทรงเป็นผู้ชำระเราให้บริสุทธิ์และทรงเป็นผู้ไถ่บาป เพื่อให้เป็นไปตาม คำเขียนไว้ว่า ‘ให้ผู้โอ้อวด อวดองค์พระผู้ เป็นเจ้า’” 1 โครินธ์ 1:18, 19, 25, 30, 31– The Youth’s Instructor, Nov. 24, 1903. {MYP 191.2}