Chapter 81 (บทที่ 81)
The Value of Bible Study
คุณค่าของการศึกษาพระคัมภีร์

The study of the Bible is superior to all other study in strengthening the intellect. What fields of thought the youth may find to explore in the word of God! The mind may go deeper and still deeper in its research, gathering strength with every effort to comprehend truth; and yet there is an infinity beyond. {MYP 253.1}

การศึกษาพระคัมภีร์มีคุณค่าเสริม สร้างปัญญาเหนือกว่าการศึกษาศาสตร์ อื่นใด มีเนื้อหาความคิดในสาขาอื่นๆ ที่ เยาวชนจะค้นคว้าศึกษาในพระวจนะของ พระเจ้าได้มากถึงขนาดนี้เพียงไร สมอง จะเจาะลึกยิ่งขึ้นและมากขึ้นในการศึกษา ค้นคว้า และด้วยทุกความพยายามเพื่อที่ จะเข้าใจสัจธรรมเขาจะรวบรวมพลังเอาไว้ ถึงกระนั้นก็ยังมีเรื่องไร้ขีดจากัดที่อยู่ไกล โพ้นออกไป {MYP 253.1}

Those who profess to love God and reverence sacred things, and yet allow the mind to come down to the superficial and unreal, are placing themselves on Satan’s ground, and are doing his work. If the young would study the glorious works of God in nature, and His majesty and power as revealed in His word, they would come from every such exercise with faculties quickened and elevated. A vigor would be received, having no kin to arrogance. By a contemplation of the marvels of divine power, the mind will learn that hardest but most useful of all lessons, that human wisdom, unless connected with the Infinite and sanctified by the grace of Christ, is foolishness. {MYP 253.2}

ผู้ที่แสดงตนว่ารักพระเจ้าและ เคารพนับถือสิ่งที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์แต่ยัง คงปล่อยให้สมองหลงงมงายอยู่กับเรื่องผิว เผินไร้สาระและเรื่องไร้ความจริงกาลังพา ตนเองไปอยู่ในดินแดนของซาตาน และ ช่วยมันทางาน หากเยาวชนจะศึกษาพระ ราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในธรรมชาติ รวมทั้งความเกรียงไกรและฤทธานุภาพ ของพระองค์ตามที่สาแดงไว้ในพระวจนะ ของพระองค์แล้ว พวกเขาจะออกจากการ ฝึกฝนเช่นนี้ด้วยศักยภาพที่คล่องแคล่ว และสูงส่ง ได้รับความกระปรี้กระเปร่าโดย ไม่มีความเกี่ยวดองกับความหยิ่งทะนง ด้วยการใคร่ครวญถึงความมหัศจรรย์แห่ง ฤทธานุภาพของพระเจ้า สมองจะเรียนรู้ บทเรียนยากที่สุดแต่มีประโยชน์ที่สุดของ บทเรียนทั้งหลายว่าปัญญาของมนุษย์ หากไม่ผูกติดกับพระเจ้าผู้ทรงไร้ขีดจากัด และชาระด้วยพระคุณของพระคริสต์แล้ว คือความโง่เขลา {MYP 253.2}

The work of God’s dear Son in undertaking to link the created with the Uncreated, the finite with the Infinite, in His own divine person, is a subject that may well employ our thoughts for a lifetime. This work of Christ was to confirm the beings of other worlds in their innocency and loyalty, as well as to save the lost and perishing of this world. He opened a way for the disobedient to return to their allegiance to God, while by the same act He placed a safeguard around those who were already pure, that they might not become polluted. {MYP 253.3}

The Mediatorial Work of Christ
พระรำชกิจกำรไกล่เกลี่ยของพระคริสต์

พระราชกิจของพระบุตรผู้ทรง เป็นที่รักของพระเจ้าในการดาเนินการ เชื่อมผู้ถูกสร้างเข้ากับพระผู้ทรงสร้าง ผู้มี ขอบเขตจากัดเข้ากับพระผู้ไม่มีขอบเขต จากัดด้วยความเป็นพระเจ้าของพระองค์ เอง พระราชกิจนี้เป็นเรื่องที่เราต้องใช้ ความคิดไปตลอดชีวิตของเรา พระคริสต์ ทรงประกอบกิจนี้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ไร้เดียงสาและความจงรักภักดีของผู้มีชีวิต ในโลกอื่น รวมทั้งช่วยผู้ที่หลงหายและ กาลังพินาศในโลกนี้ให้รอด พระองค์ทรง เปิดช่องทางแก่ผู้ไม่เชื่อฟังให้กลับมา สวามิภักดิ์ต่อพระเจ้า ในเวลาเดียวกันก็ทรง คุ้มครองผู้บริสุทธิ์อยู่แล้วไม่ให้เปื้อนมลทิน {MYP 253.3}

While we rejoice that there are worlds which have never fallen, these worlds render praise and honor and glory to Jesus Christ for the plan of redemption to save the fallen sons of Adam, as well as to confirm themselves in their position and character of purity. The arm that raised the human family from the ruin which Satan has brought upon the race through his temptations, is the arm which has preserved the inhabitants of other worlds from sin. Every world throughout immensity engages the care and support of the Father and the Son; and this care is constantly exercised for fallen humanity. Christ is mediating in behalf of man, and the order of unseen worlds also is preserved by His mediatorial work. Are not these themes of sufficient magnitude and importance to engage our thoughts, and call forth our gratitude and adoration to God? {MYP 254.1}

ผู้ที่แสดงตนว่ารักพระเจ้าและ เคารพนับถือสิ่งที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์แต่ยัง คงปล่อยให้สมองหลงงมงายอยู่กับเรื่องผิว เผินไร้สาระและเรื่องไร้ความจริงกาลังพา ตนเองไปอยู่ในดินแดนของซาตาน และ ช่วยมันทางาน หากเยาวชนจะศึกษาพระ ราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในธรรมชาติ รวมทั้งความเกรียงไกรและฤทธานุภาพ ของพระองค์ตามที่สาแดงไว้ในพระวจนะ ของพระองค์แล้ว พวกเขาจะออกจากการ ฝึกฝนเช่นนี้ด้วยศักยภาพที่คล่องแคล่ว และสูงส่ง ได้รับความกระปรี้กระเปร่าโดย ไม่มีความเกี่ยวดองกับความหยิ่งทะนง ด้วยการใคร่ครวญถึงความมหัศจรรย์แห่ง ฤทธานุภาพของพระเจ้า สมองจะเรียนรู้ บทเรียนยากที่สุดแต่มีประโยชน์ที่สุดของ บทเรียนทั้งหลายว่าปัญญาของมนุษย์ หากไม่ผูกติดกับพระเจ้าผู้ทรงไร้ขีดจากัด นามาให้เผ่าพันธุ์มนุษย์โดยการล่อลวง ของมันทรงเป็นพระกรเดียวกันกับที่ทรง ปกป้องรักษาชาวโลกอื่นๆ ให้พ้นจากบาป โลกทุกใบในห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่ ไพศาลต่างได้รับการดูแลและสนับสนุน จุนเจือของพระบิดาและพระบุตรทั้งสิ้น และการคุ้มครองนี้ก็ยังคงอยู่กับมนุษยชาติ ที่ล้มลงในบาป พระคริสต์ยังทรงทูลขอเพื่อ แก้ต่างแทนมนุษย์ และความเป็นระเบียบ ในโลกอื่นๆ ที่ตาเปล่ามองไม่เห็นก็เป็น พระราชกิจการแก้ต่างของพระองค์เช่นกัน ใจความสาคัญเหล่านี้ยังไม่ยิ่งใหญ่และ สาคัญพอที่เราจะนาไปไตร่ตรองและเชิญ ชวนให้เราถวายความซาบซึ้งในพระคุณ และสรรเสริญพระเจ้าหรือ {MYP 254.1}

Open the Bible to our youth, draw their attention to its hidden treasures, teach them to search for its jewels of truth, and they will gain a strength of intellect such as the study of all that philosophy embraces could not impart. The grand subjects upon which the Bible treats, the dignified simplicity of it inspired utterances, the elevated themes which it presents to the mind, the light, sharp and clear, from the throne of God, enlightening the understanding, will develop the powers of the mind to an extent that can scarcely be comprehended, and never fully explained. {MYP 254.2}

Intellectual Development
กำรพัฒนำด้ำนปัญญำ

จงกางพระคัมภีร์ออกให้แก่เยาวชน ของเรา ดึงความสนใจของพวกเขาไปยัง ขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ สอนพวกเขาให้ค้นหา อัญมณีแห่งสัจธรรม แล้วพวกเขาจะเกิด พลังทางปัญญาชนิดที่ปรัชญาทั้งหมดที่มี อยู่ไม่อาจมอบให้พวกเขาได้ เนื้อหาอันยิ่ง ใหญ่ที่พระคัมภีร์กล่าวถึง ถ้อยคาอันงาม สง่าเรียบง่ายที่ได้รับการดลใจ สาระสาคัญ อันสูงส่งที่นาเสนอให้กับจิตใจ ความสว่าง ที่คมและชัดแจ้งจากพระที่นั่งของพระเจ้า ซึ่งสร้างความกระจ่างให้กับความเข้าใจ สิ่งเหล่านี้จะพัฒนาพลังของสติปัญญาไป จนถึงขอบเขตที่ยากจะเข้าใจและไม่อาจ อธิบายได้อย่างเต็มที่ {MYP 254.2}

The Bible presents a boundless field for the imagination, as much higher and more ennobling in character than the superficial creations of the unsanctified intellect as the heavens are higher than the earth. The inspired history of our race is placed in the hands of every individual. All may now begin their research. They may become acquainted with our first parents as they stood in Eden, in holy innocency, enjoying communion with God and sinless angels. They may trace the introduction of sin and its results upon the race, and follow, step by step, down the track of sacred history, as it records the disobedience and impenitence of man and the just retribution for sin. {MYP 255.1}

พระคัมภีร์นาเสนอสาขาความรู้ที่ ไร้ขอบเขตแก่จินตนาการซึ่งมีคุณลักษณะ สูงส่งกว่างานสร้างสรรค์จากปัญญาที่ ตื้นเขินและไม่ได้รับการชาระให้บริสุทธิ์ เฉกเช่นฟ้าสวรรค์ที่สูงกว่าแผ่นดินโลก ประวัติศาสตร์ที่ได้รับการดลใจของเผ่าพันธุ์ ของเราจัดวางไว้ในมือของทุกคนแล้ว บัดนี้ ทุกคนสามารถเริ่มต้นค้นคว้าได้ด้วยตัวเอง พวกเขาจะเริ่มคุ้นเคยกับพ่อแม่คู่แรกของ เราในขณะที่ทั้งสองดาเนินชีวิตในสวน เอเดนอย่างบริสุทธิ์ไร้มลทิน เพลิดเพลิน กับการสื่อสัมพันธ์กับพระเจ้าและทูต สวรรค์ทั้งหลายที่ไร้บาป พวกเขาแกะรอย กลับไปสู่การเข้ามาของบาปและผลที่มี ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ และติดตามไปทีละ ก้าวตามแนวทางของประวัติศาสตร์อัน ศักดิ์สิทธิ์ตามที่บันทึกเรื่องราวการไม่ เชื่อฟังและการไม่สานึกบาปของมนุษย์ และผลตอบแทนของบาปอย่างยุติธรรม {MYP 255.1}

The reader may hold converse with patriarchs and prophets; he may move through the most inspiring scenes; he may behold Christ, who was Monarch in heaven, equal with God, coming down to humanity, and working out the plan of redemption, breaking off from man the chains wherewith Satan had bound him, and making it possible for him to regain his godlike manhood. Christ taking upon Himself humanity, and preserving the level of man for thirty years, and then making His soul an offering for sin, that man might not be left to perish, is a subject for the deepest thought and the most concentrated study. . . . {MYP 255.2}

The Highest Culture
วัฒนธรรมระดับสูงที่สุด

ผู้อ่านสามารถสนทนากับบรรพชน และผู้เผยพระวจนะ เขาเข้าไปอยู่ใน เหตุการณ์บันดาลใจเหตุการณ์แล้ว เหตุการณ์เล่าได้ เขามองเห็นพระคริสต์ ผู้ทรงครองราชย์บัลลังก์บนสวรรค์ พระ ผู้ทรงเทียบเท่าพระเจ้า เสด็จลงมาจุติ เป็นมนุษย์และสานแผนงานของการไถ่ มนุษยชาติให้รอดจากโซ่ตรวนของมาร ซาตานซึ่งผูกมัดพวกเขาจนสาเร็จได้ ทาให้พวกเขาคืนสู่พระฉายของพระเจ้า พระคริสต์ทรงรับสภาพมนุษย์มาไว้กับ ตัวเองและรักษาสถานะภาพของการเป็น มนุษย์ถึง 30 ปีและจากนั้นประทานจิต วิญญาณของพระองค์เองเป็นเครื่องถวาย บูชาบาป เพื่อมนุษยชาติจะได้ไม่ต้องพินาศ เรื่องนี้เป็นหัวข้อให้ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง และเป็นการศึกษาที่เข้มข้นที่สุด. . . . {MYP 255.2}

Let the mind grasp the stupendous truths of revelation, and it will never be content to employ its powers upon frivolous themes; it will turn with disgust from the trashy literature and idle amusements that are demoralizing the youth of today. Those who have communed with the poets and sages of the Bible, and whose souls have been stirred by the glorious deeds of the heroes of faith, will come from the rich fields of thought far more pure in heart and elevated in mind than if they had been occupied in studying the most celebrated secular authors, or in contemplating and glorifying the exploits of the Pharaohs and Herod’s and Caesar’s of the world. {MYP 255.3}

จงให้สมองไขว่คว้าเรื่องการเปิดเผย สัจธรรมอันยิ่งใหญ่นี้ไว้ให้มั่น แล้วมันจะ เลิกสนใจเรื่องไร้สาระอีกต่อไป มันจะ หันหนีด้วยความสะอิดสะเอียนไปจาก วรรณกรรมขยะ และความบันเทิงที่ ไร้ประโยชน์ซึ่งคอยทาลายศีลธรรมของ เยาวชนในยุคนี้ ผู้ที่แลกเปลี่ยนความคิด เห็นอย่างสนิทสนมกับกวีและนักปราชญ์ ต่างๆ ของพระคัมภีร์ และจิตวิญญาณของ พวกเขาได้รับแรงดลใจจากวีรกรรมอัน เกรียงไกรของเหล่าวีรชนแห่งความเชื่อนั้น จะก้าวออกจากแหล่งปัญญาอันอุดมนี้ ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์กว่าและจิตใจที่สูงส่งกว่า ที่พวกเขาไปทุ่มเทอยู่กับการศึกษาเล่า เรียนผลงานของนักประพันธ์ทางโลกหรือ พินิจพิเคราะห์และยกย่องความกล้าหาญ ของบรรดากษัตริย์ฟาโรห์ กษัตริย์เฮโรด และจักรพรรดิซีซาร์ทั้งหลายของโลก {MYP 255.3}

The powers of the youth are mostly dormant, because they do not make the fear of God the beginning of wisdom. The Lord gave Daniel wisdom and knowledge, because he would not be influenced by any power that would interfere with his religious principles. The reason why we have so few men of mind, of stability and solid worth, is that they think to find greatness while disconnecting from Heaven. {MYP 256.1}

พลังของเยาวชนส่วนใหญ่อยู่แน่นิ่ง เพราะพวกเขาไม่ได้นาความยาเกรง พระเจ้ามาเป็นจุดเริ่มต้นของปัญญา พระยาห์เวห์ประทานปัญญาและความรู้ แก่ดาเนียลเนื่องจากเขาไม่ยอมให้อานาจ อื่นใดมามีอิทธิพลขัดขวางหลักการทาง ศาสนาของเขา เหตุผลที่เรามีคนฉลาด ปราดเปรื่อง หนักแน่นและมีคุณค่าจานวน น้อยนิด ก็เพราะพวกเขาคิดที่จะแสวงหา ความยิ่งใหญ่โดยตัดขาดจากสวรรค์ {MYP 256.1}

God is not feared, and loved, and honored, by the children of men. Religion is not lived out, as well as professed. The Lord can do but little for man, because he is so easily exalted, is so ready to think himself of consequence. God would have us enlarge our capabilities, and avail ourselves of every privilege to unfold, to cultivate, to strengthen the understanding. Man was born for a higher, nobler life than that which he develops. The period of our mortal existence is preparatory to the life which measures with the life of God. {MYP 256.2}

พระเจ้าไม่ได้รับความยาเกรง ความรักและเกียรติจากเหล่าบุตรทั้งหลาย ของมนุษย์ พวกเขาไม่ได้ดาเนินชีวิตตาม หลักศาสนาอย่างที่พวกเขาอ้าง พระยาห์เวห์ จึงทรงประกอบกิจในมนุษย์ได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากเขาหลงคาเยินยอได้ง่ายมาก และพร้อมที่จะคิดว่าตนเองนั้นเกิดผล พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราพัฒนาศักยภาพ ของเราให้เพิ่มขึ้น และให้เราใช้ทุกสิทธิ พิเศษเพื่อค้นหา ปลูกฝังและเสริมความ เข้าใจ มนุษย์เกิดมาเพื่อชีวิตที่สูงส่งกว่า สง่างามกว่าที่เป็นอยู่ ระยะเวลาของชีวิตอมตะ ที่เรากาลังดาเนินอยู่นี้เป็นการเตรียมชีวิต เพื่อให้คู่ควรกับชีวิตของพระเจ้า {MYP 256.2}

What subjects are presented in the Sacred Scriptures for the mind to dwell upon! Where can be found higher themes for contemplation? Where are themes so intensely interesting? In what sense are all the researches of human science comparable in sublimity and mystery with the science of the Bible? Where is anything that will so call out the strength of the intellect in deep and earnest thought? {MYP 257.1}

The Bible the Greatest Teacher
พระคัมภีร์เป็นอำจำรย์ยิ่งใหญ่ที่สุด

มีวิชาใดบ้างที่พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์นี้ นาเสนอเพื่อให้สมองได้วิเคราะห์ไตร่ตรอง เราจะหาสาระอื่นที่สูงค่ากว่านี้ได้จากที่ใด มีเรื่องราวใดที่น่าสนใจกว่าเรื่องนี้อีกไหม ในแง่คิดใดที่งานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ ต่างๆ ของมนุษย์จะเทียบความบริสุทธิ์ สูงส่งและความลึกลับกับศาสตร์ของ พระคัมภีร์ได้บ้าง มีสิ่งอื่นใดอีกไหมที่จะ เค้นพลังของความนึกคิดและปัญญาของ มนุษย์ได้อย่างลึกซึ้งและแรงกล้าเช่นนี้ {MYP 257.1}

If we will let it speak to us, the Bible will teach us what nothing else can teach. But alas! everything else is dwelt upon except the word of God. Worthless literature, fictitious stories, are greedily devoured, while the Bible, with all its treasures of sacred truth, lies neglected upon our tables. The Sacred Word, if made the rule of life, will refine, elevate, and sanctify. It is the voice of God to man. Will we heed it? {MYP 257.2}

หากเรายอมให้พระคัมภีร์พูดกับเรา พระคัมภีร์จะสอนเราถึงเรื่องที่ไม่มีสิ่งอื่นใด สอนเราได้ แต่อนิจจา เรายุ่งอยู่กับทุกเรื่อง ยกเว้นพระวจนะของพระเจ้า วรรณคดี ไร้ค่า นิยายปั้นแต่ง เราล้วนอ่านกันอย่าง ละโมบในขณะที่พระคัมภีร์ซึ่งเต็มไปด้วย ขุมทรัพย์ของสัจธรรมอันศักดิ์สิทธิ์กลับ ถูกมองข้ามวางทิ้งไว้บนโต๊ะ หากนา พระวจนะศักดิ์สิทธิ์มาเป็นกฎแห่งชีวิตแล้ว พระวจนะจะขัดเกลา ยกชูและชาระชีวิต ให้บริสุทธิ์ พระวจนะเป็นพระสุรเสียงของ พระเจ้าที่มาถึงมนุษย์ แล้วเราจะไม่สนใจ หรือ {MYP 257.2}

“The entrance of Thy words giveth light; it giveth understanding unto the simple.” Angels stand beside the searcher of the Scriptures, to impress and illuminate the mind. The command of Christ comes to us with the same force today as when addressed to the first disciples eighteen hundred years ago: “Search the Scriptures; for in them ye think ye have eternal life: and they are they which testify of Me.”–Review and Herald, January 11, 1881. {MYP 257.3}

“การอธิบายพระวจนะของพระองค์ ให้ความสว่าง ทั้งให้ความเข้าใจแก่คน รู้น้อย” สดุดี 119:130 เหล่าทูตสวรรค์ ยืนเคียงข้างผู้ที่กาลังศึกษาพระคัมภีร์อยู่ เพื่อดลใจและให้ความกระจ่างแก่สติปัญญา พระบัญชาของพระคริสต์มาถึงเราด้วย ฤทธานุภาพเช่นเดียวกับที่ประทานแก่เหล่า สาวกในยุคแรกเมื่อหนึ่งพันแปดร้อยปีที่แล้ว “พวกท่านค้นดูในพระคัมภีร์เพราะท่าน คิดว่าในนั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์ นั้นเองเป็นพยานให้กับเรา” ยอห์น 5:39– Review and Herald, January 11, 1881. {MYP 257.3}